xs
xsm
sm
md
lg

ขับเคลื่อนแบบเชื่อมโยงในระดับบูรณาการ

เผยแพร่:   โดย: สันติ ตั้งรพีพากร

จั่วหัวเรื่องยาวยืด เพื่อสะท้อนทิศทางพัฒนาการของประเทศจีน ในปี ค.ศ.2005 ปี “ไก่”ที่ใครต่อใครหมายว่าเป็น “ไก่ทอง”มากกว่าที่จะเป็น “ไก่ป่วย” หรือไก่ติด “ไข้หวัดนก

สำหรับประเทศจีนแล้ว ปี ค.ศ.2004 นับเป็นปีของการปรับตัวครั้งใหญ่ ทางด้านการพัฒนา ด้วยการปรับ “กระบวนท่า” จากการพัฒนาที่เน้นทางปริมาณ วัดค่ากันที่จีดีพี มาเป็นคุณภาพที่วัดกันในระดับองค์รวมของสังคมจีน ตามแนวคิดการพัฒนาแบบใหม่เรียกว่า “แนวคิดวิทยาศาสตร์ของการพัฒนา

ที่น่าสนใจที่สุดก็คือ การพัฒนาที่เป็นวิทยาศาสตร์นี้ ถือเอา “คน” เป็นศูนย์กลาง ผู้ที่จะได้รับประเทศโยชน์จากการพัฒนาประเทศ จะไม่กระจุกอยู่แต่ในกลุ่มคนที่มีโอกาสมากกว่าเท่านั้น แต่ยังจะกระจายไปยังประชาชนจีนส่วนใหญ่ทั้งประเทศอีกด้วย

การพัฒนาแบบ “เต็มๆ” ของจีน ที่มีประชากรจำนวนมากถึง 1,300 ล้านคนเป็นฐาน จึงมีแนวโน้มพัฒนาขยายตัวไปได้อย่างต่อเนื่องอีกนานเท่านาน แบบไม่เห็นทางตันเลย

สะท้อนจุดแข็งของระบอบสังคมนิยม

ในปี ค.ศ.2004 มีการกล่าวถึง “ฉันทามติปักกิ่ง” (Beijing Consensus) เป็นครั้งแรกโดยนักวิเคราะห์ตะวันตก ด้วยเหตุที่ว่า ความสำเร็จของการพัฒนาประเทศของจีน กำลังเป็นที่สนใจใคร่ศึกษาของบรรดาประเทศกำลังพัฒนาทั้งหลาย ว่าจีนมี “เคล็ดลับ” การพัฒนาประเทศอย่างไร จึงสามารถทำให้จีนเจริญรุ่งเรืองขึ้นทุกทีๆ และอย่างรอบด้านมากขึ้นเรื่อยๆ สามารถเบียดยืนอยู่บนเวทีโลกได้อย่างทระนงองอาจ

ผิดกับประเทศกำลังพัฒนาทั่วไปที่พัฒนาประเทศตามแนวทาง “ฉันทามติวอชิงตัน” (Washington Consensus) แล้วต้องตกอยู่ในภาวะวิกฤติอย่างสาหัสสากรรจ์ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศลาตินอเมริกา

จีนทำอย่างไรจึงสามารถดำเนินนโยบายในด้านต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศได้อย่างเป็นอิสระเป็นตัวของตัวเอง ทำอย่างไรจีนจึง “จัดแจงแต่งบ้าน” ได้อย่างเรียบร้อย สามารถดึงดูดทุนต่างประเทศเข้าประเทศจีน เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญอีกสายหนึ่งของกระบวนการพัฒนาเศรษฐกิจของจีน ทำให้จีนก้าวเข้าสู่ความเป็นศูนย์กลางการผลิตทางด้านอุตสาหกรรมยุคใหม่ได้อย่างรวดเร็ว

แต่ที่โดดเด่นยิ่งกว่านั้น ก็คือ ทำอย่างไรจีนจึงสามารถเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพการผลิตทางด้านอุตสาหกรรมยุคใหม่ได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ระย่อต่อกำแพง “ทรัพย์สินทางปัญญา”ของบริษัทข้ามชาติตะวันตก

และอื่นๆอีกมาก ซึ่งล้วนแต่เป็นเรื่อง “หิน” อย่างยิ่ง ที่ประเทศพัฒนาอื่นๆ ขบกันไม่แตก

รวมทั้งที่จีนก้าวไกลอย่างยิ่งทางด้านเทคโนโลยีอวกาศ แม้จะยังเป็นเพียงประเทศกำลังพัฒนา แต่ก็มีขีดความสามารถเทียบเท่ากับประเทศพัฒนาแล้ว

ตัวอย่างหนึ่งที่สะท้อนจุดแข็งของจีน

จากรายงานข่าวของสำนักข่าวซินหัวของจีน เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.2004 (โดยหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวันฉบับวันที่ 27 ธ.ค.04) กระทรวงพาณิชย์จีนประกาศนโยบายการค้าระหว่างประเทศปีหน้า เน้นส่งเสริมการส่งออกสินค้าไฮเทค พร้อมปรับปรุงกฎหมายการค้าระหว่างประเทศ เพื่อรองรับการเปิดเสรี ตลอดจนเตือนรับมือคดีทุ่มตลาด

ทั้งนี้ ป๋อซีไหล รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์จีน กล่าวในที่ประชุมว่าด้วยแนวทางการทำงานประจำปีของกระทรวงพาณิชย์ว่า ในปี 2005 รัฐบาลมังกรจะส่งเสริมการส่งออกสินค้าเทคโนโลยีชั้นสูง เช่น ซอฟแวร์ รถยนต์ เครื่องจักรระบบดิจิตอล สินค้าจดสิทธิบัตรของจีน และสินค้าแบรนด์ดังของจีน ตลอดจนส่งเสริมการแปรรูป เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าทางการเกษตร สิ่งทอ และสินค้าในอุตสาหกรรมเบาอื่นๆ โดยป๋อซีไหล เน้นว่าผู้ผลิตจีนต้องปรับปรุงคุณภาพของสินค้าเพื่อเพิ่มแรงแข่งขันในตลาดโลก

โดยในด้านการค้าระหว่างประเทศ รัฐบาลจะเดินหน้าปรับปรุงกฎหมายการค้าระหว่างประเทศ เพื่อให้สอดรับกับการเปิดเสรีทางการค้าแก่ผู้ประกอบการชาวต่างชาติ จะมีการผ่อนคลายระเบียบข้อบังคับต่างๆ ตลอดจนให้ความสะดวกแก่นักลงทุนต่างประเทศมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งปรับปรุงการบริหารงานที่เกี่ยวข้องกับการค้าระหว่างประเทศในองค์กรของรัฐ

นอกจากนี้ ป๋อซีไหลยังเน้นให้กระทรวงพาณิชย์มังกร ปรับปรุงงานด้านข้อมูลตลาดส่งออก และสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อย พร้อมทั้งเตือนให้พร้อมรับมือความขัดแย้งทางการค้าระหว่างประเทศ และปัญหากีดกันทางการค้าอื่นๆ เช่น การฟ้องร้องกรณีทุ่มตลาด ที่จะเพิ่มจำนวนมากขึ้น

สำหรับยอดการค้าระหว่างประเทศในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมาของจีนนั้นยังคงเป็นที่น่าพอใจ สามารถก้าวผ่านหลักไมล์ 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐแล้ว โดยมูลค่าการค้ากับทวีปเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือสูงราว 600,000 ล้านเหรียญสหรัฐ 190,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และ 167,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ตามลำดับ

ทั้งนี้ ข้อมูลจากองค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ) ระบุว่าสหรัฐฯ ต้องใช้เวลานานถึง 20 ปีในการเพิ่มมูลค่าการค้าต่างประเทศจาก 100,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็น 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ประเทศเยอรมนีใช้เวลา 26 ปี ขณะที่จีนใช้เวลาเพียง 16 ปีเท่านั้น

เป็นรัฐบาลของประชาชน

จุดแข็งที่สังคมโลกเริ่มมองเห็นกันชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ก็คือ ความเป็นพรรคการเมืองตัวแทนผลประโยชน์ของประชาชนของพรรคคอมมิวนิสต์จีน มิใช่พรรคตัวแทนกลุ่มทุนเหมือนเช่นที่เป็นอยู่ในประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ

พรรคฯ นี้กำลังบริหารประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ มีการพัฒนาแนวคิดทฤษฎีบริหารประเทศที่ทันยุคทันสมัยใหม่ๆมาชี้นำการปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง โดยยืนหยัดอยู่ในหลัก “สามตัวแทน” (ตัวแทนพลังการผลิตที่ก้าวหน้า วัฒนธรรมที่ก้าวหน้า และผลประโยชน์ที่แท้จริงของประชาชน)

ตราบใดที่พรรคฯจีนยังคงรักษาความ “เค็ม”ของความเป็นพรรคตัวแทนผลประโยชน์ที่แท้จริงของประชาชนจีนไว้อย่างไม่เสื่อมคลาย ดำเนินนโยบายที่ยังประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชนมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ก็คาดการณ์ได้เลยว่า แต่ละปีที่ผ่านไปก็จะมีแต่เสียงร้องก้องฟ้าว่า “ฮ้อ

เพราะประชาชนนับวัน “กระเป๋าตุง”

(ตรงกันข้ามกับประเทศอื่นๆ ที่มักจะไป “ตุง”อยู่แต่ในกระเป๋ากลุ่มทุนผูกขาด เพียงไม่กี่กลุ่ม)
กำลังโหลดความคิดเห็น