xs
xsm
sm
md
lg

3 ราชินีผู้สง่างามแห่งเอเชีย สาวสามัญชนสู่แม่ของแผ่นดิน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ส่วนใหญ่แล้วถ้านึกถึงข่าวในพระราชสำนักของราชวงศ์ต่างๆ เรามักจะเห็นแต่ข่าวคราวของสมาชิกเชื้อพระวงศ์ในแถบยุโรปเสียเป็นส่วนใหญ่ เพราะจะมีการสืบเชื้อสายราชวงศ์มาอย่างยาวนาน และยังคงสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะการจับตามองในเรื่องแฟชั่นของเหล่าราชินี หรือเจ้าหญิง ที่มักจะถูกให้ความสนใจอยู่เสมอ

แต่ที่จริงแล้วประเทศในแถบเอเชียเอง ก็มีสถาบันกษัตริย์เยอะไม่น้อยหน้ากัน แต่อาจจะมาในรูปแบบที่ต่างออกไป อย่าง เจ้าผู้ครองนครในแถบตะวันออกกลาง และภาพข่าวที่เกี่ยวกับเชื้อพระวงศ์สุภาพสตรี ก็ไม่ค่อยได้ถูกนำเสนอ หรือให้ความสำคัญเท่าไหร่นัก แต่มีสตรีในราชวงศ์อยู่ 3 ท่านที่แตกต่างออกไป เพราะแม้จะมาจากพื้นฐานแห่งสามัญชน แต่สามารถก้าวไปสู่ตำแหน่งราชินี หรือแม่ของแผ่นดินได้อย่างสง่างาม เรียกได้ว่าเป็นซินเดอเรลลาในโลกแห่งความจริง






เริ่มจาก “สมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะ” พระอัครมเหสีในสมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะ จักพรรดิแห่งญี่ปุ่น มีพระนามเดิมว่า มาซาโกะ โอวาดะ เป็นทายาทของอดีตประธานศาลยุติธรรมระหว่างประเทศของญี่ปุ่น และได้ศึกษาในต่างประเทศ ทั้งที่รัสเซีย สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น โดยทรงศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยฮาวาร์ด สื่อสารได้ทั้งภาษาญี่ปุ่น อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน รัสเซีย และสเปน ทรงพบรักกับ เจ้าชายนารุฮิโตะ และเข้าพิธีอภิเษกสมรสเมื่อปี 2536 ในวัย 30 ชันษา และทรงกลายเป็นเจ้าหญิงมาซาโกะผู้แสนสงบเสงี่ยม คอยเป็นผู้สนับสนุนพระสวามีอยู่เบื้องหลัง และทรงประสูติทายาทเป็น เจ้าหญิงไอโกะ เมื่อปี 2544






ถัดมาที่ “สมเด็จพระราชินีราเนียแห่งจอร์แดน” พระบรมราชินีในสมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลลอห์ที่ 2 แห่งจอร์แดน มีพระนามเดิมว่า ราเนีย อัล-ยาซีน เป็นชาวปาเลสไตน์ที่เติบโตในคูเวต และศึกษาระดับปริญญาที่กรุงไคโร ประเทศอียิปต์ ด้านบริหารธุรกิจ ก่อนจะเข้าทำงานในบริษัทยักษ์ใหญ่ อย่าง ซิตี้แบงก์ และ แอปเปิ้ล เรียกได้ว่าเป็นเวิร์กกิ้งวูแมนคนเก่งที่น่าจับตามองแห่งยุค ก่อนที่จะอภิเษกสมรสกับเจ้าชายอับดุลลอห์เมื่อปี 2536 จากนั้นก็นำความเก่งมาช่วยงานราชวงศ์โดยเฉพาะ งานที่เกี่ยวกับการช่วยเหลือสังคมด้านเยาวชนและการศึกษา และทุกวันนี้ทรงเป็นพระอัยยิกาแล้ว เพราะ เจ้าชายฮุซัยน์ มกุฎราชกุมารแห่งจอร์แดน บุตรชายของพระองศ์ เพิ่งจะมีทายาทเมื่อปีที่ผ่านมา






ปิดท้ายที่ “สมเด็จพระราชินีเจตซุน เพมา วังชุก” แห่งสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคซาร์ นัมเกล วังชุก แห่งภูฏาน โดยทรงเติบโตที่ภูฏาน ก่อนจะไปศึกษาต่อที่อินเดีย และศึกษาระดับปริญญาจากมหาวิทยาลัยรีเจนต์คอลเลจ ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ มีความสนใจด้านงานศิลปะและภาพถ่าย ทรงอภิเษกสมรสกับเจ้าชายจิกมีเมื่อปี 2554 ทรงเป็นพระราชินีรุ่นใหม่ ที่มีบทบาทร่วมสนับสนุนงานพิธีของประเทศ ร่วมกับพระสวามี แม้ภูฏานจะอนุญาตให้มีภรรยาหลายคน แต่กษัตริย์จิกมี ทรงมีเพียงพระราชินีเจตซุน และทรงมีทายาทร่วมกัน 3 พระองค์


กำลังโหลดความคิดเห็น