เรียกว่าเป็นอีกหนึ่ง Wish List ของสายวิ่ง ที่ครั้งหนึ่งอยากจะลงวิ่งในเมเจอร์มาราธอนชื่อดังระดับโลกสักครั้ง หรือถ้าฟิตๆ หน่อยก็จัดเก็บให้ครบทั้ง 6 สนามกันไป ซึ่งสนามวิ่งมาราธอนเมเจอร์ของโลก 6 สนามนั้น ได้แก่ 1. โตเกียว มาราธอน (Tokyo Marathon) 2. บอสตัน มาราธอน (Boston Marathon) 3. เบอร์ลิน มาราธอน (Berlin Marathon) 4. ลอนดอน มาราธอน (London Marathon) 5. ชิคาโก มาราธอน (Chicago Marathon) และ 6. นิวยอร์ก ซิตี้ มาราธอน (New York City Marathon)
ช่วงปลายเดือนกันยายนเช่นนี้ สนามที่กำลังเป็นที่พูดถึงอย่างมากก็คือ “เบอร์ลิน มาราธอน” ที่รวมตัวนักวิ่งทั่วโลก ทุกประเทศ ทุกทวีปมาไว้ที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ซึ่งประวัติของ “เบอร์ลิน มาราธอน” รายการนี้ ว่ากันว่าจัดขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1974 เริ่มต้นวิ่งกันในพื้นที่ที่เป็นเบอร์ลินตะวันตก และเส้นทางการวิ่งต่างๆ เพิ่งจะปรับเปลี่ยนให้วิ่งลอดผ่านประตูชัย Brandenburg ที่เคยอยู่ในดินแดนเบอร์ลินตะวันออก เมื่อปี 1990 ภายหลังกำแพงเบอร์ลินถูกทำลาย ซึ่ง “เบอร์ลิน มาราธอน” มีกำหนดจัดในช่วงปลายเดือนกันยายน เป็นประจำทุกปีจนถึงปัจจุบัน เพราะเป็นช่วงที่อากาศกำลังสบาย ทำให้นักวิ่งทั้งหลายอยากจะมาสัมผัสสนามนี้สักครั้ง
ในปีนี้นักวิ่งคนดังชาวไทยก็ไปเช็กอิน เก็บพอยต์กันหลายคน ไม่ว่าจะเป็น ครอบครัวทีปสุวรรณ ที่ไปกันแพคคู่ นำโดย “ตั้น-ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ” ที่ไปวิ่งพร้อมกับภรรยา “อีฟ-ทยา ทีปสุวรรณ” ร่วมแจมด้วยรุ่นน้อง อย่าง “ฐากูร ตะเภาพงษ์” สามีหนุ่มของ เป็กกี้ ศรีธัญญา ซึ่งงานนี้เป็กกี้ไปเป็นกองเชียร์เท่านั้น และแน่นอนว่าต้องมีนักวิ่งมืออาชีพจากเมืองไทยเข้าร่วมด้วย อย่าง “โค้ชเดี่ยว-ปฏิการ เพชรศรีชา” อดีตนักวิ่งวิบากทีมชาติไทย
ที่ดูจะคึกคักเป็นสีสันชาวโซเชียลหน่อยก็ต้อง “เต๋า-สมชาย เข็มกลัด” ซึ่งจัดเต็ม ซุ่มซ้อม และเต็มที่กับสนามนี้มาก โพสต์เกี่ยวกับ "เบอร์ลิน มาราธอน" ในอินสตาแกรมส่วนตัวแบบรัวๆ ตั้งแต่เก็บกระเป๋าเดินทางเข้าร่วมงาน จนกระทั่ง วันจริงที่ได้คว้าเหรียญมาได้สมใจ
อีกหนึ่งสาวนักวิ่งที่ชอบการวิ่งมาราธอน และเคยผ่านมาแล้วหลายสนามในเมืองไทย “เมย์-เมสินี แก้วราตรี” ปีนี้ก็ควงคู่สามี “เท็ดดี้-พรเศก ภาคสุวรรณ” ไปลงสนามเบอร์ลิน มาราธอนด้วยกัน แต่กว่าจะถึงวันลงสนาม เรียกได้ว่าชีวิตผ่านอะไรมาเยอะ แต่ก็สามารถคว้าเหรียญมาเชยชม ซึ่งครั้งนี้เธอได้บอกเล่าความรู้สึกและบรรยากาศให้ฟังว่า
“ก่อนไปวิ่งที่เบอร์ลินมีเวลาซ้อม 2 เดือนเท่านั้น กลายเป็นว่าทั้งเครียดและกระวนกระวายใจไปหมด มีความคิดหลายอย่างวนอยู่ในสมอง กดดัน กังวล กลัวว่าเราซ้อมวิ่งไม่พอ แล้วถ้าวันจริงเราวิ่งไม่ดีจะทำอย่างไร ช่วงก่อนไปก็เจอมรสุมชีวิตงานเยอะมาก และลูกป่วยเข้าโรงพยาบาล รวมไปถึงร่างกายตัวเองด้วย ที่มีปัญหาเนื้องอกที่มดลูกซึ่งไปรั้งมดลูก พังผืดเกี่ยวกระเพาะปัสสาวะ ทำให้เคลื่อนไหวมากไม่ได้”
แม้ว่าก่อนที่จะไปลงสนามจริง มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย บวกกับความไม่มั่นใจ แต่เมื่อวันจริงมาถึงกลับกลายเป็นว่า เป็นการสร้างความทรงจำที่ดีหลายอย่างให้กับเธอ ซึ่งเธอยังจำบรรยากาศที่ผ่านมาได้เป็นอย่างดี
“บรรยากาศของงานเบอร์ลินมาราธอนคือดีงาม อากาศเย็นสบาย 12-18 องศาเซลเซียส มีแดดให้เมืองสดใส ระหว่างที่เราวิ่งไปก็มีคนยืนเชียร์ตลอดระยะทาง 42.2 กม. และทุกคนพลังเยอะมาก ปรบมือ ราวกับว่างานมาราธอนเป็นงานเทศกาลแห่งความสุข เป็นอีเวนต์ครอบครัว ทำให้เรามีพลังในการวิ่งตลอดทาง มีวงดนตรีมาทุกประเภท ทั้ง local ไปจนดีเจเปิดแผ่น เปลี่ยนบรรยากาศไปตลอดทางวิ่ง คนทั้งเมืองพร้อมหลบให้มาราธอน และไม่มีนักวิ่งออกนอกลู่ เพราะเป็นมาราธอนที่ก่อตั้งมายาวนาน เราจึงมีเพื่อนนักวิ่งสูงอายุ ที่ติดป้าย Finisher 20-30 ครั้ง วิ่งกันเยอะมาก แอบรู้สึกอยากเป็นอย่างนั้นบ้าง
อีกหนึ่งความประทับใจคือ มีเพื่อนนักวิ่งคนไทยเจ็บขา ก็มีกลุ่มกองเชียร์เด็กน้อย 3 คนช่วยประคองไปจนจบ เป็นภาพที่น่ารักมาก และในเย็นวันนั้น ทั้งเมืองพร้อมใจกันใส่เสื้อ Finisher และห้อยเหรียญออกไปกินอาหารเย็นกัน พอเช้าวันรุ่งขึ้น หนังสือพิมพ์เบอร์ลินก็ตีพิมพ์ชื่อผู้เข้าร่วมทุกคนพร้อมผล เป็นเรื่องราวที่น่าจดจำมาก อยากเห็นเมืองของไทยทำกิจกรรมให้ได้แบบนี้”
สำหรับ “เบอร์ลิน มาราธอน” สนามวิ่งเมเจอร์สำคัญของโลกนั้น จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ก่อนหน้านี้ก็มีคนดังสายวิ่งของเมืองไทยหลายคน เคยไปเก็บเหรียญที่สนามนี้มาแล้ว และมีแนวโน้มว่า จะมีนักวิ่งชาวไทยที่อยากจะไปสอยเหรียญ ในสนามเมเจอร์สำคัญต่างๆ ของโลกเพิ่มมากขึ้นทุกๆ ปี