xs
xsm
sm
md
lg

ความรักของ “เจ้าหญิงมาโกะ” ชนะทุกสิ่ง! แม้ต้องยอมสละฐานันดรศักดิ์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เจ้าหญิงมาโกะแห่งราชวงศ์ญี่ปุ่น กลายเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลกไปทันที เมื่อมีข่าวสละฐานันดรศักดิ์เพื่อแต่งงานกับคนรัก ตามกฎมณเฑียรบาลของสำนักพระราชวังญี่ปุ่นปี 2490 อนุญาตให้ราชวงศ์ฝ่ายชายเท่านั้น ที่แต่งงานกับสามัญชนได้ แต่ถ้าเป็นฝ่ายหญิงจะต้องสละฐานันดรศักดิ์ ออกไปใช้ชีวิตอยู่นอกวังกับคู่สมรส ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้บุตรชายที่เกิดมาสามารถสืบราชสมบัติได้ เว้นแต่จะได้รับเงินขวัญถุงเท่านั้น

เจ้าหญิงมาโกะ เป็นเจ้าหญิงองค์ที่ 9 ที่สละฐานันดรศักดิ์ แต่ปฏิเสธที่จะรับเงินจำนวน 150 ล้านเยน หรือประมาณ 45 ล้านบาท และเป็นเจ้าหญิงองค์แรก ที่ไม่จัดพิธีเสกสมรสตามพระราชประเพณี หากจัดงานมงคลสมรสอย่างเงียบๆ เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2564



ความจริงแล้วเรื่องสัมพันธ์รักของพระองค์ ได้รับการเปิดเผยให้สาธารณชนรับรู้ตั้งแต่ปี 2560 เมื่อพระองค์ประกาศหมั้นอย่างเป็นทางการในวันที่ 3 กันยายน และกล่าวว่า ประทับใจในรอยยิ้มของ “เคอิ โคมุโระ” ซึ่งเป็นเพื่อนนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยอินเตอร์เนชันแนล คริสเตียน (ICU) นอกกรุงโตเกียว ผู้มีรอยยิ้มเจิดจ้าดั่งแสงตะวัน แต่ปรากฏว่า แม่ฝ่ายชายมีปัญหาทางการเงิน ไม่สามารถคืนเงิน 4 ล้านเยนที่ยืมจากคู่หมั้น ทำให้โคมุโระถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก อีกทั้ง ยังถูกกระแสต่อต้านและถูกกล่าวหาว่า แต่งงานเพื่อเงินหรือหิวแสง อีกทั้งลุคของฝ่ายชายกับทรงผมรวบยาว คงไม่ถูกตาต้องใจของชาวอนุรักษ์นิยมนัก เป็นเหตุให้การแต่งงานต้องถูกเลื่อนออกไปสามปี และเจ้าหญิงมาโกะมีอาการป่วยเป็นโรคเครียด เผชิญกับภาวะ PSTD จากการที่จิตใจถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง เพราะกระแสต่อต้านการแต่งงานจากประชาชน จนตัดพ้อกับจิตแพทย์ว่า “รู้สึกถูกเหยียบย่ำศักดิ์ศรีในฐานะมนุษย์ คิดว่าตัวเองเป็นคนที่ไร้ค่า” ถึงขนาดได้รับการขนานนามว่า เป็น “แฮร์รีและเมแกน” แห่งญี่ปุ่น

เจ้าหญิงมาโกะออกมาวิงวอนต่อชาวญี่ปุ่น ให้สนับสนุนการตัดสินใจของตน เธอกล่าวว่า “เราทั้งสองไม่อาจแยกขาดจากกันได้ การแต่งงานจึงเป็นทางเลือกที่จำเป็นของเรา เพื่อจะมีใครสักคนที่อยู่เคียงข้างกันยามทุกข์หรือสุข ดูแลซึ่งกันและกัน” วันที่ 26 ตุลาคม 2564 เจ้าหญิงมาโกะเดินทางออกจากพระตำหนักที่ประทับในกรุงโตเกียว เวลา 10.00 น. โน้มคำนับ “เจ้าชายฟูมิฮิโตะ มกุฎราชกุมารแห่งญี่ปุ่น” พระบิดา และ “เจ้าหญิงคิโกะ” พระมารดา หลายครั้ง พร้อมทั้งสวมกอด “เจ้าหญิงคาโกะ” พระขนิษฐา ก่อนออกจากพระตำหนักไปเข้าพิธีเสกสมรส ซึ่งจัดงานอย่างเรียบง่ายที่โรงแรมแห่งหนึ่ง จากนั้นจดทะเบียนสมรส แต่ยังไม่วายโดนชาวโซเชียลเมาท์ว่า ใช้เงินภาษีของประชาชน ทำให้ทั้งคู่ต้องออกมายืนยันว่า พวกเขาจ่ายค่าจัดเลี้ยงและสถานที่ของโรงแรมเอง


ภายหลังแต่งงาน ทั้งคู่อาศัยอยู่ในคอนโดฯ ที่กรุงโตเกียวราว 20 วัน ก่อนเดินทางไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นิวยอร์ก ที่นั่นเจ้าหญิงเปลี่ยนลุคจากสาวหวานเรียบร้อย เป็นนางมาโกะ โคมุโระ แต่งกายสบายๆ เหมือนคนธรรมดาทั่วไป ทั้งคู่เช่าอพาร์ตเมนต์ขนาดหนึ่งห้องนอน ในย่านเฮลส์คิตเชนที่หรูหรา ค่าเช่าขั้นต่ำเดือนละราว 150,000 บาทต่อเดือน ห้องพักดังกล่าวมีเพดานสูง หน้าต่างบานกว้าง เครื่องใช้ในครัวเรือนของยี่ห้อ Bosch อ่างล้างหน้าทำจาก Corian ที่มีลักษณะคล้ายหินอ่อน และกระเบื้องโมเสค ภายในห้องพักยังมีสตูดิโอออกกำลังกาย พร้อมจักรยาน Peloton มีดาดฟ้าพร้อมเก้าอี้บานพับ เครื่องจำลองการเล่นกอล์ฟ ห้องสมุด และบริการดูแลสัตว์เลี้ยง ข้อสำคัญ ทำเลที่ตั้งของอาคารอยู่ห่างจากย่านไทม์สแควร์เพียงเดินเท้าไป 15 นาที

เคอิ โคมุโระ ทำงานที่บริษัทกฎหมายในนิวยอร์ก ตั้งแต่เรียนจบด้านกฎหมายที่มหาวิทยาลัยฟอร์ดแฮม เขาพยายามสอบเนติบัณฑิตอยู่สองครั้ง แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ซึ่งทั้งสองครั้งที่สอบไม่ผ่าน อดีตเจ้าหญิงมาโกะก็คอยอยู่เคียงข้าง กุมมือให้กำลังใจสามี กระทั่ง ในที่สุดเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว โคมุระก็สอบผ่านเนติฯ พลอยทำให้พระบิดาของอดีตเจ้าหญิงมาโกะ รู้สึกยินดีปรีดาไปด้วย เพราะจะทำให้เขามีรายได้ที่มั่นคงขึ้น การสอบครั้งนี้มีผู้เข้าสอบ 9,609 คน สอบผ่าน 6,350 คน ถือเป็นสัดส่วนสอบผ่าน 66%


ส่วน มาโกะ เริ่มทำงานครั้งแรกเป็นอาสาสมัครที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิทัน และเมื่อปีที่แล้ว เธอก็ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้ช่วยภัณฑารักษ์ประจำที่พิพิธภัณฑ์ดังกล่าว ซึ่งนับว่าเป็นงานที่เหมาะกับเธอมาก เพราะตรงกับด้านศิลปะและมรดกทางวัฒนธรรมที่เธอร่ำเรียนมา อีกทั้งเคยเดินทางไปศึกษาต่อด้านประวัติศาสตร์ศิลปะ ที่มหาวิทยาลัยเอดินบะระที่สกอตแลนด์ และจบปริญญาโทสาขาพิพิธภัณฑ์และหอศิลปะศึกษา จากมหาวิทยาลัยเลสเตอร์ในปี 2016 ด้วย

แม้ว่าการใช้ชีวิตที่นิวยอร์กจะไม่มีองครักษ์ล้อมหน้าล้อมหลัง เดินไปไหนมาไหนเพียงลำพัง ต้องหอบหิ้วข้าวของเองบ้าง เดินหลงทิศหลงทางบ้างเป็นครั้งคราว แต่ล่าสุดเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา นักข่าวถ่ายภาพอดีตเจ้าหญิงกับสามี เป็นภาพทั้งคู่เดินกระหนุงกระหนิงจูงมือกันไปช้อปปิ้ง จากนั้นขึ้นรถเมล์ โคมุโระนั่งโอบไหล่ภรรยาบนรถ และภาพฝ่ายหญิงเอนศีรษะซบบ่าของสามีขณะรอรถเมล์

ภาพสื่อให้เห็นว่า ทั้งคู่ยังรักกันหวานชื่น สมกับที่มานะบุกบั่นฝ่าอุปสรรคแห่งความรักมาด้วยกันอย่างยากลำบาก...ก็ขอเอาใจช่วยให้รักกันนานๆ








กำลังโหลดความคิดเห็น