xs
xsm
sm
md
lg

เซินเจิ้น : เมืองเศรษฐกิจริมทะเลของกวางตุ้ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รู้เรื่องเมืองจีน / เมื่อกล่าวถึงเมืองเซินเจิ้น(深圳市) ภาพลักษณ์ที่หลายคนรู้จักคือ ความเป็นเมืองเศรษฐกิจการค้าที่สำคัญของจีนทางตอนใต้ และที่เป็นแหล่งรวมความทันสมัยแห่งหนึ่งในมณฑลกว่างตง(กวางตุ้ง) ซึ่งแน่นอนว่าเมืองเซินเจิ้นก็มีเป้าหมายในการพัฒนาให้เป็นเมืองศูนย์กลางเศรษฐกิจระดับนานาชาติให้ได้ภายในปี 2005 โดยพุ่งเป้าไปที่การเป็นเมืองแห่งเทคโนโลยีและวิทยาการชั้นสูง ศูนย์กลางลอจิสติกส์ ศูนย์กลางการเงินนานาชาติระดับภูมิภาค และแหล่งท่องเที่ยวชายทะเล

ความสำคัญทางเศรษฐกิจ

เซินเจิ้นสามารถสร้างผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศได้เป็นอันดับ 4 ในจำนวนเมืองระดับกลางและสูงในประเทศ มีปริมาณเศรษฐกิจมากเทียบเท่ามณฑลระดับกลาง และยังเป็นอีกเมืองหนึ่งที่มีผลกำไรทางธุรกิจดีที่สุด ทั้งนี้มูลค่าการนำเข้าส่งออกรวมของเซินเจิ้นยังมีสัดส่วนเป็น 1 ใน 7 ของมูลค่ารวมทั้งประเทศ(จีนแผ่นดินใหญ่) สูงเป็นอันดับ 1 โดยรักษาระดับมาได้ต่อเนื่อง 10 ปี

นอกจากนี้ เมืองเซินเจิ้นยังเป็นชุมทางขนส่งและคมนาคมที่สำคัญ ทั้งทางทะเลและอากาศทางตอนใต้ของประเทศ โดยเฉพาะการเข้าออกของสินค้าตู้คอนเทนเนอร์ที่บริเวณท่าเรือเมืองเซินเจิ้น มีปริมาณมากเป็นอันดับ 2 ของประเทศ และเป็นอันดับ 6 ของโลก สำหรับท่าอากาศยานในเมืองเซินเจิ้นก็ติดอันดับ 1 ใน 4 สนามบินใหญ่ของประเทศด้วย

เมืองที่ใช้ภาษาจีนกลาง(แมนดาริน)เป็นภาษาหลักแห่งเดียวในมณฑลกวางตุ้งนี้ มีอุตสาหกรรมการผลิตด้านนวัตกรรมชั้นสูง และสินค้าล้ำยุคเป็นพื้นฐาน มีชื่อด้านระบบการผลิตรูปแบบใหม่ผนวกการบริการอันทันสมัย โดยมีอุตสาหกรรมด้านไอทีเป็นหน้าตาของเมือง

และในด้านชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเมืองแล้ว ชาวเซินเจิ้นมีชีวิตที่อยู่ในโลกของสังคมข่าวสาร และมีการใช้คอมพิวเตอร์กันอย่างกว้างขวาง ไม่ว่าจะที่สถานีขนส่ง สนามบิน ห้างสรรพสินค้า และในที่สาธารณะต่างๆ ซึ่งให้บริการด้านการค้าขาย ธุรกรรม การประชาสัมพันธ์ของหน่วยราชการผ่านทางอินเทอร์เน็ต เป็นต้น

สภาพอากาศและแหล่งท่องเที่ยว

เนื่องจากมีพื้นที่ติดชายทะเล เมืองเซินเจิ้นจึงมีสภาพอากาศอบอุ่นแบบชายทะเลเขตร้อน ปริมาณน้ำฝนเพียงพอ ฤดูร้อนกินเวลา 6 เดือน ฤดูอื่นๆอากาศเย็นสบาย อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปีราว 22.3 องศาเซลเซียส สูงสุด 36.6 องศา ต่ำสุด 1.4 องศา ฤดูฝนอยู่ในราวเดือนพฤษภาคมถึงกันยายน ฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วงอาจมีพายุใต้ฝุ่นเป็นบางครั้ง

ทั้งนี้ แหล่งท่องเที่ยวที่โดดเด่นของเมือง คือ เมืองจำลองและหมู่บ้านวัฒนธรรม ซึ่งจำลองวิถีชีวิตของชนชาติส่วนน้อย สิ่งก่อสร้างทางศิลปวัฒนธรรมที่สำคัญๆของชาติ ได้แก่ หมู่บ้านเซียงมี่หู (香蜜湖度假村) หมู่บ้านวัฒนธรรมจีนซื่อเจี้ยจือชวง (世界之窗) เมืองจำลองจิ่นซิ่วจงหัว (锦绣中华) ฯลฯ

หากได้เดินทางไปเซินเจิ้น ควรชิมหอยนางรมซาจิ่งและลิ้นจี่หนันซัน ซึ่งเป็นสินค้ามีชื่อของเซินเจิ้น รวมไปถึงอาหารทะเล โดยเฉพาะปลากระบอกซึ่งเป็นสินค้าเลื่องชื่ออีกอย่างหนึ่งของเมือง อีกด้านหนึ่งเซินเจิ้นยังเป็นแหล่งธุรกิจสนามกอล์ฟ มีสนามกอล์ฟระดับมาตรฐานของประเทศกว่า 10 สนาม


ที่ตั้งและภูมิหลังทางประวัติศาสตร์


เมืองเซินเจิ้นตั้งอยู่ทางตอนใต้ของมณฑลกว่างตง ชายแดนทางใต้ติดทะเล ตรงข้ามกับเกาะฮ่องกงจึงมีการติดต่อค้าขายกันมาก พื้นที่ทั้งเมืองราว 1,952.84 ตร.กม. เป็นพื้นที่ของเขตเศรษฐกิจพิเศษกว่า 360 ตร.กม. ซึ่งเขตเศรษฐกิจในเซินเจิ้นเป็นเขตเศรษฐกิจแห่งแรกของประเทศจีน ก่อตั้งในยุคปฏิรูปและเปิดประเทศสมัยรองนายกรัฐมนตรีเติ้งเสี่ยวผิง

ชื่อ 'เซินเจิ้น' ปรากฎในบันทึกทางประวัติศาสตร์ครั้งแรก เมื่อปีที่ 8 ในรัชกาลหย่งเล่อแห่งราชวงศ์หมิง (ค.ศ.1410) คำว่า 'เซิน' แปลว่า ลึก 'เจิ้น' เป็นภาษาถิ่นใช้เรียก คูน้ำระหว่างท้องนา เนื่องจากที่นี่มีแหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์ ประกอบกับข้างหมู่บ้านมีคูน้ำลึกสายหนึ่ง จึงได้ชื่อตามภูมิประเทศดังกล่าว

เมืองเซินเจิ้นมีอีกชื่อว่า 'เผิงเฉิง' (鹏城) ตามตำนานเล่าว่า พญาอินทรีตัวหนึ่งบินฉวัดเฉวียนอยู่กลางเวหา เมื่อบินมาถึงท้องฟ้าเหนือชายหาดทะเลใต้(หนันไห่) ก็หลงใหลในทัศนียภาพที่งดงามของภูมิประเทศแถบนี้ จึงร่อนลงและยึดเอาถิ่นนี้เป็นที่อาศัย ต่อมาหัวของพญาอินทรีก็กลายเป็นภูเขาต้าเผิงซัน หรือภูเขาเจ็ดดรุณี ('เผิง' คือ นกอินทรีสัตว์ในเทพนิยายจีน) ปีกทั้งสองข้างกลายเป็นอ่าวต้าเผิง(大鹏湾)ทางฝั่งตะวันตก และอ่าวต้าย่า(大亚湾)ทางฝั่งตะวันออก ส่วนหางกลายเป็นเขาไผหยาซัน(排牙山) ส่วนร่างกายที่งดงามแข็งแรง กลายเป็นพื้นที่ครึ่งหนึ่งของเกาะต้าเผิง

เมืองเซินเจิ้นมีประวัติศาสตร์มานานกว่า 1,600 ปี แต่ก่อนหน้านั้นกลางยุคหินใหม่ ก็มีหลักฐานว่ามีมนุษย์อาศัยอยู่ทั่วไปในบริเวณนี้ สมัยราชวงศ์เซี่ยและซางเป็นถิ่นอาศัยของชนชาติหนันเยี่ยว์ ที่มีวิถีชีวิตอยู่ริมทะเล นิยมประกอบอาชีพจับปลาและเดินเรือ มีบ้างที่ทำการเกษตรเลี้ยงชีพ

หลังจักรพรรดิฉินสื่อหวงตี้รวบรวมประเทศจีนเป็นปึกแผ่นสำเร็จ ราว 214 ปีก่อนคริสต์ศักราช เซินเจิ้นซึ่งอยู่ในดินแดนทะเลใต้หรือหนันไห่จวิ่น(จวิ่น-การเรียกเขตปกครองในอดีต) และกุ้ยหลินจวิ่น(ปัจจุบันอยู่ในกว่างซี) ก็ถูกรวบรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งในวัฒนธรรมจงหยวน จนในสมัยราชวงศ์จิ้นตะวันออก ปีค.ศ.331 ดินแดนที่เป็นเซินเจิ้น ฮ่องกง ตงก่วน ถูกรวมกันตั้งเป็นเขตปกครองอำเภอเป่าอัน(宝安县)ขึ้นตรงกับเมืองหนันโถว ทำให้เซินเจิ้นกลายเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์เมืองเก่าหนันโถว(南头古城)ในเวลาต่อมา

สมัยราชวงศ์ซ่ง อำเภอเป่าอันหรือบริเวณเซินเจิ้นในปัจจุบัน เป็นชุมทางการค้าทางทะเลที่สำคัญทางภาคใต้ และเป็นแหล่งผลิตเกลือเพื่อการบริโภค รวมถึงเครื่องเทศ จนถึงสมัยราชวงศ์หยวนมีชื่อด้านการผลิตไข่มุก และในสมัยราชวงศ์หมิงยังเป็นชัยภูมิทางทหารที่สำคัญ

รัชกาลหงอู่ ปีที่ 27(ค.ศ.1394) มีการก่อสร้างค่ายทหารที่ตงก่วนและต้าเผิง ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นโบราณสถานสมัยราชวงศ์หมิง-ชิงขนาดใหญ่ที่เหลืออยู่ในเมือง นอกจากนี้ยังเป็นจุดที่กองเรือราชฑูตจีน มาประกอบพิธีเซ่นไหว้อธิษฐานต่อเทพเจ้า ก่อนการเดินทางสู่ท้องทะเลด้วย

เมืองหนันโถวในช่วงประวัติศาสตร์ 600 ปีหลัง รุ่งเรืองจนเป็นเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญในเขตตะวันออกเฉียงใต้ของมณฑลกวางตุ้ง ซึ่งมีเกลือ ข้าวเจ้า ใบชา และเครื่องเทศเป็นผลิตผลที่นำรายได้หลักมาสู่เมือง และยังเป็นศูนย์กลางการเมืองของฮ่องกง มาเก๊า และเซินเจิ้น ที่มีบทบาทสำคัญในปลายสมัยราชวงศ์ชิง ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าว เมืองก็เริ่มเติบโตและขยายขอบเขตการปกครองออกไปกว้างขึ้น

ระหว่างค.ศ.1842 - 1898 ด้วยเหตุทางการเมืองระหว่างประเทศ เมืองหนันโถวก็ต้องเสียดินแดนให้กับประเทศมหาอำนาจลัทธิจักรวรรดินิยม ทำให้พื้นที่ในการปกครองลดลงเหลือไม่ถึงครึ่งหนึ่งจากเดิม

โดยครั้งแรกในสมัยรัชกาลเต้ากวง ปีที่ 24 แห่งราชวงศ์ชิง วันที่ 24 กรกฎาคม 1842 เมื่อจีนและอังกฤษร่วมกันลงนามใน 'สนธิสัญญานานกิง' เป็นผลให้เกาะฮ่องกงตกอยู่ในอาณานิคมของอังกฤษ (อ่านข่าวประกอบ 'ภูมิหลังการคืนเอกราชเกาะฮ่องกง' )

ต่อมาจีนก็สูญเสียเอกราชบนเกาะเกาลูนไปอีก ในวันที่ 11 มกราคม 1860 ตาม 'สนธิสัญญาปักกิ่ง' ในรัชกาลเสียนเฟิง ปีที่ 10 และอีกครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่ 21 เมษายน ค.ศ.1898 ตรงกับรัชกาลกวงสู ปีที่ 24 สูญเสียพื้นที่เขตดินแดนใหม่(New Territories) ให้กับสหราชอาณาจักรในสัญญาเช่า 99 ปี นับแต่นั้น เซินเจิ้นและฮ่องกงก็ถูกแบ่งแยกการปกครองออกจากกัน

มีนาคม ค.ศ.1979 อำเภอเป่าอันได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นเมืองและให้ชื่อว่า 'เซินเจิ้น' และเป็นเขตพิเศษอันดับ 1 ของมณฑล ภายหลังได้กลายเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ ที่มีบทบาทสำคัญระดับประเทศ

ข้อมูลจาก www.sz.gov.cn / www.et-china.com
กำลังโหลดความคิดเห็น