xs
xsm
sm
md
lg

จีน ญี่ปุ่นกับสยาม

เผยแพร่:   โดย: โชติช่วง นาดอน

พูดถึงบาดแผลทางประวัติศาสตร์ การกระทบกระทั่งกันของชาติบ้านใกล้เรือนเคียงนั้น มันมีอยู่ทุกภูมิภาค และภูมิภาคใดมีเรื่องบาดแผลในยุคใกล้ๆ หน่อย อย่างเช่นมีบาดแผลกันในคราวสงครามมหาเอเชียบูรพา ครั้งญี่ปุ่นเป็น “เจ้าพ่อ” รุกรานเอเชียตะวันออก เรื่องราวก็ย่อมจะ “แรง” สักหน่อย และยังคุ้ยให้เรื่องมันคลุ้งขึ้นได้ไม่ยาก

เรื่องบาดแผลกระทบกระทั่งกันระหว่างญี่ปุ่นกับจีนนั้น มิได้มีเพียงเรื่องราวตอนสงครามโลกครั้งที่สองเท่านั้น ก่อนหน้านั้นนานทีเดียว ก็เคยมีการบาดหมางกันมาแล้ว

อารยธรรมและเทคโนโลยีส่วนใหญ่จะเผยแพร่ไปจากภาคพื้นทวีป ผ่านทางคาบสมุทรเกาหลี ไปสู่หมู่เกาะญี่ปุ่น โดยเฉพาะวัฒนธรรมจีนยุคราชวงศ์ถัง มีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมญี่ปุ่นอย่างมาก วัฒนธรรมหลายด้าน เช่น การแต่งกาย สถาปัตยกรรมของญี่ปุ่นนั้น เหมือนกับเป็นฟอสซิลของวัฒนธรรมราชวงศ์ถังเลยทีเดียว คือ ญี่ปุ่นรับและประยุกต์ แล้วก็รักษาไว้เหนียวแน่นถึงปัจจุบัน ในขณะที่จีนมีความเปลี่ยนแปลงในราชวงศ์หลังๆ ต่อมาอย่างมาก

ทุกประเทศมีช่วงรุ่งเรืองและร่วงโรย จีนเป็นประเทศใหญ่ แต่ก็มีช่วงที่อ่อนแอหลายช่วง จีนมีอิทธิพลเหนือคาบสมุทรเกาหลีอยู่มาก แต่ก็มิใช่ว่าจะเข้าครอบครองได้ตลอด มีสงครามหลายครั้งที่จีนพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ในเกาหลี และจีนก็ไม่เคยจัดกองทัพเรือขนาดใหญ่ไปบุกญี่ปุ่น ราชวงศ์ที่บุกญี่ปุ่นครั้งใหญ่ คือ ราชวงศ์หยวนของชาวมองโกล กุบไลข่านยกกองทัพเรือพลแสนห้าหมื่นข้ามช่องแคบไปบุกญี่ปุ่น แต่ก็เผชิญกับลมกามิกาเซพ่ายแพ้ยับเยิน คือ ไม่ได้แพ้คนแต่แพ้ลมพายุ

ต่อมาเมื่อญี่ปุ่นเข้มแข็งเกรียงไกรขึ้นบ้างในช่วงยุคราชวงศ์หมิงของจีน ญี่ปุ่นภายใต้การปกครองของโชกุน-ฮิเดโยฌิ ก็หวังจะปราบประเทศจีน โดยเริ่มต้นบุกเข้ายึดครองเกาหลี

พ.ศ.2135 ฮิเดโยฌิ ใช้กำลังทหารแสนห้าหมื่นคนบุกรุกคาบสมุทรเกาหลี กองทัพญี่ปุ่นรุกรานตั้งแต่ภาคใต้แถบเมืองโซล ขึ้นไปจนถึงแถบเมืองเปียงยางในภาคเหนือ แล้วรุกขึ้นเหนือสุดถึงแม่น้ำทูเมน เพื่อรุกรานจีน แต่ในที่สุดกองทัพญี่ปุ่นก็พ่ายแพ้

พ.ศ. 2140 ฮิเดโยฌิ ส่งกองทัพบุกเกาหลีอีกครั้งหนึ่ง แต่เขาเสียชีวิตในปี พ.ศ. 2141 กองทัพญี่ปุ่นจึงถอนกลับญี่ปุ่น โดยนำจิตรกรและนักปั้นเครื่องถ้วยชามจากเกาหลีกลับไปญี่ปุ่นด้วยจำนวนมาก

ในยุคนั้น นอกจากญี่ปุ่นจะรุกรานเกาหลี (เป้าหมายอยู่ที่จีน) ด้วยกองทัพทหารแล้วยังมีโจรสลัดญี่ปุ่นอาละวาดปล้นสะดมไปทั่วท้องทะเล โดยเฉพาะมุ่งรุกทำลายเมืองจีน โจรสลัดญี่ปุ่นเข้มแข็งถึงขั้นบุกปล้นเมืองหลายเมืองทางภาคใต้ของจีน ดังที่มีนิยายกำลังภายในเขียนถึงหลายเล่ม

หลายท่านอาจไม่ทราบว่า เรื่องโจรสลัดญี่ปุ่นอาละวาดในทะเลจีนนั้นเป็นเรื่องใหญ่มาก มันเป็นปัญหานานาชาติทีเดียว

หลังจากสมเด็จพระนเรศวรมหาราช รบชนะกองทัพพม่า นำสยามกลับเป็นอิสรภาพแล้ว จดหมายเหตุจึงบันทึกว่ากองทัพสยามเข้มแข็งมาก เป็นมหาอำนาจทางทะเลในแถบนี้ และที่สำคัญยิ่งคือจดหมายเหตุจีนบันทึกว่าพระนเรศวรส่งสาสน์เสนอฮ่องเต้ราชวงศ์หมิงว่า โจรสลัดญี่ปุ่นรบกวนจีน สยามจะช่วยยกทัพไปตีสั่งสอนญี่ปุ่นให้ ฮ่องเต้จะอนุญาตหรือไม่

ปรากฏว่า ข้าหลวงประจำมณฑลกวางตุ้ง เขียนบันทึกถวายฮ่องเต้ว่า ไม่ควรอนุญาตให้สยามยกทัพไปตีญี่ปุ่น เพราะสยามเข้มแข็งมาก หากเอาชนะญี่ปุ่นได้ จะกลายเป็นชาติที่เข้มแข็งเกินไป ฮ่องเต้จีนก็เลยไม่ทรงอนุญาตให้สยามไปตีญี่ปุ่น

และก็ไม่ใช่สยามฝ่ายเดียวที่คิดจะขยายอำนาจ

ทางญี่ปุ่นก็เพ้อฝันที่จะครองเอเชียทั้งหมดมาตั้งแต่สมัยฮิเดโยฌิแล้ว อาจารย์ยุพา คลังสุวรรณ ผอ.สถาบันเอเชียตะวันออกศึกษา มธ. เขียนไว้ในหนังสือ “ญี่ปุ่นสร้างชาติด้วยความรักและภักดี” ว่า

“ความต้องการของฮิเดโยฌิไม่มีขอบเขต ฮิเดโยฌิต้องการรวบฟิลิปปินส์ อินโดจีน และสยาม เข้ามาอยู่ภายใต้อาณาจักรญี่ปุ่น .... ฮิเดโยฌิมีแผนที่โลกสองแผ่น แผ่นหนึ่งเป็นฉากพับได้อยู่ในพระราชวัง อีกแผ่นเป็นตัวพัด เมื่อใดที่ฮิเดโยฌิใช้พัด เท่ากับฮิเดโยฌิกำลังพัดความทะเยอทะยานของเขา

ความฝันของชนชั้นปกครองญี่ปุ่นมาบรรลุ เมื่อญี่ปุ่นปฏิรูปประเทศ กลายเป็นประเทศจักรวรรดินิยมเทียมเท่าประเทศตะวันตก หลังจากที่ญี่ปุ่นรบชนะรัสเซีย ญี่ปุ่นก็เข้าครองเกาหลี ตงเป่ย (ภาคอีสานของจีน) แมนจูเรีย มองโกล หลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เยอรมันแพ้สงคราม ญี่ปุ่นเข้าครอบครองซานตงแทนเยอรมัน จากนั้นการรุกรานจีนก็ติดตามมาเป็นจังหวะๆ กระทั่งญี่ปุ่นเกือบจะครอบครองจีนได้

บาดแผลครั้งนี้สำหรับจีนแล้ว สมานแผลยาก.
กำลังโหลดความคิดเห็น