xs
xsm
sm
md
lg

ถังไท่จงมหาราช &唐&太&宗

เผยแพร่:   โดย: สุขสันต์ วิเวกเมธากร

นับตั้งแต่ฉินสื่อหวงตี้ ( จิ๋นซีฮ่องเต้ ) 秦始皇帝ทรงสถาปนาตนเองขึ้นเป็นฮ่องเต้องค์แรกในประวัติศาสตร์จีนเมื่อ ๒๒๑ ปีก่อนคริสตกาล กระทั่งถึงจักรพรรดิผู่หยี ( ปูยี ) 溥仪 ซึ่งถูกจารึกไว้ในฐานะฮ่องเต้องค์สุดท้าย ประเทศจีนมีฮ่องเต้รวมแล้วมากกว่าหกร้อยพระองค์

ในจำนวนนี้มีทั้งคนดีและคนร้ายคละเคล้ากันไป บางองค์เป็นมหาราช บางองค์เป็นทรราช

ฮ่องเต้ที่นักประวัติศาสตร์จีนส่วนใหญ่ยินดียกย่องให้เป็นยอดมหาราชมีคะแนนทิ้งห่างฮ่องเต้อื่นๆ มากมายคือ..ถังไท่จง พระนามเดิม หลี่ซื่อหมิน 李世民

ถึงแม้การขึ้นสู่บัลลังก์มังกรของหลี่ซื่อหมินจะไม่ค่อยโสภานัก เพราะต้องเปิดศึกสายเลือดกระทำเชษฐฆาตและอนุชฆาตเข่นฆ่าพี่ชายหลี่เจี้ยนเฉิง 李建成และน้อง ชายหลี่หยวนจี๋ 李元吉พี่น้องร่วมพระราชบิดาและพระราชมารดาเดียวกันอย่างดุเดือด พร้อมทั้งบีบบังคับให้พระราชบิดาถังเกาจู่ 唐高祖ต้องตัดสินพระทัยรีบไปเกาสะดือส่งมอบราชสมบัติให้หลี่ซื่อหมินโดยเร็วหลังเหตุการณ์นองเลือดได้ไม่นาน

แต่เมื่อหลี่ซื่อหมินทรงเสวยราชสมบัติเป็นถังไท่จงฮ่องเต้ พระองค์ทรงเลือกใช้วิธีการปกครองแผ่นดินโดยธรรม ใช้พระบรมราโชบายแบบธรรมานุภาพมากกว่าเดชานุภาพ รัชสมัยของพระองค์จึงเป็นยุคทองของแผ่นดินจีนใช้ศักราช เจินกวน 贞观

การที่พระองค์ทรงประสบความสำเร็จอย่างยิ่งในการปกครองแผ่นดินจีนให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุข ไม่ได้หมายความว่าพระองค์ทรงรู้หรือล้วงลูกไปทุกเรื่อง แต่อยู่ที่พระองค์ทรงมีน้ำพระทัยกว้างขวางในการเลือกใช้คนให้ถูกกับงานและสดับตรับฟังความคิดเห็นของผู้คนทั้งหลายโดยไม่เลือกชั้นวรรณะ แม้กระทั่งคนที่ชอบทำตัวเป็นขาประจำในการพูดตักเตือนพระองค์ ถังไท่จงก็ยังทรงรับฟังอย่างใจเย็น แม้ว่าบางทีคำตักเตือนนั้นค่อนข้างจะรุนแรงถึงขั้นกระเทือนซางก็ตาม

เว่ยเจิง 魏征 เคยเป็นที่ปรึกษาคนสนิทของ หลี่เจี้ยนเฉิง 李建成 และถูกจับเป็นเชลยเมื่อเจ้านายของตนถูกสังหาร

หลี่ซื่อหมินทราบกิติศัพท์ถึงเรื่องเว่ยเจิงเป็นคนดีมีวิชาจึงเรียกตัวมาสอบสวนซักถามเว่ยเจิงถึงสาเหตุที่เว่ยเจิงชอบวางแผนให้หลี่เจี้ยนเฉิงคอยคิดกำจัดพระองค์

เว่ยเจิงตอบอย่างไม่สะทกสะท้านว่าตนเองเป็นผู้รับใช้ของหลี่เจี้ยนเฉิง ย่อมต้องหาวิธีให้เจ้านายของตนเป็นผู้ชนะ น่าเสียดายที่หลี่เจี้ยนเฉิงไม่ยินดีรับฟังความคิดของตนเองจึงต้องกลายเป็นผู้แพ้ มิฉะนั้น วันนี้ตัวเขาเองก็ไม่ต้องตกเป็นเชลย

หลี่ซื่อหมินพอพระทัยในคำตอบของเว่ยเจิงและยกโทษให้ พร้อมทั้งแต่งตั้งให้ เป็นองคมนตรีคอยเสนอแนะคำปรึกษาที่ถูกที่ควร เว่ยเจิงทำหน้าที่ได้อย่างเฉียบขาด ถึงขนาดเคยตักเตือนถังไท่จงต่อหน้าขุนนางทั้งหลาย

คราวหนึ่งเกิดการประทะคารมกันอย่างรุนแรงในที่ประชุมขุนนาง ถังไท่จงทรงกริ้วถึงขนาดผุดลุกขึ้นเสด็จกลับเข้าวังในทันที ยังมีพระอารมณ์ค้างบ่นเสียงดังว่าคราวนี้คงต้องลงโทษเว่ยเจิงอย่างรุนแรงในฐานที่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ

พระราชินีจ่างซุน 长孙皇后เห็นฮ่องเต้ทรงกริ้วรีบกราบทูลถามถึงสาเหตุ พอทราบว่าฮ่องเต้ทรงกริ้วด้วยเรื่องที่เสนาบดีเว่ยเจิงบังอาจกราบทูลเตือน พระราชินีรีบเสด็จกลับเข้าพระตำหนักในแล้วรีบแต่งชุดฉลองพระองค์เต็มยศเสด็จกลับออกมาเฝ้าอีกโดยกราบบังคมถวายความเคารพอย่างสูงพร้อมทั้งตรัสว่า

“ หม่อมฉันขอแสดงความยินดีที่พระองค์ทรงมีขุนนางชั้นผู้ใหญ่ที่กล้าหาญอย่างเว่ยเจิง แสดงให้เห็นว่าแผ่นดินจะมีความร่มเย็นเป็นสุข เพราะมีคนดีมารับราชการแทนที่จะมีแต่พวกสอพลอยอยกกระดกก้น ”

การกระทำอย่างมีศิลป์ของสมเด็จพระราชินี ทำให้ถังไท่จงทรงถึงบางอ้อและได้พระสติกลับคืนมาถึงกับอุทานว่า “ อ้อ..เธอพูดถูกจริงๆ ” และยิ่งนึกเกรงใจเว่ยเจิงถึงขั้นรู้สึกกลัวคนจริงอย่างนั้น

วันหนึ่ง เว่ยเจิงมีราชการด่วนขอเข้าเฝ้าถึงในพระราชอุทยาน ถังไท่จงกำลังทรงเพลิดเพลินกับการหยอกเล่นนกน้อยตัวโปรด พอรู้ว่าเว่ยเจิงขอเข้าเฝ้าด่วนไม่ทันที่จะเอานกน้อยกลับไปใส่ไว้ในกรง จึงรีบซ่อนนกน้อยไว้ในแขนเสื้อฉลองพระองค์

เว่ยเจิงกราบทูลเรื่องราชการด่วนอยู่นาน ถังไท่จงประทับฟังเรื่องอย่างตั้งพระทัยโดยไม่กล้าปริปากบอกเว่ยเจิงว่าทรงซ่อนนกน้อยไว้ในแขนเสื้อเพราะทรงกลัวเว่ยเจิงจะตำหนิที่พระองค์มัวสนพระทัยกับการหยอกเล่นสัตว์เลี้ยง

เมื่อเว่ยเจิงกราบทูลราชการด่วนเสร็จขอลากลับไป ถังไท่จงเลิกแขนเสื้อออกทรงพบว่านกน้อยนั้นสิ้นใจเสียแล้วเพราะขาดอากาศหายใจ เรื่องเศร้าเรื่องนี้คงไม่บังเกิดขึ้น หากถังไท่จงทรงเปลี่ยนจากการหยอกเล่นนกน้อยที่มีชีวิตไปพับนกกระดาษแทน
กำลังโหลดความคิดเห็น