มหาเศรษฐีคริปโต “จัสติน ซัน” ซื้อผลงานศิลปะ ‘Comedians’ ของศิลปินคอนเซ็ปต์ “มอริซิโอ กัตเตอลาน” ซึ่งเป็นกล้วยที่ติดด้วยเทปกาวในราคา 6.2 ล้านดอลลาร์ หรือราว 200 ล้านบาท จากการประมูลของ Sotheby’s ในนิวยอร์ก จากนั้นนำมันไปปอกกินโชว์บนเวทีในฮ่องกง พร้อมแสดงความคิดเห็นว่า “คุณค่าที่แท้จริงของมันอยู่ที่แนวคิด” เนื่องจากวัตถุและแนวคิดส่วนใหญ่มีอยู่ในทรัพย์สินทางปัญญา และบนอินเทอร์เน็ต ซึ่งตรงข้ามกับสิ่งที่มีอยู่จริง
จัสติน ซัน หนุ่มวัย 34 ปี เกิดในประเทศจีน สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาประวัติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยปักกิ่ง และปริญญาโทสาขาศิลปศาสตร์ด้านเอเชียตะวันออกศึกษา จากมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย เป็นผู้ก่อตั้งแพลตฟอร์มการซื้อขายสกุลเงินคริปโต Tron จนกลายเป็นมหาเศรษฐีคริปโต เขาใช้ชีวิตอย่างมีสีสันและมีความผูกพันอยู่กับสวิตเซอร์แลนด์ ไม่ใช่แค่เพราะเคยเป็นทูตจีนประจำสำนักงานใหญ่ของ องค์การการค้าโลก (WTO) ในเจนีวา แต่เพราะเป็นประเทศที่เป็นมิตรกับคริปโตมากที่สุดในโลก อีกทั้งเมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว ตอนที่ Credit Suisse ต้องการผู้กอบกู้ เขายังได้เสนอซื้อด้วยสกุลเงินดิจิทัลมูลค่า 1.5 พันล้านดอลลาร์กับธนาคารด้วย ตามที่ประกาศผ่านทวิตเตอร์ว่า เขาต้องการรวบธนาคารเข้ากับโลก Web3.0
เมื่อปีที่แล้ว คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา เคยตั้งข้อหากับ จัสติน ซัน ฐานฉ้อโกง แต่หลังจากที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง และการลาออกของ “แกรี เกนสเลอร์” ประธาน ก.ล.ต. ทำให้ซันหมดห่วงเรื่องคดีความไปได้
นอกจากนี้ ซันยังใช้อีเวนต์โชว์กินกล้วยของเขา เพื่อยกย่องว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์อีกด้วย “สหรัฐอเมริกาจะกลายเป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญที่สุด สำหรับการพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลต่อไป ผมรอฟังข่าวดีเรื่องนี้อยู่” เขาบอก เนื่องจากราคาคริปโตพุ่งขึ้น หลังชัยชนะเลือกตั้งครั้งใหม่ของทรัมป์ ทรัพย์สินของ จัสติน ซัน จึงเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล และทำให้เขาซื้องานศิลปะคอนเซ็ปต์ได้ง่ายขึ้น ซันยังไม่เคยได้พบกับทรัมป์ แต่เขารู้สึกขอบคุณทรัมป์อย่างมาก
หลังจากบริโภคกล้วยบนเวทีแล้ว เขายังส่งสาส์นเรียกร้อง “นำกล้วยนี้ไปยังดาวอังคารด้วย” โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อสะกิดให้ “อีลอน มัสก์” ที่เขาอยากรู้จัก นำผลไม้รูปทรงโค้งงอขึ้นจรวด Starship ในการเดินทางสู่ระบบสุริยะด้วย แต่ดูท่าเขาจะประมูลกล้วยเพิ่มได้ลำบากหน่อย เพราะงานศิลป์ที่เขาเพิ่งประมูลได้ไปนั้น ทาง Sotheby’s ไม่ยอมรับโทเคนของ Tron และขอให้เขาชำระเงินเป็นสกุลบิตคอยน์ หรืออีเธอเรียมแทน