ซินหัวเน็ต02/02/05-โรงพยาบาลสตรีปักกิ่งรายงานว่า ในปีที่ผ่านมาจำนวนเด็กแฝดเกิดใหม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยแพทย์ให้ความเห็นว่า น่าจะเกี่ยวข้องกับการที่สตรีในวัยเจริญพันธ์กินยาช่วยเร่งตกไข่ที่ชื่อว่า “ตัวไจ่หวัน” (多仔丸)ซึ่งแพทย์ได้ออกมาเตือนว่าไม่ควรใช้ยานี้มากเกินไป อาจเกิดอันตรายกับมารดาและบุตรได้
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สตรีหลายคนได้แอบใช้ยา “ตัวไจ่หวัน” เพื่อให้มีจำนวนบุตรมากสุดในการตั้งท้องแต่ละครั้ง เนื่องจากการมีลูกแฝดไม่ได้อยู่ภายใต้ข้อจำกัดของนโยบายลูกคนเดียวของรัฐบาลมังกร โดยในปี 2004 โรงพยาบาลเด็กและสตรีกว่างโจว มีอัตราการเกิดของเด็กแฝดเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจากปีก่อน หรือเพิ่มขึ้นราว 2%-3% ของจำนวนเด็กเกิดใหม่ในแต่ละเดือน ขณะที่เมื่อ 2 ปีที่แล้ว มีคุณแม่ที่ให้กำเนิดเด็กแฝดประมาณ 6 รายต่อเดือน แต่ในปีที่ผ่านมาเพิ่มเป็น 9-12 รายต่อเดือน
ด้านโรงพยาบาลสตรีในปักกิ่งก็เช่นเดียวกัน ในปีที่แล้วได้ทำคลอดเด็กแฝดให้กับคุณแม่มากกว่า 30 รายต่อเดือน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนๆ อย่างเห็นได้ชัด และโรงพยาบาลที่มีรายงานลักษณะนี้มีทั้งหมด 6 แห่งด้วยกัน
“ตัวไจ่หวัน” ในทางแพทย์ศาสตร์เรียกว่า “ยากระตุ้นการตกไข่” ช่วยให้สตรีที่ถึงช่วงตกไข่มีปริมาณไข่มากกว่าปกติ เพิ่มโอกาสในการตั้งครรถ์ ซึ่งเด็กที่เกิดมามักเป็นแฝดจากไข่คนละใบ
อย่างไรก็ตาม “ตัวไจ่หวัน” เป็นยาที่ต้องให้แพทย์เฉพาะทางสั่งเท่านั้น และเนื่องจากในปัจจุบันพบว่า ยาดังกล่าวมีผลข้างเคียงอย่างมาก ดังนั้นสูตินารีแพทย์จะหลีกเลี่ยงไม่ใช้ ตัวอย่างคนไข้รายหนึ่งที่มีอาการข้างเคียงจากยาตัวดังกล่าวได้แก่ เมื่ออุ้มท้องแฝดได้ไม่นานก็มีอาการของภาวะรังไข่ถูกกระตุ้นมากเกินไป (Ovarian hyperstimulation syndrome - OHSS) หายใจติดขัด ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ และเมื่อเข้าสัปดาห์ที่ 29-30 ก็มีอาการครรภ์เป็นพิษ
เจ้าหน้าที่จากสาธารณสุขจีนกล่าวว่า การที่ “ตัวไจ่หวัน” แพร่หลายในหมู่สตรี เนื่องจากด้านหนึ่งแพทย์ไม่ได้สั่งยาตามอาการ แต่ออกใบสั่งให้ตามที่คนไข้ร้องขอ อีกด้านทางการไม่มีระเบียบที่เข้มงวดกับยาประเภทดังกล่าว ดังนั้นในขณะนี้ ทางการได้ออกมาเรียกร้องให้โรงพยาบาล คลินิก หรือสถานีอนามัยต่างๆ ให้เข้มงวดในการออกใบสั่งยา นอกจากนี้ หน่วยงานด้านการตรวจสอบจะควบคุมการจำหน่ายยากประเภทดังกล่าวในร้านขายยาให้มากขึ้น.