xs
xsm
sm
md
lg

รุกขเทวดา

เผยแพร่:   โดย: สุขสันต์ วิเวกเมธากร

วันนี้ ต้องคุยเรื่องนิทานเก่าๆ เรื่องหนึ่ง ซึ่งเคยฟังมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ กันอีก ไม่รู้ว่าท่านเคยฟังหรือเรียนมาด้วยหรือไม่ และเด็กสมัยนี้ยังจะได้เรียนได้ฟังกันอีกหรือเปล่า กระผมขอเก็บเรื่องมาเล่าสู่กันฟัง โดยต้องกราบขออภัยที่ไม่ใช้สำนวนอย่างของเดิม

นิทานเรื่องนี้มีอยู่ว่า...

ชายตัดฟืนคนหนึ่งไปตัดต้นไม้ในป่าเพื่อเอามาทำฟืน เกิดพลาดพลั้งทำขวานตกหล่นจากมือลงไปในน้ำ ชายคนนี้ว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้แต่นั่งร้องไห้เสียดายขวานคู่มือ

ก็ไม่รู้ว่าเป็นชาวบ้านป่าได้อย่างไรถึงว่ายน้ำไม่เป็น ซึ่งเป็นความจำเป็นอย่างหนึ่งในการดำรงชีพอยู่ตามป่าเขาลำเนาไพร แถมยังขี้แยเหลือเกิน เพียงแค่ทำขวานหล่นลงน้ำก็นั่งร้องไห้กระจองอแง ผิดปกติวิสัยของคนที่ต้องหากินตามป่าซึ่งต้องมีความเข้มแข็งแกร่งกล้า แต่เมื่อเรื่องนี้เป็นเทพนิยายก็ต้องว่าอะไรๆ ที่ไม่จำเป็นต้องสมเหตุสมผล

เทพารักษ์หรือรุกขเทวดา 树神ซู่ เสิน shu shen ตกใจตื่นเพราะเสียงร้องไห้ จึงกระโดดลงมาถามชายตัดฟืนว่าร้องไห้หาพระแสงหอกอันใดให้หนวกหู ชายขี้แยบอกว่าไม่ได้ร้องไห้หาพระแสงหอกหรอก แต่ร้องไห้หาขวานที่ตกน้ำป๋อมแป๋ม

เทวดาฟังแล้วก็กระโจนพรวดลงไปในน้ำแล้วงมขวานขึ้นมาเล่มหนึ่งซึ่งสะท้อนแสงแดดเป็นประกายระยิบระยับเพราะเป็นขวานทองคำล้ำค่ายื่นส่งให้ชายตัดฟืนถามว่าใช่ขวานอันนี้หรือไม่

ชายตัดฟืนเห็นขวานแล้วสั่นหัวดิกๆ บอกว่าไม่ใช่หรอก เพราะอันนี้เป็นขวานทองคำ เทวดาได้ยินก็ตีลังกากลับหลังม้วนตัวสามตลบลงไปในน้ำแล้วกลับขึ้นมาพร้อมด้วยขวานเล่มใหม่มีแสงแวววาวเพราะเป็นขวานเงินยื่นส่งให้ชายตัดฟืนซึ่งเห็นแล้วก็สั่นหัวอีกตามเคย พร้อมกับบอกว่าเล่มนี้ก็ไม่ใช่ของตนอีกนั่นแหละ

รุกขเทวดาฟังแล้วรู้สึกพอใจมาก กระโดดสปริงตัวขึ้นไปบนต้นไม้แล้วพุ่งลงมาด้วยท่าทางเท่ระเบิดระดับนักกีฬากระโดดน้ำเหรียญทองโอลิมปิก ตรงดิ่งหายลงไปในน้ำโดยที่น้ำไม่แตกกระจายสักนิด แล้วกลับขึ้นมาอีกพร้อมด้วยขวานเหล็กยื่นส่งให้ชายตัดฟืน

เมื่อชายตัดฟืนรับขวานเล่มนั้นมาพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนเพราะกลัวเทวดาแกล้งหลอกเอาขวานเหล็กของคนอื่นมาให้ ดูจนแน่ใจแล้วก็ร้องลั่นด้วยความดีใจว่า

“ แม่นแล้ว ขวานเล่มนี้เป็นของข้อยอีหลี ”

รุกขเทวดาลูบหัวของชายตัดฟืนอย่างพออกพอใจแล้วเอ่ยเอื้อนด้วยน้ำเสียงเอื้ออาทรบอกว่า

“ ข้าดีใจจริงๆ ที่เอ็งเป็นคนซื่อสัตย์สุจริต ไม่คิดละโมบอยากได้ในของที่ไม่ใช่ของตนเอง เพื่อตอบแทนความซื่อสัตย์ของเอ็ง ข้าขอมอบขวานทองคำและขวานเงินให้เอ็งเป็นของแถม พร้อมกับเขียนจดหมายให้เอ็งฉบับหนึ่งให้เก็บไว้เป็นหลักฐานสำคัญยืนยันความซื่อสัตย์ของเอ็งด้วย เพราะเหตุการณ์นี้มีเอ็งกับข้ารู้เห็นเท่านั้น หากไม่มีจดหมายของข้าให้เอ็งเป็นหลักฐานไว้ จะไม่มีใครเชื่อว่าเอ็งซื่อสัตย์จริงๆ”

ชายตัดฟืนดีใจมาก ก้มกราบด้วยความเคารพอย่างสูงด้วยท่าเบญจางคประดิษฐ์ขอบพระคุณรุกขเทวดาระล่ำระลักและกลับบ้านไปด้วยความดีอกดีใจ กลายเป็นเศรษฐีใหม่อยู่ในสังคมไฮโซฯ เพราะได้พบกับรุกขเทวดาเอื้ออาทรมาทรงโปรด

กระผมจำไม่ได้ว่า นิทานเรื่องนี้สุดท้ายสอนไว้ว่าอย่างไร รู้แต่เพียงว่า เดี๋ยวนี้ป่าไม้หดหายไปมาก !! มาไตร่ตรองอย่างใคร่ครวญดูแล้ว รู้แจ้งถึงสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งซึ่งทำให้ป่าไม้ถูกทำลายอย่างรวดเร็ว เกิดจากการที่รุกขเทวดาไม่รักษาหน้าที่ของตนเอง

การที่ชายตัดฟืนมาตัดต้นไม้แล้วทำขวานหล่นลงน้ำร้องไห้กระจองอแง แทนที่เทวดาจะลงมาว่ากล่าวตักเตือนหรือถ้าเป็นเทวดาขี้โมโหสักหน่อยก็จะตบบ้องหูสักสองฉาดที่บังอาจมาโค่นบ้านของตน กลับช่วยงมขวานให้อย่างนี้เท่ากับยื่นเครื่องมือให้ผู้อื่นมาทำลายตนเอง หรือพูดให้ชัดเจนคือการยื่นดาบให้โจร คืนขวานเหล็กให้แล้วยังไม่พอ ยังให้ทั้งขวานทองคำและขวานเงินอีกแถมด้วยจดหมาย เหมือนให้ท้ายกันชัดๆ

น่าคิดว่า ชายตัดฟืนผู้ซื่อสัตย์คนนั้น หลังจากร่ำรวยขึ้นมาเพราะมีขวานทองคำขวานเงินแล้วยังจะซื่อสัตย์เหมือนเดิมอีกหรือไม่ เพราะมีคนตั้งข้อสังเกตว่าบางคนยิ่งรวยก็ยิ่งโกง คนตัดฟืนคงเลิกอาชีพเก่าเพราะไม่ต้องทำอย่างนั้นอีกแล้ว อาจเอาขวานทองคำและขวานเงินไปขายแล้วซื้อเลื่อยไฟฟ้า รถแทรกเตอร์ เครื่องจักรเครื่องกลต่างๆ ที่ทันสมัยทุ่นแรงกว่ากันตั้งเยอะจ้างให้ผู้คนมากมายไปตัดต้นไม้ใหญ่ๆ ทำเงินมหาศาลกว่าการตัดฟืนขายอีกอักโข

เรื่องนี้ คงต้องสอนสรุปท้ายกันใหม่ว่า...

สมน้ำหน้ารุกขเทวดา ต้องกลายเป็นเทวดาตกสวรรค์ไร้ที่อยู่เพราะต้นไม้ถูกตัดโค่นราพณาสูรหมดป่าแล้ว และการที่รุกขเทวดาผู้มีหน้าที่รักษาต้นไม้ละเลยหน้าที่ของตนเอง ย่อมสมควรถูกลงโทษอีกด้วยป่านนี้อาจถูกจับติดคุกหัวโตอยู่แล้วก็ได้
กำลังโหลดความคิดเห็น