การเมืองในเม็กซิโกเผ็ดร้อน รุนแรง นายกเทศมนตรีหญิง “โยลันดา ซานเชส” ของเมืองโกติยา ในรัฐมิโชอากัน ตอนกลางของประเทศ ถูกกลุ่มมือปืนไม่ทราบฝ่ายลอบยิงเสียชีวิตเมื่อวันจันทร์ที่ 3 มิถุนายนที่ผ่านมา เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังเม็กซิโกเพิ่งฉลองการได้ประธานาธิบดีหญิงคนแรก นั่นคือ “เคลาเดีย ไชน์บอม”
เคลาเดียสานต่อนโยบายทางการเมืองจาก “โลเปซ โอบราดอร์” ด้วยการสร้างตัวตนว่าไม่ใช่ลูกหม้อของคนเดิม เธอสานต่อนโยบายเก่าบางเรื่อง เช่น นโยบายพื้นฐานด้านสุขภาพ การศึกษา ที่อยู่อาศัย และการสร้างงาน แต่ในฐานะนักวิทยาศาสตร์ที่สนใจสิ่งแวดล้อม เธอแสดงจุดยืนเกี่ยวกับพลังงานที่ชัดเจน แต่เน้นสนับสนุนพลังงานทางเลือก หรือพลังงานหมุนเวียนที่ไม่สร้างมลภาวะ
อีกหนึ่งความท้าทายคือ เร่งสร้างความเชื่อมั่นจากนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะ ระบบตุลาการ ที่เปลี่ยนเป็นการเลือกตั้งพิพากษาจากรายชื่อที่เสนอโดย สภาคองเกรส แทนการแต่งตั้ง เพื่อความโปร่งใส รวมทั้งความสัมพันธ์ระหว่างเม็กซิโกกับสหรัฐอเมริกาว่า จะเป็นไปในทิศทางใด เพราะวอชิงตันกดดันบ่อยครั้งให้เม็กซิโกแก้ปัญหาการลักลอบเข้าสหรัฐฯ อย่างผิดกฎหมาย
“เคลาเดีย ไชน์บอม” เข้ารับตำแหน่งวันที่ 1 ต.ค. 2024 และในวันถัดมาซึ่งเป็นวันรำลึกการสังหารหมู่ที่จัตุรัสตลาเตโลลโก เธอได้ออกแถลงการขอโทษอย่างเป็นทางการ สำหรับโศกนาฏกรรมในการปราบปรามและสังหารนักศึกษาเมื่อ 56 ปี หลังจากที่พวกเขาชุมนุมเรียกร้องเสรีภาพ ประชาธิปไตย และการปล่อยตัวนักโทษการเมือง จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 300 คน เคลาเดียซึ่งเรียกตัวเองว่าเป็น “ลูกสาวปี 68” ขณะนั้นยังเรียนชั้นประถม ส่วนแม่ของเธอ “แอนนี ปาร์โด” มีส่วนร่วมในฐานะอาจารย์ประจำสถาบันโพลีเทคนิคแห่งชาติ และถูกโรงเรียนไล่ออกหลังเกิดเหตุการณ์
ในวันแถลงการ กลุ่มผู้ประท้วง ‘black bloc’ ที่ใส่เสื้อฮู้ดสีดำ ขว้างปาก้อนหินและจุดประทัดใส่ตำรวจที่อารักขาบ้านพักประธานาธิบดี “ออสการ์ เมนเอนเดส” วัย 90 หนึ่งในผู้ชุมนุมเมื่อ 56 ปีก่อนกล่าวว่า “แค่ขอโทษไม่พอ พวกเราต้องการความยุติธรรม แค่เพื่อนน่ะขอโทษได้ แต่คนที่เสียสละชีวิตเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศ แค่นั้นไม่พอ” ผู้ประท้วงอีกราย “อังเกล โรดิเกรซ” วัย 76 บอกว่าเคลาเดียไม่ใช่คนที่ควรมาขอโทษ แต่ควรเป็นประธานาธิบดีคนก่อน ที่ควรทำทันทีหลังการสังหารหมู่
สิ่งที่ประธานาธิบดีหญิงคนแรกของเม็กซิโกต้องรับมือนั้น ดูเหมือนจะหนักหนาและโหดเอาเรื่องทีเดียว