ผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งในยุคปลายราชวงศ์ฮั่นตะวันออก ก่อนจะกลายเป็นยุคสามก๊กนั้น ความจริงถ้าหากคนผู้นี้ลดความดื้อรั้นหยิ่งยโสโอหังไม่ฟังเสียงใครลงบ้าง น่าจะได้เป็นผู้รวบรวมแผ่นดินจีนไว้ในปกครองก่อนผู้อื่น
อ้วนเสี้ยว หรือ หยวนส้าว 袁绍Yuan shao เป็นบุคคลที่กระผมกำลังพูดถึง
ตระกูลอ้วนเป็นตระกูลขุนนางใหญ่ในยุคราชวงศ์ฮั่นตะวันออกมาหลายชั่วคน แต่ในหลายชั่วคนนั้นยังมีหลายคนชั่วปะปนอยู่ด้วยไม่น้อย ตามประสาตระกูลใหญ่ที่ออกไข่กันยั้วเยี้ยอย่างไม่มีการกลั่นกรอง เกิดอาการหน้ามืดขึ้นมาเมื่อไรก็ไปไข่ทิ้งไข่ขว้างตามที่ต่างๆ
พอมีลูกหลานเกิดตามมายั้วเยี้ยเพราะสมัยนั้นยังไม่มีถุงมีชัยหรือการคุมกำเนิดอย่างที่เรียกให้เพราะพริ้งว่าวางแผนครอบครัว ตระกูลอ้วนจึงมีทั้งคนดีและคนชั่วปะปนอยู่มากมาย กลายเป็นปัญหาใหญ่เรื้อรังคาราคาซัง กระทั่งทำให้อ้วนเสี้ยวไม่สามารถตั้งตนเป็นใหญ่ได้สำเร็จ ทั้งที่มีความเพียบพร้อมกว่าขุนศึกก๊กอื่นๆ ในยุคเดียวกัน
ต้องย้อนเล่านิดหนึ่งถึงตั๋งโต๊ะ จอมเผด็จการจากชายแดนซึ่งจับพลัดจับผลูเข้ามากุมอำนาจในเมืองหลวงได้ เนื่องจากโฮจิ๋น ผู้บัญชาการทหารสูงสุดซึ่งได้ตำแหน่งนี้มาโดยอาศัยชายกระโปรงของน้องสาวซึ่งเป็นพระราชินี
โฮจิ๋นงี่เง่าถึงขนาดออกคำสั่งเชื้อเชิญตั๋งโต๊ะจากขุนศึกชายแดนภาคตะวันตกมาปราบปรามพวกขันทีในราชสำนัก ลงเอยด้วยการที่โฮจิ๋นถูกพวกขันทีฆ่าตาย และตั๋งโต๊ะยึดอำนาจในเมืองหลวงและราชสำนักแทนพวกขันที แล้วตั๋งโต๊ะก่อกรรมทำเข็ญอยู่นานหลายปีกว่าจะถูกลิโป้พวกเดียวกันล้มโต๊ะ
ตอนที่เกิดความไม่พอใจลุกฮือขึ้นเพื่อล้มโต๊ะนั้น ...
อ้วนเสี้ยวมีตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการกองกำลังรักษาพระนคร แต่เนื่องจากเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานสูงเสียดฟ้า ทว่า การตัดสินใจมักต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ทั้งยังอ้วนอุ้ยอ้ายไม่คล่องตัวจึงต้องเผ่นหนีไปตั้งหลักอยู่นอกพระนคร
ช่วงเวลานั้น โจโฉเป็นนายทหารระดับผู้บังคับการกรมเคยอยู่ใต้บังคับบัญชาของอ้วนเสี้ยวมาก่อน ตั๋งโต๊ะเห็นโจโฉมีฝีมือสติปัญญาจึงเรียกตัวมาไว้ใช้สอยและไว้ใจให้ทำงานใกล้ชิดถึงขนาดเข้านอกออกในทำเนียบของตั๋งโต๊ะได้ โจโฉอาศัยความใกล้ชิดคิดจะลอบสังหารตั๋งโต๊ะ แต่ทำไม่สำเร็จจึงต้องเผ่นหนีหลีกภัยไปเหมือนกัน
โจโฉเห็นว่าอ้วนเสี้ยวเจ้านายเก่ายังมีอิทธิพลอยู่มาก จึงไปร่วมงานและยกให้อ้วนเสี้ยวเป็นหัวหน้าคณะ รสช. โดยมีขุนศึกก๊กอื่นๆ มาร่วมด้วยช่วยกันเพื่อทำการล้มโต๊ะรวมแล้วมีมากมายหลายก๊กถึง 17 ก๊ก
หากอ้วนเสี้ยวเป็นคนเด็ดขาด ย่อมสามารถใช้โอกาสทองคราวนั้น ล้มโต๊ะแล้วตั้งตนเป็นรัฐบาลพรรคเดียวได้ไม่ยากนัก แต่อ้วนเสี้ยวไม่เด็ดขาด ปล่อยให้ขุนศึกอดีตหัวหน้าก๊กต่างๆ ทำตัวกร่างอย่างไม่เกรงใจหัวหน้าพรรค .. เอ๊ย .. หัวหน้าก๊ก
วันดีคืนดี หรือ ความจริงเป็นวันร้ายคืนร้ายมากกว่า ผู้คนบางคนหรือบางพวกที่มารวมเป็นพวกกับอ้วนเสี้ยวอย่างหลวมๆ อันสืบเนื่องมาจากการเกิดฝนตกห่าใหญ่ในวันลงคะแนนเสียงเลือกตั้งหัวหน้าคณะ รสช.
ผู้คนบางคนอันมีที่มาจากรถซาเล้งขนมากองรวมกันก็ทำเรื่องกระด้างกระเดื่องระคายเคืองตาปลามัจฉาเนตรของอ้วนเสี้ยวอย่างรุนแรง อย่างเช่น บางคนที่มีฝีมือทางขีดเขียนก็เขียนหนังสือกระหนะกระแหนหาว่าอ้วนเสี้ยวมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ตั้งชื่อหนังสือแสบไส้ว่า “ ความบ้าอำนาจเป็นธรรมชาติของเทวดา ”
อ้วนเสี้ยวเห็นชื่อหนังสือยังไม่ต้องเปิดอ่านเนื้อเรื่องภายในก็โกรธกริ้วจนหน้าอ้วนอูมกลายเป็นหน้าสี่เหลี่ยม ครั้นเรื่องนี้ซาหายไปยังไม่ทันไร ก็มีเรื่องใหม่ให้อ้วนเสี้ยวปวดสะดืออีก เพราะแก๊งองุ่นเปรี้ยวภายในพรรคอ้วนรักอ้วนได้เข้าชื่อกันเป็นบัญชีหางว่าวแสดงอาการต่อต้านอ้วนเสี้ยวอย่างโจ๋งครึ่ม
ใครทำเรื่องนี้ก็ยังไม่เจ็บใจเท่ากับ 袁术 หยวนซู่ ( อ้วนสุด) Yuan shu ซึ่งเป็นเครือญาติของอ้วนเสี้ยวนั้นเองเป็นตัวตั้งตัวตี ถึงขนาดบอกว่าทำเรื่องนี้ไม่ได้หนักหัวกบาลใคร
อ้วนสุดเจ็บใจอ้วนเสี้ยวมานานแล้ว ทั้งที่อ้วนสุดมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนให้อ้วนเสี้ยวเป็นหัวหน้าก๊กร้อยพ่อพันแม่ แต่เมื่ออ้วนเสี้ยวผงาดขึ้นเป็นหัวหน้าก๊กคุมเสียงข้างมากในสภาคณะ รสช. อ้วนเสี้ยวกลับไม่ให้ความสำคัญอ้วนสุดเท่าที่ควรถึงขนาดเขี่ยอ้วนสุดขึ้นหิ้งไปเป็นประธานโจ๊ก หรือ หัวหน้าก๊าก ไม่มีงานเป็นชิ้นเป็นอันจึงต้องทำเรื่องตลกขบขันอยู่เนืองๆ รวมถึงเรื่องระคายเคืองต่อมหงุดหงิดของอ้วนเสี้ยว
เรื่องของอ้วนสุดก็น่าขำจริงๆ ตอนที่หมดบารมีแตกหนีพ่ายทัพไปกับแก๊งองุ่นเปรี้ยวนั้น ร้องงอแงเรียกหาน้ำผึ้งมากลั้วคอ ทหารรับใช้รำคาญนักบอกไม่มีหรอกนะน้ำผึ้งมีแต่น้ำล้างชามโจ๊กจะเอาหรือไม่ อ้วนสุดฟังแล้วเจ็บใจถึงขั้นกระอักเลือดตาย
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ เกิดขึ้นในยุคปลายราชวงศ์ฮั่นตะวันออกนะครับ..อิ อิ
อ้วนเสี้ยว หรือ หยวนส้าว 袁绍Yuan shao เป็นบุคคลที่กระผมกำลังพูดถึง
ตระกูลอ้วนเป็นตระกูลขุนนางใหญ่ในยุคราชวงศ์ฮั่นตะวันออกมาหลายชั่วคน แต่ในหลายชั่วคนนั้นยังมีหลายคนชั่วปะปนอยู่ด้วยไม่น้อย ตามประสาตระกูลใหญ่ที่ออกไข่กันยั้วเยี้ยอย่างไม่มีการกลั่นกรอง เกิดอาการหน้ามืดขึ้นมาเมื่อไรก็ไปไข่ทิ้งไข่ขว้างตามที่ต่างๆ
พอมีลูกหลานเกิดตามมายั้วเยี้ยเพราะสมัยนั้นยังไม่มีถุงมีชัยหรือการคุมกำเนิดอย่างที่เรียกให้เพราะพริ้งว่าวางแผนครอบครัว ตระกูลอ้วนจึงมีทั้งคนดีและคนชั่วปะปนอยู่มากมาย กลายเป็นปัญหาใหญ่เรื้อรังคาราคาซัง กระทั่งทำให้อ้วนเสี้ยวไม่สามารถตั้งตนเป็นใหญ่ได้สำเร็จ ทั้งที่มีความเพียบพร้อมกว่าขุนศึกก๊กอื่นๆ ในยุคเดียวกัน
ต้องย้อนเล่านิดหนึ่งถึงตั๋งโต๊ะ จอมเผด็จการจากชายแดนซึ่งจับพลัดจับผลูเข้ามากุมอำนาจในเมืองหลวงได้ เนื่องจากโฮจิ๋น ผู้บัญชาการทหารสูงสุดซึ่งได้ตำแหน่งนี้มาโดยอาศัยชายกระโปรงของน้องสาวซึ่งเป็นพระราชินี
โฮจิ๋นงี่เง่าถึงขนาดออกคำสั่งเชื้อเชิญตั๋งโต๊ะจากขุนศึกชายแดนภาคตะวันตกมาปราบปรามพวกขันทีในราชสำนัก ลงเอยด้วยการที่โฮจิ๋นถูกพวกขันทีฆ่าตาย และตั๋งโต๊ะยึดอำนาจในเมืองหลวงและราชสำนักแทนพวกขันที แล้วตั๋งโต๊ะก่อกรรมทำเข็ญอยู่นานหลายปีกว่าจะถูกลิโป้พวกเดียวกันล้มโต๊ะ
ตอนที่เกิดความไม่พอใจลุกฮือขึ้นเพื่อล้มโต๊ะนั้น ...
อ้วนเสี้ยวมีตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการกองกำลังรักษาพระนคร แต่เนื่องจากเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานสูงเสียดฟ้า ทว่า การตัดสินใจมักต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ทั้งยังอ้วนอุ้ยอ้ายไม่คล่องตัวจึงต้องเผ่นหนีไปตั้งหลักอยู่นอกพระนคร
ช่วงเวลานั้น โจโฉเป็นนายทหารระดับผู้บังคับการกรมเคยอยู่ใต้บังคับบัญชาของอ้วนเสี้ยวมาก่อน ตั๋งโต๊ะเห็นโจโฉมีฝีมือสติปัญญาจึงเรียกตัวมาไว้ใช้สอยและไว้ใจให้ทำงานใกล้ชิดถึงขนาดเข้านอกออกในทำเนียบของตั๋งโต๊ะได้ โจโฉอาศัยความใกล้ชิดคิดจะลอบสังหารตั๋งโต๊ะ แต่ทำไม่สำเร็จจึงต้องเผ่นหนีหลีกภัยไปเหมือนกัน
โจโฉเห็นว่าอ้วนเสี้ยวเจ้านายเก่ายังมีอิทธิพลอยู่มาก จึงไปร่วมงานและยกให้อ้วนเสี้ยวเป็นหัวหน้าคณะ รสช. โดยมีขุนศึกก๊กอื่นๆ มาร่วมด้วยช่วยกันเพื่อทำการล้มโต๊ะรวมแล้วมีมากมายหลายก๊กถึง 17 ก๊ก
หากอ้วนเสี้ยวเป็นคนเด็ดขาด ย่อมสามารถใช้โอกาสทองคราวนั้น ล้มโต๊ะแล้วตั้งตนเป็นรัฐบาลพรรคเดียวได้ไม่ยากนัก แต่อ้วนเสี้ยวไม่เด็ดขาด ปล่อยให้ขุนศึกอดีตหัวหน้าก๊กต่างๆ ทำตัวกร่างอย่างไม่เกรงใจหัวหน้าพรรค .. เอ๊ย .. หัวหน้าก๊ก
วันดีคืนดี หรือ ความจริงเป็นวันร้ายคืนร้ายมากกว่า ผู้คนบางคนหรือบางพวกที่มารวมเป็นพวกกับอ้วนเสี้ยวอย่างหลวมๆ อันสืบเนื่องมาจากการเกิดฝนตกห่าใหญ่ในวันลงคะแนนเสียงเลือกตั้งหัวหน้าคณะ รสช.
ผู้คนบางคนอันมีที่มาจากรถซาเล้งขนมากองรวมกันก็ทำเรื่องกระด้างกระเดื่องระคายเคืองตาปลามัจฉาเนตรของอ้วนเสี้ยวอย่างรุนแรง อย่างเช่น บางคนที่มีฝีมือทางขีดเขียนก็เขียนหนังสือกระหนะกระแหนหาว่าอ้วนเสี้ยวมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ตั้งชื่อหนังสือแสบไส้ว่า “ ความบ้าอำนาจเป็นธรรมชาติของเทวดา ”
อ้วนเสี้ยวเห็นชื่อหนังสือยังไม่ต้องเปิดอ่านเนื้อเรื่องภายในก็โกรธกริ้วจนหน้าอ้วนอูมกลายเป็นหน้าสี่เหลี่ยม ครั้นเรื่องนี้ซาหายไปยังไม่ทันไร ก็มีเรื่องใหม่ให้อ้วนเสี้ยวปวดสะดืออีก เพราะแก๊งองุ่นเปรี้ยวภายในพรรคอ้วนรักอ้วนได้เข้าชื่อกันเป็นบัญชีหางว่าวแสดงอาการต่อต้านอ้วนเสี้ยวอย่างโจ๋งครึ่ม
ใครทำเรื่องนี้ก็ยังไม่เจ็บใจเท่ากับ 袁术 หยวนซู่ ( อ้วนสุด) Yuan shu ซึ่งเป็นเครือญาติของอ้วนเสี้ยวนั้นเองเป็นตัวตั้งตัวตี ถึงขนาดบอกว่าทำเรื่องนี้ไม่ได้หนักหัวกบาลใคร
อ้วนสุดเจ็บใจอ้วนเสี้ยวมานานแล้ว ทั้งที่อ้วนสุดมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนให้อ้วนเสี้ยวเป็นหัวหน้าก๊กร้อยพ่อพันแม่ แต่เมื่ออ้วนเสี้ยวผงาดขึ้นเป็นหัวหน้าก๊กคุมเสียงข้างมากในสภาคณะ รสช. อ้วนเสี้ยวกลับไม่ให้ความสำคัญอ้วนสุดเท่าที่ควรถึงขนาดเขี่ยอ้วนสุดขึ้นหิ้งไปเป็นประธานโจ๊ก หรือ หัวหน้าก๊าก ไม่มีงานเป็นชิ้นเป็นอันจึงต้องทำเรื่องตลกขบขันอยู่เนืองๆ รวมถึงเรื่องระคายเคืองต่อมหงุดหงิดของอ้วนเสี้ยว
เรื่องของอ้วนสุดก็น่าขำจริงๆ ตอนที่หมดบารมีแตกหนีพ่ายทัพไปกับแก๊งองุ่นเปรี้ยวนั้น ร้องงอแงเรียกหาน้ำผึ้งมากลั้วคอ ทหารรับใช้รำคาญนักบอกไม่มีหรอกนะน้ำผึ้งมีแต่น้ำล้างชามโจ๊กจะเอาหรือไม่ อ้วนสุดฟังแล้วเจ็บใจถึงขั้นกระอักเลือดตาย
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ เกิดขึ้นในยุคปลายราชวงศ์ฮั่นตะวันออกนะครับ..อิ อิ