เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมดาของสรรพสิ่งที่มีชีวิต ไม่ว่าจะเป็นพืช สัตว์ หรือแม้กระทั่งของที่ไม่มีชีวิต ก็ยังมีวันเก่าแก่เสื่อมโทรมจนสูญสลายไปกันทั้งนั้น
แต่ยังมีมนุษย์ซึ่งถือกันว่าเป็นสัตว์ประเสริฐบางคน ได้พยายามฝ่าฝืนกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ ด้วยการเสาะหาสิ่งต่างๆ มาบำเรอบำรุง เพื่อให้ตนเองสามารถอยู่ยั้งยืนยง คงความมีชีวิตอยู่เป็นอมตะ
ด้วยเหตุนี้จึงเกิดอาชีพสำคัญอย่างหนึ่งขึ้นมา เพื่อทำหน้าที่บำรุงรักษาพยาบาลให้ผู้คนอยู่ดีไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ
ผู้ทำหน้าที่สำคัญเช่นนี้ในเมืองไทย เรียกตามภาษาชาวบ้านทั่วไปว่า “หมอ” และศัพท์เป็นทางการว่า “แพทย์” ซึ่งผมเองอยากเรียกขานท่านเป็นหมอมากกว่า เพราะเรียกง่ายกว่า พิมพ์ง่ายกว่า
บุคคลที่มีอาชีพดังกล่าวก็ชอบใช้คำเรียกแทนตัวเองเป็นหมอมากกว่าเป็นแพทย์
คำว่าหมอจึงรู้สึกเป็นความหมายในทางที่ดี หมายถึงผู้มีความรู้เหนือผู้คนทั่วไป แต่ในเมืองไทยของเรามักมีอะไรแปลกๆ แตกต่างกว่าที่นึกลึกกว่าที่คิดอยู่บ่อยๆ อย่างเช่น คำว่าหมอ ซึ่งแต่ดั้งเดิมที่มีความหมายไปในทางที่ดี ในบางครั้งกลับถูกนำไปใช้ในทางที่ไม่ค่อยดีก็มีเหมือนกัน เช่น
คนหัวหมอ หมายถึงคนที่ชอบต่อล้อต่อเถียงอ้างหลักการ
ไอ้หมอนั่น เป็นการกล่าวถึงใครสักคน ในทางที่ไม่ค่อยยกย่องนัก ทั้งที่บุคคลนั้นไม่ได้มีอาชีพเป็นหมอ
รวมทั้งบุคคลบางอาชีพ ซึ่งมีคำว่าหมอนำหน้า แต่ไม่ใช่อาชีพที่ได้รับการยกย่องเท่าที่ควร ขออนุญาตไม่ยกตัวอย่างอาชีพต่างๆ เหล่านี้นะครับ เพราะบางทีตัวผมเองก็มีความจำเป็นต้องใช้บริการของหมอที่มีอาชีพดังกล่าวเป็นครั้งคราว
พูดถึงหมอเมืองไทย เดี๋ยวถูกต่อว่าจากท่านผู้อ่านที่แวะผ่านมา ว่าไฉนไม่พูดเรื่องจีน ซึ่งเรื่องนี้หากเป็นแฟนประจำตั้งแต่ผมเริ่มเขียน “โต๊ะจีน” ตั้งแต่เกือบสิบปีมาแล้ว คงทราบดีว่า “โต๊ะจีน” ย่อมไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับจีนล้วนๆ ยังมีอาหารนานาชาตินำมาขึ้นโต๊ะจีนได้ในคราวเดียวกัน โดยเฉพาะอาหารไทย เพื่อให้กลมกลืนกับรสนิยมที่มีการผสมผสานได้ให้อร่อยสิ้น ไม่ใช่กินแต่ของจืดชืดหรือหวานเลี่ยน
ความจริงในสมัยโบราณ ชาวจีนเรียก “หมอ” ว่า 魔 ออกเสียง “หมอ” เหมือนกับคนไทยนั่นแหละครับ แต่คำว่าหมอแบบโบราณของจีน มีความหมายกระเดียดไปถึงคนที่มีเวทมนตร์คาถา หรือที่คนไทยเรียกว่าหมอผี
เพราะผู้คนเห็นว่าหมอเป็นผู้มีวิชาความรู้ลึกลับพิสดาร สามารถช่วยให้คนเจ็บไข้ได้ป่วย กลับฟื้นคืนดีได้ หรือในทางกลับกันยังมีหมอบางคนสามารถใช้เวทมนตร์คาถา หรือยาบางชนิดทำให้คนดีๆ เกิดอาการผิดเพี้ยนวิกลจริต กระทั่งเสียชีวิตได้
หมอแบบโบราณหรือหมอผีจึงกลายเป็นบุคคลที่มีอาชีพพิเศษ ซึ่งผู้คนทั้งเคารพและเกรงกลัว เพราะมีวิชาความรู้เหนือกว่าผู้คนทั่วไปนั่นเอง
ลองดูอักษรหมอ ประกอบด้วย “หมา 麻” กับ “กุ่ย 鬼” หมา แปลว่า ยาชา กัญชา ฯลฯ กุ่ย แปลว่า ภูตผีปีศาจ วิเคราะห์รากศัพท์แล้ว ย่อมหมายถึงผู้มีความรู้ทางเวทมนตร์คาถาในการใช้ยาราวกับภูตผีปีศาจ หรือเป็น “หมอซือ 魔师” ... อาจารย์หมอ
ความรู้ความสามารถของหมอแบบโบราณของจีน ทำให้หมอบางคนได้มีบทบาทความสำคัญ ถึงขึ้นเป็นหมอหลวง เข้านอกออกในถึงวังต้องห้ามอย่างใกล้ชิด บางคนก็เลยเถิดถึงขั้นมีอิทธิพลทางการเมืองการปกครอง จนมีส่วนร่วมในความเจริญหรือความเสื่อมสูญของหลายราชสำนักจีนโบราณ
ส่วนหมอปัจจุบันเรียก “ยีเซิง 医生” หมายถึงผู้มีหน้าที่รักษาให้ผู้คนหายจากโรคภัยไข้เจ็บ แต่ยังคงมีคนที่ชอบเรียกหมอเป็นไต้ฝูเหมือนเดิม อย่างที่คนไทยชอบเรียกหมอมากกว่าแพทย์
น่าเป็นห่วงที่ยุคนี้เป็นยุคเกิดเรื่องราวกับหมอหลายคน จนทำให้เกิดเหตุการณ์หมอเจ็บไปตามๆ กัน
ถ้าคนที่มีหน้าที่รักษาโรคภัยไข้เจ็บให้ผู้อื่นกลับฟื้นคืนดี กลับมีอันต้องเจ็บเนื้อเจ็บตัวหรือเจ็บใจเสียเองแล้ว จะหาใครมาทำหน้าที่ดูแลรักษาพยาบาลคนเจ็บไข้ได้ป่วยในสังคม โดยเฉพาะสังคมที่อมโรคไว้มากมาย!!!
แต่ยังมีมนุษย์ซึ่งถือกันว่าเป็นสัตว์ประเสริฐบางคน ได้พยายามฝ่าฝืนกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ ด้วยการเสาะหาสิ่งต่างๆ มาบำเรอบำรุง เพื่อให้ตนเองสามารถอยู่ยั้งยืนยง คงความมีชีวิตอยู่เป็นอมตะ
ด้วยเหตุนี้จึงเกิดอาชีพสำคัญอย่างหนึ่งขึ้นมา เพื่อทำหน้าที่บำรุงรักษาพยาบาลให้ผู้คนอยู่ดีไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ
ผู้ทำหน้าที่สำคัญเช่นนี้ในเมืองไทย เรียกตามภาษาชาวบ้านทั่วไปว่า “หมอ” และศัพท์เป็นทางการว่า “แพทย์” ซึ่งผมเองอยากเรียกขานท่านเป็นหมอมากกว่า เพราะเรียกง่ายกว่า พิมพ์ง่ายกว่า
บุคคลที่มีอาชีพดังกล่าวก็ชอบใช้คำเรียกแทนตัวเองเป็นหมอมากกว่าเป็นแพทย์
คำว่าหมอจึงรู้สึกเป็นความหมายในทางที่ดี หมายถึงผู้มีความรู้เหนือผู้คนทั่วไป แต่ในเมืองไทยของเรามักมีอะไรแปลกๆ แตกต่างกว่าที่นึกลึกกว่าที่คิดอยู่บ่อยๆ อย่างเช่น คำว่าหมอ ซึ่งแต่ดั้งเดิมที่มีความหมายไปในทางที่ดี ในบางครั้งกลับถูกนำไปใช้ในทางที่ไม่ค่อยดีก็มีเหมือนกัน เช่น
คนหัวหมอ หมายถึงคนที่ชอบต่อล้อต่อเถียงอ้างหลักการ
ไอ้หมอนั่น เป็นการกล่าวถึงใครสักคน ในทางที่ไม่ค่อยยกย่องนัก ทั้งที่บุคคลนั้นไม่ได้มีอาชีพเป็นหมอ
รวมทั้งบุคคลบางอาชีพ ซึ่งมีคำว่าหมอนำหน้า แต่ไม่ใช่อาชีพที่ได้รับการยกย่องเท่าที่ควร ขออนุญาตไม่ยกตัวอย่างอาชีพต่างๆ เหล่านี้นะครับ เพราะบางทีตัวผมเองก็มีความจำเป็นต้องใช้บริการของหมอที่มีอาชีพดังกล่าวเป็นครั้งคราว
พูดถึงหมอเมืองไทย เดี๋ยวถูกต่อว่าจากท่านผู้อ่านที่แวะผ่านมา ว่าไฉนไม่พูดเรื่องจีน ซึ่งเรื่องนี้หากเป็นแฟนประจำตั้งแต่ผมเริ่มเขียน “โต๊ะจีน” ตั้งแต่เกือบสิบปีมาแล้ว คงทราบดีว่า “โต๊ะจีน” ย่อมไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับจีนล้วนๆ ยังมีอาหารนานาชาตินำมาขึ้นโต๊ะจีนได้ในคราวเดียวกัน โดยเฉพาะอาหารไทย เพื่อให้กลมกลืนกับรสนิยมที่มีการผสมผสานได้ให้อร่อยสิ้น ไม่ใช่กินแต่ของจืดชืดหรือหวานเลี่ยน
ความจริงในสมัยโบราณ ชาวจีนเรียก “หมอ” ว่า 魔 ออกเสียง “หมอ” เหมือนกับคนไทยนั่นแหละครับ แต่คำว่าหมอแบบโบราณของจีน มีความหมายกระเดียดไปถึงคนที่มีเวทมนตร์คาถา หรือที่คนไทยเรียกว่าหมอผี
เพราะผู้คนเห็นว่าหมอเป็นผู้มีวิชาความรู้ลึกลับพิสดาร สามารถช่วยให้คนเจ็บไข้ได้ป่วย กลับฟื้นคืนดีได้ หรือในทางกลับกันยังมีหมอบางคนสามารถใช้เวทมนตร์คาถา หรือยาบางชนิดทำให้คนดีๆ เกิดอาการผิดเพี้ยนวิกลจริต กระทั่งเสียชีวิตได้
หมอแบบโบราณหรือหมอผีจึงกลายเป็นบุคคลที่มีอาชีพพิเศษ ซึ่งผู้คนทั้งเคารพและเกรงกลัว เพราะมีวิชาความรู้เหนือกว่าผู้คนทั่วไปนั่นเอง
ลองดูอักษรหมอ ประกอบด้วย “หมา 麻” กับ “กุ่ย 鬼” หมา แปลว่า ยาชา กัญชา ฯลฯ กุ่ย แปลว่า ภูตผีปีศาจ วิเคราะห์รากศัพท์แล้ว ย่อมหมายถึงผู้มีความรู้ทางเวทมนตร์คาถาในการใช้ยาราวกับภูตผีปีศาจ หรือเป็น “หมอซือ 魔师” ... อาจารย์หมอ
ความรู้ความสามารถของหมอแบบโบราณของจีน ทำให้หมอบางคนได้มีบทบาทความสำคัญ ถึงขึ้นเป็นหมอหลวง เข้านอกออกในถึงวังต้องห้ามอย่างใกล้ชิด บางคนก็เลยเถิดถึงขั้นมีอิทธิพลทางการเมืองการปกครอง จนมีส่วนร่วมในความเจริญหรือความเสื่อมสูญของหลายราชสำนักจีนโบราณ
ส่วนหมอปัจจุบันเรียก “ยีเซิง 医生” หมายถึงผู้มีหน้าที่รักษาให้ผู้คนหายจากโรคภัยไข้เจ็บ แต่ยังคงมีคนที่ชอบเรียกหมอเป็นไต้ฝูเหมือนเดิม อย่างที่คนไทยชอบเรียกหมอมากกว่าแพทย์
น่าเป็นห่วงที่ยุคนี้เป็นยุคเกิดเรื่องราวกับหมอหลายคน จนทำให้เกิดเหตุการณ์หมอเจ็บไปตามๆ กัน
ถ้าคนที่มีหน้าที่รักษาโรคภัยไข้เจ็บให้ผู้อื่นกลับฟื้นคืนดี กลับมีอันต้องเจ็บเนื้อเจ็บตัวหรือเจ็บใจเสียเองแล้ว จะหาใครมาทำหน้าที่ดูแลรักษาพยาบาลคนเจ็บไข้ได้ป่วยในสังคม โดยเฉพาะสังคมที่อมโรคไว้มากมาย!!!