xs
xsm
sm
md
lg

เจ้าเหวินจั๊ว : จากนักกีฬามวยจีนสู่เส้นทางนักแสดงหนังบู๊

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


วันก่อน ผู้สื่อข่าวของเสิ่นหยังเดลี่ได้มีโอกาสโทรศัพท์ไปสัมภาษณ์ เจ้าเหวินจั๊ว ดาราหนุ่มที่กำลังมีผลงานละครโทรทัศน์เรื่อง ฟงอวิ๋น ภาค 2 ฉายในจอบ้านเราอยู่ในขณะนี้ เจ้าเหวินจั๊วได้เล่าถึงเส้นทางก่อนที่จะมาเป็นดาราดาวบู๊อย่างที่ทุกคนรู้จัก และมุมมองความคิดเกี่ยวกับหนังกังฟูในปัจจุบันด้วย

เป็นนักแสดงดาวบู๊คือชะตาลิขิต

นักข่าว : ดูจากชื่อของคุณ รู้สึกว่าพ่อแม่คุณคาดหวังให้ลูกไปทางบุ๋นมากกว่าบู๊นะ (คำว่า 'เหวิน' ในชื่อของ เจ้าเหวินจั๊ว มีความหมายว่า 'หนังสือ' หรือ 'ฝ่ายบุ๋น')

เจ้าเหวินจั๊ว : ชื่อของผมมาเปลี่ยนทีหลังน่ะ เดิมผมชื่อว่า เจ้าจั๊ว ที่บ้านผมมีพี่ชาย 2 คน ผมเป็นคนเล็กสุดจึงมีชื่อเล่นว่า “ซันตัว” อันที่จริงผมก็ชอบเรียนพวกวรรณกรรมนะ แล้วก็รู้สึกเลื่อมใสผู้ที่มีความรู้ด้วย แต่การเรียนกังฟูเป็นฟ้าลิขิต พ่อของผมเป็นครูฝึกสอนมวยจีน ตั้งแต่ 8 ขวบผมก็เริ่มฝึกมวยแล้ว ต่อมาได้เข้าร่วมกับทีมมวยจีนของฮาร์บิน และสอบติดคณะมวยจีนของมหาวิทยาลัยพลศึกษาปักกิ่งด้วย

นักข่าว :
นอกจากเพราะที่บ้านแล้ว ตัวคุณเองชอบมวยจีนหรือเปล่า

เจ้าเหวินจั๊ว : ชอบสิ การเรียนมวยจีนถือเป็นความใฝ่ฝันของเด็กผู้ชายทุกคน อย่างน้อยตอนผมเล็กๆ ก็รู้สึกว่าคนที่เป็นมวยจีนน่าทึ่งมาก เหมือนฮีโร่ .... แต่แน่นอนว่า พอเข้ามาเรียนจริงๆ มันเป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก โดยเฉพาะพ่อผมเป็นครูฝึกด้วย เขาถือว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญเลย แค่ผมแอบขี้เกียจนิดเดียวเขาก็รู้แล้ว ตอนนั้นผมมุมานะฝึกซ้อมมากแล้วก็คว้ารางวัลมาไม่น้อย

นักข่าว :  ตอนที่เรียนอยู่ที่ปักกิ่ง เคยคิดว่าตัวเองจะได้มาเป็นนักแสดงไหม

เจ้าเหวินจั๊ว : ไม่เคยคิดแม้แต่นิดเดียว ตอนนั้นผมคิดแต่จะฝึกซ้อมมวยให้ดี เข้าแข่งขันและคว้ารางวัล ซึ่งทุกคนที่อยู่ในวงการเดียวกับผมก็มีเป้าหมายเช่นเดียวกันนี้ทุกคน

นักข่าว :  แต่ชีวิตคนเราก็สุดจะคาดเดานะ ชีวิตของคุณเปลี่ยนแปลงไปก็เพราะภาพยนตร์ใช่ไหม

เจ้าเหวินจั๊ว : ใช่แล้ว ดังนั้นผมเลยเป็นคนค่อนข้างเชื่อเรื่องโชควาสนานะ ผมมาเป็นนักแสดงได้ถือเป็นเรื่องเหลือเชื่อจริงๆ ตอนนั้น ผมศึกษาอยู่ปี 2 ที่มหาวิทยาลัยพลศึกษาปักกิ่ง หยวนขุย ผู้กำกับชาวฮ่องกงมาที่มหาวิทยาลัยเพื่อเฟ้นหานักแสดงหน้าใหม่ที่เป็นมวยไปร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่อง “ปึงซีเง็ก” ผลสุดท้ายคือเขาเลือกผม ตอนนั้นได้เข้าฉากเดียวกับ “หลี่เหลียนเจี๋ย” (เจ็ต ลี) ผมรู้สึกตื่นเต้นและดีใจมาก แสดงเป็นฝ่ายตรงข้ามกับพระเอกน่ะ แต่ไม่มีคนดูคนไหนรู้สึกว่าผมเป็นคนร้ายเลย ตอนนั้นผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอะไรคือการแสดง

นักข่าว :  คุณมักพูดเสมอว่าที่มาอยู่ตรงนี้ได้ต้องขอบคุณผู้กำกับ ฉีเคอะ เป็นพิเศษ เพราะอะไร

เจ้าเหวินจั๊ว : ตอนนั้นฉีเคอะกำลังถ่ายทำเรื่องหวงเฟยหงอยู่ที่โรงถ่ายปักกิ่ง เนื่องจากนักคาราเต้ชาวฟิลิปปินส์ที่สวมบทหวงเฟยหงแสดงไม่ถูกใจเขา ดังนั้นจึงตัดสินใจให้ผมรับบทนี้แทน ตอนแรกผมไม่อยากรับแสดง เพราะบทบาทนี้หลี่เหลียนเจี๋ยเคยแสดงไว้ และผมรู้สึกว่าการจะแสดงให้ดีกว่าเขาเป็นเรื่องยาก แต่ฉีเคอะเชื่อมั่นในตัวผม ผมจึงเล่น คิดไม่ถึงว่านี่จะเป็นจุดพลิกผันที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตของผม ก็เพราะบทบาทนี้ที่ทำให้ผู้ชมรู้จัก และทำให้ผมเข้าสู่วงการหนังกำลังภายในฮ่องกง

หนังกำลังภายในปัจจุบันแตกต่างจากในอดีตด้วยหลายเหตุผล

นักข่าว :  ภาพยนตร์กำลังภายในตอนนี้สร้างกันไม่น้อยเลย แต่กลับเห็นได้ชัดว่าไม่มีกระแสตอบรับที่คึกคักเหมือนอดีต คุณคิดว่าเป็นเพราะอะไร

เจ้าเหวินจั๊ว : คงเป็นเพราะสภาพสังคมทำให้มันเปลี่ยนไป เมื่อก่อนการจะดูภาพยนตร์ดูละครไม่มีให้เลือกมากนัก มีแค่เรื่องเดียว คุณชอบหรือไม่ก็ต้องดู ขณะที่ตัวคนดูเองก็ไม่ได้เรียกร้องมากนัก ดูๆ ไปเดี๋ยวก็ชอบ แต่ปัจจุบันไม่เหมือนกัน ทุกคนสามารถเลือกได้ตามใจ ไม่ชอบดูหนังกังฟูก็ไปดูหนังรักโรแมนติก หนังตลก

โดยเฉพาะหนังกำลังภายในนั้น การเขียนเค้าโครงเรื่องไม่เหมือนก่อน แค่อยากให้ภาพออกมาสวยก็นำเทคนิคชั้นสูงเข้ามาใช้ ดูแล้วตาลาย ฉากที่เป็นกังฟูจริงๆ มีไม่มาก

นักข่าว : หลายปีที่ผ่านมา หนังกำลังภายในในสายตาของคุณจุดไหนที่เปลี่ยนแปลงไปมากที่สุด

เจ้าเหวินจั๊ว : คงจะเป็นวิธีการต่อสู้ เมื่อก่อนจะให้ความสำคัญกับการต่อสู้มากที่สุด ท่วงท่าต้องสวย ถูกต้อง และแม่นยำ เมื่อก่อนจะถ่ายฉากต่อสู้ก่อน แล้วค่อยเติมเนื้อเรื่องเข้าไป ซึ่งคนดูก็ชอบนะ

นักข่าว : ตอนนี้พอพูดถึงนักแสดงบู๊แอกชัน ทุกคนก็จะคิดถึงเฉิงหลง หลี่เหลียนเจี๋ย แล้วก็เจ้าเหวินจั๊ว แต่ตอนนี้ 2 คนแรกไปลุยตลาดฮอลลีวูดแล้ว คุณไม่มีความคิดนี้บ้างเหรอ

เจ้าเหวินจั๊ว : จะไปเติบโตในตลาดนอกได้หรือไม่ คนที่กำหนดได้ไม่ใช่ผม อันนี้ต้องขึ้นอยู่กับดวง อันที่จริงการจะเป็นนักแสดงแถวหน้าของฮอลลีวูดได้นั้นเป็นเรื่องยากมาก แล้วภาพยนตร์เท่าที่เห็นก็ไม่ใช่ภาพยนตร์กังฟูจีนที่แท้จริง แล้วตลาดที่นั่นก็ใหญ่มาก ไม่มีทางสู้กับภาพยนตร์ของฮอลลีวูดได้

นักข่าว : คุณคิดยังไงกับกังฟูของเฉิงหลงและหลี่เหลียนเจี๋ย

เจ้าเหวินจั๊ว : ผมรู้สึกว่ากังฟูของผม พี่เฉิงหลง แล้วก็หลี่เหลียนเจี๋ยไม่เหมือนกัน วิธีการต่อสู้ของเฉิงหลงหนักแน่นมีพลัง หลี่เหลียนเจี๋ยเป็นการใช้พลังแบบแข็งกร้าว สำหรับผม ผมอยากให้ความสำคัญกับทั้งบุ๋นและบู๊เท่าๆ กัน

นักข่าว : ดังนั้นคุณจึงมีความคิดอยากจะแสดงหนังสมัยใหม่ดูบ้าง

เจ้าเหวินจั๊ว : ใช่ครับ เพราะว่าผมรู้สึกมาตลอดว่านักแสดงบู๊เป็นส่วนหนึ่งของการเป็นนักแสดง การเป็นนักแสดงต้องทดลองและเรียนรู้อยู่เสมอ หลายปีมานี้ผมแสดงหนังกำลังภายในเยอะมาก แม้ว่าเนื้อเรื่อง ผู้กำกับ บทบาทจะแตกต่างกัน แต่สุดท้ายก็ยากที่จะสะบัดภาพเดิมๆ ดังนั้นผมจึงคิดอยากลองแสดงละครที่เน้นฝีมือการแสดงไม่เน้นกังฟูดูบ้าง
กำลังโหลดความคิดเห็น