การท่องเที่ยวของไทยเรียกได้ว่าโด่งดังติดอันดับโลก ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในบ้านเรา รวมทั้งคนในประเทศเอง ก็สนุกสนานกับการเดินทางไปสัมผัสความงดงามของภูมิภาคต่างๆ ทั้งวิวทิวทัศน์ ธรรมชาติและวัฒนธรรมที่น่าประทับใจ ทำให้ธุรกิจอื่นๆ ที่สนับสนุนการท่องเที่ยว ได้รับอานิสงส์ไปด้วย อย่าง ธุรกิจโรงแรมจะเจริญเติบโตขึ้นอย่างไม่หยุดยั้งมาตลอดหลายสิบปี แม้จะมีสะดุดไปบ้างในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แต่เมื่อเหตุการณ์คลี่คลายลงธุรกิจโรงแรมก็กลับมาเฟื่องฟูยิ่งขึ้นกว่าเดิม ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่ใครๆ ก็อยากเข้ามาขอร่วมแบ่งเค้กก้อนนี้ ทุกวันนี้มีสารพัดกลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่จากแวดวงอื่น กระโดดเข้ามาร่วมวงการโรงแรมด้วย จะมีเจ้าไหนกันบ้างลองไปดูกัน?
บางคนอาจเคยได้ยินชื่อ “Tolani” (โรงแรมทูลานี) แล้วอาจเกิดความสงสัยว่า เป็นเครือโรงแรมของที่ไหนประเทศอะไร โดยอาจจะไม่เคยรู้ว่า นี่คือโรงแรมแบรนด์ไทย ที่ทายาทของตระกูลเผอิญโชค ซึ่งเป็นเจ้าของไทยรุ่ง ตำนานด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย ออกมาเปิดธุรกิจทางด้านโรงแรมสไตล์วิลล่า ตั้งแต่เมื่อปี 2550 ในหลากหลายแบรนด์ จนกระทั่ง ตอนหลังปรับมาเป็นเครือโรงแรมทูลานี ที่มีสไตล์อันโดดเด่นในธีมท้องถิ่น ให้ผู้เข้าพักได้สัมผัสถึงประสบการณ์ที่แตกต่าง ไม่รู้สึกซ้ำซากจำเจในแบบของรีสอร์ทหรือโรงแรมแบบเดิมๆ
ทุกวันนี้ ทูลานีขยับขยายสร้างสรรค์ “สวรรค์แห่งการต้อนรับ” โรงแรม รีสอร์ท และวิลล่า ทั้งหมด 12 แห่ง มีทั้งแบบเป็นเจ้าของเอง และการเข้าไปช่วยบริหาร โดยจะใช้ชื่อห้อยท้ายต่อจากชื่อโรงแรมว่า บาย ทูลานี ให้บริการครอบคลุมพื้นที่ทั้งที่กรุงเทพฯ สมุย กระบี่ ปราณบุรี กุยบุรี หัวหิน เชียงใหม่ เขาใหญ่ ภูเก็ต เรียกได้ว่าทั่วประเทศไทย
ถัดมาเป็นยักษ์ใหญ่จากอีกวงการ อย่าง “สยามแก๊ส” ตัวพ่อด้านพลังงานของประเทศไทย อย่าง วรวิทย์ และพัชรา วีรบวรพงศ์ ที่นอกจากทำธุรกิจด้านพลังงานแล้ว ยังมีกิจการด้านอสังหาริมทรัพย์ อย่าง โบ๊เบ๊ ทาวเวอร์ ตลาดโบ๊เบ๊ และห้างสรรพสินค้าเมกะ พลาซ่า พาราเดียม ก็ข้ามสายมาทำธุรกิจโรงแรมเช่นกัน โดยก่อนหน้านี้มีแค่โรงแรมปริ๊นซ์ พาเลซ และโรงแรมเดอะเบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ ในครอบครอง แต่เมื่อช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ก็ได้ก้าวเข้ามาเต็มตัวมากขึ้น โดยธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ได้ส่งมอบให้ลูกสาว-พัชราวดี กับลูกเขย-วัลลภ เข้ามาดูแล และได้เพิ่มเติมพอร์ตโรงแรมด้วยการซื้อโรงแรมเรอเนซองส์ เกาะสมุย รีสอร์ท แอนด์ สปา และโรงแรมไอบิส บ่อผุด จากกลุ่ม ดิ เอราวัณ กรุ๊ป เป็นเงินเกือบพันล้านบาทเลยทีเดียว
ด้านธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ก็ไม่น้อยหน้า ส่งตัวแทน อย่าง “เจ มาร์ท” กลุ่มธุรกิจมูลค่ากว่าแสนล้านของ อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา กระโดดเข้ามาสู่การฟาดฟันในวงการโรงแรมด้วย เป็นการเพิ่มเติมอาณาจักรธุรกิจของเขา ที่มีทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์ไอที ไปจนถึงธุรกิจการเงิน และธุรกิจอาหารอย่าง คาซ่า ลาแปง และ สุกี้ตี๋น้อย
งานนี้ควักกระเป๋าเป็นพันล้าน ซื้อโรงแรมสุดหรูใจกลางเชียงใหม่ ริมแม่น้ำปิง ที่มีประวัติศาสตร์น่าประทับใจ มารีโนเวทเป็น อนันตรา เชียงใหม่ รีสอร์ท ที่พักสไตล์เก๋ที่มีกลิ่นอายของสถาปัตยกรรมสไตล์โคโรเนียล ที่มีความเป็นมายาวนานเข้ากับธรรมชาติอันงดงาม ที่คงรักษาไว้ได้อย่างครบถ้วน รวมทั้งยังมี J Hill รีสอร์ทพูลวิลล่าสุดหรู ในพื้นที่กว้างขวางหลายร้อยไร่ ที่อำเภอแม่ริม ซึ่งแต่เดิมเป็น กังสดาล รีสอร์ท แอนด์ วอเตอร์ฟอลล์ กลางธรรมชาติอันงดงาม
ส่วน “บ้านอัสสกุล” ที่เป็นเจ้าของหลากหลายธุรกิจ ทั้งไทยสมุทรประกันภัย โอเชียนกลาส และโอเชียนพร็อพเพอร์ตี้ ก็ได้ก่อตั้ง บริษัท สยาม เอสเตท สร้างแบรนด์โรงแรมเป็นของตัวเองในนาม “บัญดารา” ที่ตอนนี้มีเปิดให้บริการทั้งที่ สีลม สมุย และภูเก็ตอีก 2 แห่งอยู่บนหาดพันวา
สำหรับ “บ้านลิปตพัลลภ” ที่เติบโตมาจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างโดย สุวัจน์ ลิปตพัลลภ ก็ส่งลูกๆ เข้ามามุ่งทำธุรกิจโรงแรมอย่างเต็มตัว โดยมี บริษัท พราวกรุ๊ป สร้างสรรค์โครงการอสังหาริมทรัพย์และโรงแรมมากมาย ทั้งโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ที่หัวหิน และภูเก็ต ฮอลิเดย์ อินน์ หัวหิน รวมทั้งมีสวนน้ำขนาดใหญ่ อย่าง วานา นาวา และกำลังสร้างอันดามันดาที่ภูเก็ตอีกด้วย
