จุดเด่นของเมืองและภูมิหลังทางประวัติศาสตร์
นับแต่อดีตกาล เฉิงตูมีฐานะเป็นเมืองศูนย์กลางทางการเมืองการปกครอง เศรษฐกิจการค้า และวัฒนธรรมที่สำคัญในภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ยุคสามก๊ก(ค.ศ.220-280)ยังเป็นที่รู้จักในนามที่มั่นของก๊กสู่ (蜀国-สู่กั๋ว) หรือราชธานีของอาณาจักรสู่(หรือ'สู่ฮั่น') ในเวลาต่อมา เฉิงตูจึงผ่านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมมาหลายยุคสมัยกว่า 2,300 ปี
ภายหลังการรวบรวมแผ่นดินจีนในสมัยฉิน เฉิงตูเป็นเมืองเกษตรกรรมและหัตถกรรม และเป็นแหล่งที่แม่น้ำฉางเจียง(แยงซีเกียง)สายน้ำหลักของประเทศไหลผ่าน หลังราชวงศ์ฮั่น เฉิงตูมีฐานะเทียบเท่านครลั่วหยัง อดีตราชธานีแห่งราชวงศ์ฮั่นตะวันออก(ค.ศ.25-220) สมัยราชวงศ์ถัง(ค.ศ.618-907)อันเฟื่องฟู เฉิงตูก็รุ่งเรืองเทียบเท่าหยังโจว
สมัยราชวงศ์ซ่ง เฉิงตูมีวิวัฒนาการด้านการพิมพ์ที่ล้ำสมัย สามารถพิมพ์ธนบัตรออกมาใช้ได้เป็นแห่งแรกของโลก เรียกว่า เจียวจื่อ (交子) ซึ่งไม่แปลกเลย ทั้งนี้เพราะดินแดนเฉิงตู คือจุดชุมทางบนเส้นทางสายแพรไหม(สายใต้)ในอดีต และเป็นอู่ข้าวอู่น้ำทางตอนบนของแม่น้ำฉางเจียง และย่านการค้าที่คึกคักนั่นเอง
เมื่อราชสำนักชิงได้กำหนดให้แผ่นดินเฉิงตูที่อยู่ในอำนาจปกครองของกลุ่มชาวนา ก่อตั้งขึ้นเป็น 'มณฑลซื่อชวน'(เสฉวน) เฉิงตูจึงเป็นส่วนหนึ่งในการปกครองของมณฑลซื่อชวน ซึ่งต่อมา ได้รับการการยกขึ้นเป็นเมืองเอกของมณฑล หลังการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนแล้ว ในปีค.ศ.1952
บทบาทในปัจจุบัน
เฉิงตู เมืองซึ่งมีดอกฝูหรง (芙蓉) และต้นแปะก๊วย (银杏) เป็นสัญลักษณ์และพืชประจำถิ่น เป็นเมืองเปิดเสรีทางการค้าบนแผ่นดินใหญ่ และเป็นเมืองทดลองรุ่นแรกๆ ของงานปฏิรูปเศรษฐกิจระบบตลาดแบบสังคมนิยม ปีค.ศ.1992 ได้รับการจัดอันดับโดย คณะกรรมการประเมินระดับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมของเมืองแห่งชาติ ให้อยู่ในลำดับที่ 11 ในจำนวนเมืองที่มีศักยภาพเข้มแข็งที่สุด 50 เมืองทั่วประเทศ และมีบรรยากาศการลงทุนที่สดใส
รัฐบาลมีนโยบายผลักดันให้เมืองเฉิงตูเป็นศูนย์กลางการคมนาคม สื่อสาร การเงิน การค้า และวิทยาศาสตร์ แหล่งใหญ่ในภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ โดยในปัจจุบัน เฉิงตูได้มีการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีเป็นแกนหลัก จนกลายเป็นแนวหน้าของกิจกรรมดังกล่าวของภูมิภาค เป็นแหล่งรวมหัวกะทิด้านเทคโนโลยีชั้นสูงกว่า 5 แสนคน อาจเป็นสัดส่วนมากที่สุดในจำนวนประชากรมีงานทำทั้งหมดในเมืองก็ว่าได้ กล่าวคือ ในจำนวนประชากรที่ประกอบอาชีพต่างๆ 1,000 คน จะมีที่เป็นนักวิทยาศาสตร์อยู่ถึง 253 คน
นอกจากนี้ ยังเป็นฐานทดลองและศูนย์วิจัยด้านวิทยาศาสตร์โครงการใหญ่ๆระดับประเทศถึง 8 แห่ง ยังรวมไปถึง สถาบันพัฒนาและสถาบันอุดมศึกษาที่รับผิดชอบงานวิจัยศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ อิเล็กทรอนิกส์ ชีววิทยา นวัตกรรม รังสีวิทยา พันธุกรรม เทคโนโลยีแกน(Core Technology ) ฯลฯ รวมกว่า 2,500 แห่งทั่วเมือง
ที่ตั้ง สภาพอากาศและแหล่งท่องเที่ยว
นครเฉิงตู หรืออีกชื่อคือ 'จิ่นเฉิง' (锦城 อดีตเมืองที่เป็นแหล่งผ้าไหมทอดิ้นเงินดิ้นทอง) มีพื้นที่ในเขตปกครองราว 12,400 ตร.กม. เป็นเขตใจกลางเมืองราว 92.2 ตร.กม. ตั้งอยู่บนที่ราบเฉิงตูทางภาคกลางของมณฑล หรือทางตะวันตกของที่ราบเสฉวน มีภูมิประเทศทั้งที่เป็นที่ราบ เนินเขาแบบที่ราบสูงภูเขา ตั้งอยู่เหนือระดับน้ำทะเลราว 387-5,364 เมตร
ทิศตะวันออกเฉียงเหนือติดเมืองเต๋อหยัง ตะวันออกเฉียงใต้ติดเมืองเน่ยเจียง ทิศตะวันตกเฉียงใต้ติดกับเขตหย่าอันและเขาเล่อซัน ทิศตะวันตกเฉียงเหนือติดเขตเหมยซัน และดินแดนปกครองตนเองของชนชาติทิเบตและชนชาติเชียง(羌族)
เฉิงตูอยู่ในเขตร้อนแถบเอเชีย อากาศอบอุ่นชุ่มชื้น หนึ่งปีมี 4 ฤดู หน้าร้อนไม่แห้ง หน้าหนาวไม่ทารุณ อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปีราว 16.7 องศา นับว่าเป็นอุณหภูมิที่พอเหมาะ มีผืนดินอุดมสมบูรณ์ สมกับฉายานามว่า 'ประเทศในสวรรค์'(天府之国)
แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญในตัวเมืองเฉิงตู เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม และห่างจากตัวเมืองออกไปเป็นแหล่งธรรมชาติ ทั้งนี้เป็นทิวทัศน์และโบราณสถานที่สร้างขึ้นโดยมนุษย์ 172 แห่ง ที่สำคัญได้แก่ ศาลเจ้าอู่โหว(武侯祠-อู่โหวฉือ) สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงจูเก๋อเลี่ยง (ขงเบ้ง-อัครมหาเสนาบดีผู้ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์รัฐสู่) ที่นี่ยังเป็นที่ฝังศพของขงเบ้งและหลิวเป้ย(เล่าปี่-กษัตริย์สู่ฮั่น)ด้วย บ้านเก่าท่านกวีเอกตู้ฝู่ (杜甫草堂) สุสานหวังเจี้ยนมู่ (王建墓) เขื่อนชลประทานตูเจียงเอี้ยน (都江堰) วัดเอ้อหวัง (二王庙) และทิวทัศน์ธรรมชาติที่เขาชิงเฉิง(青城山)
เฉิงตูยังเป็นชุมทางคมนาคมสู่แหล่งท่องเที่ยวมรดกโลกที่มีชื่ออย่าง อุทยานแห่งชาติจิ่วไจ้โกว หวงหลง เขาง้อไบ๊ และที่ตั้งของพระพุทธรูปใหญ่แห่งเขาเล่อซัน ทิเบตดินแดนหลังคาโลก รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวโครงการเขื่อนมหึมาที่ซันเสีย เป็นต้น นอกจากนี้ ยังเป็นฐานวิจัยเพื่อการเพาะพันธุ์และเพาะเลี้ยงหมีแพนด้า 'สมบัติล้ำค่า' ของประเทศด้วย
และแน่นอนเมื่อท่านไปเยือนเมืองเฉิงตู ต้องอดใจไม่ไหวที่จะไปลิ้มลองอาหารเสฉวนที่ขึ้นชื่อของถิ่นนี้ ซึ่งมีหลากหลาย และที่สำคัญของเขามีชื่อที่ความเผ็ดที่ไม่เหมือนบ้านเรา และสำหรับของที่ระลึกจากเฉิงตู คือ ผลิตภัณฑ์หัตถกรรมต่างๆ เช่น ผ้าไหมทอดิ้นเงิน ผ้าปัก เครื่องเคลือบน้ำมันแลคเกอร์ เครื่องเงิน เป็นต้น
ศักยภาพทางเศรษฐกิจและการลงทุน
-ศักยภาพในการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เฉิงตูมีสถาบันระดับอุดมศึกษากว่า 150 แห่ง เป็นโรงเรียนระดับมณฑลถึง 20 แห่ง ได้แก่ มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และอิเล็กทรอนิกส์ มหาวิทยาลัยคมนาคมแห่งภาคตะวันตกเฉียงใต้ (西南交通大学) มหาวิทยาลัยสหพันธ์ซื่อชวน (四川联合大学) มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์แห่งชาติภาคตะวันตก (华西医科大学) มีสถาบันการศึกษาที่เปิดสอนระดับปริญญาเอก 249 แห่ง ระดับปริญญาโท 80 แห่ง
-ความเจริญเติบโตด้านการเงินการคลัง
ในเมืองเฉิงตูเป็นแหล่งรวมสถาบันด้านการเงินหลายระดับกว่า 2,600 แห่ง และบุคลากรที่ทำงานด้านนี้อีกกว่าหมื่นคน เป็นที่ตั้งของธนาคารและบริษัทตัวแทนของสถาบันการเงินชั้นนำต่างประเทศ อาทิ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ ของอังกฤษ (英国标准渣打银行) ธนาคารกรุงเทพของไทย (泰国盘谷银行) ธนาคารมิตซูบิชิ ของญี่ปุ่น (东京三菱银行 หรือ Mitsubishi Bank) ธนาคารเอชเอสบีซี (香港上海汇丰银行-ธนาคารระดับท้องถิ่นฮ่องกง-เซี่ยงไฮ้) บริษัทประกันภัยแมนูไลฟ์ของแคนาดา (宏利保险公司-Manulife Insurance Company ) ธนาคารแห่งชาติปารีส (巴黎国民银行-Banque Nationale de Paris) และธนาคารชาวจีนโพ้นทะเลของสิงคโปร์ เป็นต้น
-สภาพการคมนาคม
ความเป็นศูนย์กลางการค้าในภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ ส่วนหนึ่งเกิดจากระบบเครือข่ายการคมนาคมในเมืองเฉิงตู ซึ่งถึงแม้จะไม่มีทางออกติดทะเล แต่เครือข่ายเส้นทางคมนาคมด้านต่างๆก็เป็นข้อได้เปรียบของเมือง
กล่าวคือ เฉิงตูได้ชื่อว่าเป็นแหล่งบรรจบของทางหลวงสายสำคัญจากทั่วประเทศ 13 สาย เชื่อมเส้นทางคมนาคมในเขตเมืองและเขตรอบๆ ตลอดจนถึงเมืองฉงชิ่ง และมีโครงการไปถึงเซี่ยงไฮ้
สำหรับเส้นทางคมนาคมระบบราง เชื่อมต่อเมืองเฉิงตู-ฉงชิ่ง-คุนหมิง เมืองสำคัญในภาคใต้และตะวันตก สถานีรถไฟสายตะวันออกและสายเหนือของเมืองนี้ ยังเป็นสถานีขนส่งสินค้าและนักเดินทางที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันตกเฉียงใต้ มีปริมาณสินค้าเข้าออก 14,500 ล้านตันกิโลเมตร ปริมาณนักเดินทางเข้าออก 4,560 ล้านคนกิโลเมตร
การเดินทางทางอากาศ ก็สามารถรองรับนักเดินทางได้ 5,000,000 คน/ปี มีเที่ยวบินระหว่างประเทศเข้าออกจากฮ่องกง สิงคโปร์ กรุงเทพ กาฏมัณฑุ ฯลฯ กว่า 200 เที่ยวบิน นอกจากนี้ ยังมีเส้นทางน้ำขนส่งสินค้าในแม่น้ำฉางเจียง(แยงซีเกียง)ด้วย
-จุดยุทธศาสตร์การลงทุนในภาคตะวันตก
เมืองเฉิงตูซึ่งดึงดูดนักลงทุนในทุกๆด้าน แม้แต่ในรายละเอียดด้านการศึกษา ซึ่งมีโรงเรียนนานาชาติ 7 แห่ง ไว้รองรับบุตรหลานของนักลงทุนต่างชาติ และสถาบันการแพทย์ที่อยู่ในโครงการความร่วมมือกับต่างประเทศ(ออสเตรเลีย) เพื่อให้บริการด้านการรักษาพยาบาลที่ทันสมัยในระดับสากล ตลอดจนสวนสาธารณะบริเวณที่พักอาศัย และสมาคมนักกอล์ฟ ที่พร้อมตอบสนองความต้องการของนักลงทุนต่างชาติอย่างครบครัน
ภายหลังรัฐบาลได้เปิดยุทธศาสตร์แผนการพัฒนาภาคตะวันตก เฉิงตู ในฐานะเมืองเอกของมณฑลซื่อชวน ก็รับบทบาทสำคัญในโครงการพัฒนาด้านพลังงานขนาดใหญ่เช่น การสร้างสถานีผลิตกระแสไฟฟ้าที่จื่อผิงผู่ (紫坪埔电站) โรงงานกลั่นน้ำมันซื่อชวน(四川炼油厂) เพื่อเป็นฐานเศรษฐกิจที่สำคัญของภูมิภาค
ธุรกิจบางอย่างริมชายทะเลเริ่มย้ายฐานการผลิตเข้ามาในพื้นที่ อาทิ ธุรกิจผลิตตู้เย็นยี่ห้อ KELON ของบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าแห่งมณฑลกว่างตง(กวางตุ้ง)(广东科龙电器股份有限公司)
และเป็นเรื่องที่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ยุทธศาสตร์การพัฒนาภาคตะวันตกของจีนก็เป็นเรื่องในความสนใจของนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะธุรกิจด้านการสื่อสารโทรคมนาคม ซึ่ง ณ ขณะนี้ต่างหลั่งไหลมาสู่มณฑลซื่อชวน และปูทางธุรกิจในเมืองเฉิงตูแล้วหลายราย
จากรายงานของทางการเฉิงตู ระบุว่า มีบริษัทต่างชาติที่เข้ามาสังเกตการณ์ และลงทุนสร้างโรงงานในพื้นที่เขตบุกเบิกพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม ได้แก่ บริษัทผลิตมือถือซีเมนส์ ของเยอรมัน อาคาเทลของฝรั่งเศส บริษัทอิเล็กทรอนิกส์อิโตชู ของญี่ปุ่น รวมถึงบริษัทอุตสาหกรรมหนักฟูจิ ส่วนบริษัทข้ามชาติอาทิ โมโตโลร่า เอ็นอีซี โนเกีย แอลจี ฯลฯ อยู่ในระหว่างการพิจารณาเข้ามาลงทุน.
ข้อมูลจาก สารานุกรมเมืองในประเทศจีน ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม (中国历史文化名城大辞典) และ http://www.chinacsw.com/cszx/chengdu/gaikuang.htm#1