xs
xsm
sm
md
lg

ความเคยชินของชาวคอมมิวนิสต์จีน

เผยแพร่:   โดย: โชติช่วง นาดอน

พอตั้งหัวเรื่องได้ว่าวันนี้จะเขียนถึงนายจ้าวจื่อหยาง อดีตเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน โดยตั้งชื่อตอนว่า “ ความเคยชินของชาวคอมมิวนิสต์จีน” หรือ “ธรรมเนียมปฏิบัติของชาวคอมมิวนิสต์จีน” ทันทีนั้นเองก็ได้คิดว่าในหัวข้อนี้เราสามารถเขียนได้ยาวนานหลายตอน จนอาจรวมเป็นเล่มได้เลยเพราะมีหลากเรื่องหลายราวและประสบการณ์ของตนเองก็มีไม่น้อย เมื่อคิดดังนั้นแล้ว ก็เลยเกิดปัญหาตามมาอีกว่าเขียนเรื่องนี้พวกนี้แล้ว ผู้อ่านจะได้ประโยชน์อะไร

ก็ต้องตอบตัวเองอีกว่า ประโยชน์ขั้นต้นที่ผู้อ่านจะได้รับคือได้รู้ว่า ชาวพรรคคอมมิวนิสต์จีน เขามีธรรมเนียมในการทำงานเป็นอย่างนี้ๆนะ ใครที่จะต้องไปติดต่อไปทำธุรกิจกับรัฐบาลจีนกับพรรคคอมมิวนิสต์จีนจะได้กำหนดท่าทีวางตัวถูก แบบว่า “รู้เขารู้เรา” ไงครับ

และสำหรับผู้อ่านที่ไม่ได้มีกิจกรรมใดจะต้องไปยุ่งไปเกี่ยวกับรัฐบาลจีนเขา อ่านแล้วก็จะได้ประโยชน์เหมือนกัน แบบว่า “รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม”และความบันเทิงนั้นต้องมีแน่นอน (ผมหลงตัวเองว่าเขียนหนังสือเก่งนะ!)

วันก่อนผมไปเลี้ยงสังสรรค์กับคณาจารย์และลูกศิษย์ระดับปริญญาโท “จีนศึกษา” มหาวิทยาลัยรังสิต ก็ยังเสนอแบบติดตลกว่าน่าจะมีการสอนหัวข้อความรู้พื้นฐานในการเข้าสังคมเมืองจีน พูดง่ายๆก็คือทำอย่างไรจึงจะคบหาสมาคมกับคนจีนได้ดี สร้างไมตรีจิตมิตรภาพอย่างไร รวมไปถึงเรื่องเล็กๆอย่างเช่น ทำอย่างไรจะไม่ให้เขาหลอกมอมเหล้าเราได้เวลาเขาจัดงานเลี้ยง เรื่องอย่างนี้ต้องใช้คนที่คุ้นเคยกับสังคมจีนจริงมาเล่าให้ฟังครับ

กลับมาถึงหัวข้อ “ความเคยชินของชาวคอมมิวนิสต์จีน”
ก่อนจะเข้าถึงเนื้อหา เห็นทีต้องอธิบายชั้นต้นเสียก่อน ไม่งั้นหลายคนจะมีคำถามสงสัยในใจ

“ชาวคอมมิวนิสต์” ในที่นี้ผมหมายถึงคนที่เป็นสมาชิกของพรรคคอมมิวนิสต์ครับ ชาวคอมมิวนิสต์ทั่วทั้งโลกกับนายทุนทั่วทั้งโลก ย่อมมีความแตกต่างกัน

ความเป็นมนุษย์น่ะ โดยธรรมชาติพื้นฐานแล้ว ย่อมจะมีลักษณะของมนุษย์เหมือนๆกัน ไม่ว่าจะเป็นคอมมิวนิสต์หรือนายทุน อย่างเรื่องกิน ขี้ ปี้ นอน ก็มีเหมือนกันตามปกติของมนุษย์ ความทุกข์ ความสุข อารมณ์ต่างๆ ความเป็นไปทางจิตวิทยา ก็เป็นไปตามลักษณะพื้นฐานของมนุษย์โดยทั่วไป

เรื่องกาม ตัณหา กิเลส โลภะ โทสะ โมหะ ฯลฯ โดยพื้นฐานแล้วก็มีเหมือนๆกัน เพียงแต่มีระดับต่างกันไปตามแต่ละบุคคล

จะมีที่เด่นอยู่หน่อย ก็อยู่ที่ตัวโลภะ ตัวโลภะนี้ขัดแย้งกับอุดมการณ์ ของชาวคอมมิวนิสต์มาก ใครที่มีโลภะสูงคงจะไม่ยอมรับอุดมการณ์คอมมิวนิสต์หรอกครับ และถ้าหากฝืนใจอดทนปลอมปน เข้าไปอยู่กับชาวคอมมิวนิสต์แล้ว ถ้ายังควบคุมตัวโลภะไม่ได้ ก็คงจะไม่มีความก้าวหน้าในสังคมของชาวคอมมิวนิสต์ และก็ถึงขั้นทำผิดกฎ ถูกลงโทษได้

ธรรมชาติของความเป็นมนุษย์ของชาวคอมมิวนิสต์กับนายทุนมิได้แตกต่างกัน

สิ่งที่ทำให้แตกต่างกันคือ “โลกทรรศน์” ทัศนะในการมองโลก มองสังคม อธิบายปรากฏการณ์ในสังคม คาดอนาคตทิศทางพัฒนาการของสังคม เป็นต้น อีกส่วนหนึ่งคือ “ชีวทรรศน์” ทัศนะในการมองชีวิต กำหนดบทบาทหน้าที่ ภาระที่เราจะต้องปฏิบัติ เป็นต้น

ชาวคอมมิวนิสต์กับนายทุน “คิดแล้วทำ” ไม่เหมือนกัน ที่สำคัญก็เพราะคนสองกลุ่มนี้มี “โลกทรรศน์-ชีวทรรศน์”ที่แตกต่างกันชนิดที่กล่าวได้ว่าตรงกันข้ามกันเลย

ชาวคอมมิวนิสต์ทั่วโลกมีความเหมือนกันอยู่ในทางความคิด เพราะพวกเขาเชื่อมั่นศรัทธาใน“โลกทรรศน์-ชีวทรรศน์” ตามแนวทางลัทธิมาร์กซ์ ซึ่งคาร์ล มาร์กซ์และเฟดเดรริก แองเกล เป็นปรมาจารย์

แต่เมื่อเริ่มเกิดมีชาวคอมมิวนิสต์ขึ้นนั้น ทุนนิยมก็เพียงเพิ่งจะพัฒนาขึ้นมาไม่นาน ระดับการพัฒนาของทุนนิยมในแต่ละประเทศยังแตกต่างกันมากมาย

สังคมและวัฒนธรรมของแต่ละประเทศก็แตกต่างกันมาก เมื่อเกิดมีชาวคอมมิวนิสต์ในชาติต่างๆขึ้น ชาวคอมมิวนิสต์แต่ละชาติก็ย่อมจะมีลักษณะของประชาชาติแต่ละประชาชาติด้วย เช่นชาวคอมมิวนิสต์ฝรั่งเศส ชาวคอมมิวนิสต์รัสเซีย ย่อมมีความแตกต่างกัน ธรรมเนียมปฏิบัติและความเคยชินในแต่ละพรรค แต่ละชาติจึงมีความแตกต่างกันอยู่ ใช้ศัพท์ฝ่ายซ้ายเก่า เขาก็ว่า ชาวคอมมิวนิสต์แต่ละชาติก็มี “ท่วงทำนอง” ต่างกันไป

เมื่อชาวคอมมิวนิสต์รัสเซีย (บอลเชวิค) ปฏิวัติยึดอำนาจรัฐได้เป็นชาติแรก และก็ยังสามารถสร้างชาติให้เข้มแข็งขึ้นได้ อิทธิพลของชาวพรรคคอมมิวนิสต์รัสเซียจึงมีมาก เด่นกว่าอิทธิพลชองชาวคอมมิวนิสต์ชาติอื่นคน

มันก็ทำนองเดียวกับที่ว่า ถ้าชาติเราส่งคนไปรับการศึกษาในอเมริกามากที่สุด มากกว่าส่งคนไปเรียนที่อื่น อิทธิพลทางความคิดและท่วงทำนองการทำงาน การปฏิบัติงานในองค์กรของอเมริกาก็ย่อมจะมีผลต่อเรามากกว่าชาติอื่น

เมื่อชาวคอมมิวนิสต์ทั่วโลกได้รับการสนับสนุนอบรมเห็นแบบอย่างจากรัสเซีย (โดยเฉพาะในรุ่นเลนิน) ท่วงทำนองของพรรคมิวนิสต์รัสเซียจึงโดดเด่นกว่าชาติอื่น

สำหรับชาวคอมมิวนิสต์จีนนั้นในการปฏิวัติช่วงแรกๆ จีนก็ได้รับอิทธิพลจากพรรคคอมมิวนิสต์รัสเซียมาก แต่เมื่อเหมาเจ๋อตงได้ทดลองเดินแนวทางแบบเป็นตัวของตัวเอง และประสบความสำเร็จพอสมควร การปฏิวัติขยายตัวมีความก้าวหน้า เหมาเจ๋อตงได้รับชัยชนะเป็นผู้นำของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ต่อจากนั้นมาท่วงทำนองของชาวคอมมิวนิสต์จีน ก็ก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นจนมีปรากฏการณ์อย่างที่เห็นกันอยู่ทุกวันนี้

อย่างเรื่องที่ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีนไม่ยอมให้นำอัฐิของจ้าวจื่อหยางไปบรรจุไว้ที่สุสาน“ปาเป่าซัน”-สุสานของวีรชนนักปฏิวัติของชาติจีน เรื่องอย่างนี้แหละเป็นธรรมเนียมของชาวคอมมิวนิสต์จีนเขา

“จ้าวจื่อหยาง” กลายเป็นผู้ “ปฏิปักษ์ปฏิวัติ” ไปแล้ว จะนำอัฐิเข้าไปร่วมขบวนแถว “นักปฏิวัติ” ได้อย่างไร

หัวข้อนี้เห็นจะต้องเขียนหลายตอนครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น