ต้องบอกว่า 4 เซเลบสาวเหล่านี้เป็นผู้มาก่อนกาล เพราะหยิบจับเอาแฟชั่นแบบไทยๆ สินค้าพื้นถิ่น อย่าง ผ้าไทย ซิ่น ผ้าถุง หรือกางเกงชาวเล มาสวมใส่พร้อมทำแบรนด์ออกวางขาย มีลูกค้าทั้งคนไทยและต่างชาติ นับเป็นการนำกระแส Soft Power แบบไม่ต้องป่าวประกาศ แต่จับต้องได้จริง และส่งเสริมคุณค่าของสินค้าสัญชาติไทยได้อย่างงดงาม
เริ่มจากดีไซเนอร์สาวดีกรีแบรนด์ดังจากฝรั่งเศส “พริ้ง บุนนาค” หลังทำรองเท้าและเครื่องหนังวางขายที่ปารีสนานหลายปี พอกลับมาเมืองไทย เลยทำแบรนด์ Sucette ที่นำผ้าซิ่นมาประยุกต์ใหม่ ทำเป็น Sin Dress เดรสซิ่นผ้าไหมแบบสุดเก๋ ทั้งสั้นและยาว เนื้อผ้าพริ้วไหวสีสันมีเอกลักษณ์ ด้วยการย้อมมือแบบออร์แกนิก ปรับแต่งเป็นชุดเดรสได้หลายสไตล์
ต่อที่นักธุรกิจหญิงแห่งเครือโรงแรมเคป แอนด์ แคนทารี “แวว-ธีรวัลคุ์ ปังศรีวงศ์ เตชะอุบล” ก็ไม่ทิ้งงานศิลปะ การดีไซน์ ผสานกับสไตล์และรสนิยมส่วนตัว จึงทำแบรนด์ “Owl n the moon” มากว่า 4 ปีแล้ว มีทั้งเสื้อผ้าลวดลายเยอะๆ สีสันสดใส ตอนแรกเน้นผ้าคอตตอนอินเดีย แต่ช่วงหลังมีทั้งผ้าถักโครเชต์ ผ้าไหม ผ้าขาวม้า หรือนำผ้าเช็ดหน้ามาตัดมิกซ์ไปจนถึงผ้าวินเทจ นำมาออกแบบเป็นผ้าถุง เสื้อคอกระเช้า กางเกงชาวเล
ส่วน “ฝน-ชวมณฑ์ ปวโรดม” ทายาทฟาร์มจระเข้ และคุณแม่ “พัชรพิมล ยังประภากร ปวโรดม” จากแบรนด์เครื่องหนัง S’uvimal สาวฝนที่เรียนมาทางดีไซน์และแฟชั่นโดยตรง ก็ตามรอยทำแบรนด์ Mei Mei (เหม่ย-เหม่ย) เป็นชุดเซ็ต ผ้าถุงและกระเป๋าผ้า ซึ่งใช้ผ้าไทยจากหลากหลายภูมิภาค ตั้งแต่ผ้าไหม ผ้าทอ ผ้าปาเต๊ะ ผ้าบาติก ฯลฯ นำมาทำผ้าถุงทรงสวยและกระเป๋าหลากสไตล์
ปิดท้ายที่ “แอ้ม-ปวีณลักษณ์ ลิมปิชาติ” สาวติสต์ที่มีแพสชั่นด้านสุขภาพ การออกกำลังกาย และอาหารแล้ว เธอผู้สนใจแฟชั่นและรักในท้องทะเล จึงทำแบรนด์แฟชั่นเสื้อผ้าสไตล์ลำลอง Marong Chaolay BKK (มะโรง ชาวเล) ที่เปิดมาได้ 4 ปีแล้ว มีทั้งกางเกงชาวเลดีไซน์เก๋ หลายคอลเลกชัน สารพัดเนื้อผ้า แถมยังสั่งผลิต ปักลาย ปักชื่อ แบบไม่เหมือนใคร กางเกงลูกไม้ เสื้อแขนกุด เดรสตัวหลวม
