งานดีไซน์หมุนได้รอบตัว จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่แฟชั่นดีไซเนอร์จะหันมาออกแบบอะไรอย่างอื่นนอกเหนือจากเสื้อผ้า เริ่มจากสิ่งต่างๆ ในวงจรแฟชั่น แตกไลน์เป็นผลิตภัณฑ์ที่แมตช์กันไม่ว่าจะเป็น เครื่องประดับ กระเป๋า รองเท้า ไปจนถึงน้ำหอม แล้วค่อยต่อยอดไปถึงไลน์ของแต่งบ้าน หรือเฟอร์นิเจอร์ วันหนึ่งดีไซเนอร์คนไหนสักคนนึกอยากออกแบบโรงแรมที่พัก และมีใครสักคนทำมันสำเร็จ หลังจากนั้นโรงแรมที่แฟชั่นดีไซเนอร์ออกแบบ ก็ทยอยตามกันมาให้สาวกของแบรนด์ที่ชื่นชมในแฟชั่น ได้สัมผัสไลฟ์สไตล์ที่เป็นอัตลักษณ์ของแบรนด์ที่ตนเองชื่นชมด้วย
:: Karl Lagerfeld Macau
ชื่อแบรนด์แฟชั่นที่สะท้อนความเก๋ไก๋และหรูหรา ถูกถ่ายทอดมาสู่คอลเลกชันล่าสุด นั่นคือ โรงแรมคาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ มาเก๊า ที่เพิ่งเปิดให้บริการในเดือนมิถุนายนนี้ และแม้ดีไซเนอร์อาจไม่มีตัวตนอยู่แล้ว แต่แรงบันดาลใจของเขายังคงอยู่กับโปรเจกต์ใหม่ ซึ่งเป็นโรงแรมแห่งเดียวในโลกที่ออกแบบโดย “คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์” ทั้งหมด ตั้งแต่การตกแต่งภายในห้อง ไปจนถึงการเลือกผ้าปูเตียง โรงแรมนี้อยู่ภายใต้แบนเนอร์ของ SJM Resorts S.A. ซึ่งก่อนที่ลาเกอร์เฟลด์จะเสียชีวิตในปี 2019 เขาเคยทำงานออกแบบอย่างใกล้ชิดกับ SJM เป็นเวลาหลายปี โรงแรมใหม่บนเกาะมาเก๊าประกอบด้วย ห้องพัก 271 ห้อง ที่เต็มไปด้วยสีสันและลวดลายโดดเด่น ตามแบบฉบับของลาเกอร์เฟลด์ เป็นสุนทรียศาสตร์แบบตะวันตก ผสมผสานกับงานดีไซน์แบบจีนคลาสสิก ทำให้ที่นี่ดูแตกต่าง นอกจากสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ แล้ว ยังมีงานประติมากรรม โคมไฟระย้า หัวเตียงแบบคลาสสิกที่สร้างสรรค์ขึ้นเอง โดยได้รับแรงบันดาลใจจากเหรียญจีน ซึ่งแสดงถึงโชคลาภ งานศิลปะต่างๆ รวมถึงห้องสมุดที่มีหนังสือกว่า 4,000 เล่ม ตามความชอบส่วนตัวของลาเกอร์เฟลด์
:: Armani Hotel Dubai
หนึ่งในแฟชั่นแบรนด์ใหญ่อันดับต้นๆ ซึ่งมีพนักงานทั่วโลกกว่า 4,800 คน โรงงาน 13 แห่ง และช็อปใน 40 ประเทศ เมื่อราวสิบกว่าปีที่แล้ว “จิออร์จิโอ อาร์มานี” ได้ก้าวเข้าสู่ธุรกิจโรงแรม โดยใช้พื้นที่ 3 ชั้นของอาคาร Burj Khalifa ที่สูงที่สุดในโลก เป็นโรงแรมที่มีกลิ่นอายและเสน่ห์แบบอิตาลี ที่เจ้าของแบรนด์ร่วมออกแบบด้วยตนเอง และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ Armani ทั้งหมด รวมถึงไลน์เฟอร์นิเจอร์ของแบรนด์ด้วย บนพื้นที่ 40,000 ตารางเมตร ประกอบด้วย ห้องพักและสวีทจำนวน 175 ห้อง สระว่ายน้ำ ห้องอาหาร และ The Lounge ชั้น 154 บนความสูง 585 เมตร ปรัชญา ‘Stay with Armani’ คือ ปฏิบัติต่อแขกเสมือนเป็นแขกส่วนตัวของอาร์มานีเอง ด้วยผู้จัดการด้านไลฟ์สไตล์ ที่สร้างส่วนผสมลงตัวระหว่างการผ่อนคลาย และความเป็นส่วนตัวสำหรับผู้เข้าพัก ตั้งแต่ร้านอาหารที่เป็นเอกลักษณ์ และสปาทรีตเมนต์ ไปจนถึงพื้นที่ที่ไม่ใครเทียบได้ สำหรับการประชุมทางธุรกิจ จึงทำให้โรงแรมอาร์มานีแตกต่าง และมีระดับหรูกว่าโรงแรมอื่นๆ ในดูไบ หลังจากประสบความสำเร็จที่ดูไบ อาร์มานียังขยายไปเปิดโรงแรมอีกแห่งในมิลาน
:: Carducci 76 Rimini
โรงแรมสไตล์ชิคๆ ตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเลใกล้เมืองริมินี ซึ่งเป็นถิ่นตากอากาศยอดนิยมของอิตาลี การออกแบบภายในสไตล์มินิมอลแบบเซนของญี่ปุ่น พร้อมกลิ่นอายของแอฟริกา ที่นี่เป็นโรงแรมสุดเก๋ขนาด 38 ห้อง และเป็นของดีไซเนอร์ชื่อดัง “Alberta Ferretti” โรงแรมของเธออีกแห่งอยู่ห่างจากริมินีไปราวครึ่งชั่วโมง เป็นปราสาทยุคกลาง ที่ตั้งตระหง่านเหนือหุบเขาคอนคาราว 300 เมตร นั่นคือ ‘Castello di Montegridolfo’ ชีวิตวัยเด็กของแฟร์เรตตีเริ่มจากละแวกนั้น เธอจึงซื้อพื้นที่ส่วนหนึ่งของปราสาท แล้วดัดแปลงเป็นโรงแรมขนาด 54 ห้อง มีห้องสวีท 8 ห้อง ที่ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์โบราณ ส่วนห้องพักในอาคารหลังอื่น ตกแต่งสไตล์หรูผสานความโรแมนติก
“อัลแบร์ตา แฟร์เรตตี” เริ่มเข้าสู่เส้นทางแฟชั่นตั้งแต่ปี 1968 เคยร่วมงานกับ “ฌอง ปอล โกลติเยร์” และ “นาร์ซิโซ โรดริเกซ” จนกระทั่งมีชื่อเสียงในวงการแฟชั่น ในช่วงทศวรรษ 1990 เธอออกแบบเสื้อผ้าหรูและมีสไตล์ ให้กับนักแสดงหลายคนสำหรับงานพรมแดง