Schwarzkopf เปิดตัวผลิตภัณฑ์ Schwarzkopf Natural & Easy แชมพูปิดผมขาวคุณภาพสูง พร้อมบำรุงเส้นผมด้วยน้ำมันจากธรรมชาติ ทริปเปิ้ล เนเชอรัล ออยล์ หยิบเทรนด์สีผม 3 เฉดสุดคลาสสิกของปี 2023 มาเป็นแรงบันดาลใจในการพัฒนาผลิตภัณฑ์สูตรใหม่ 3 เฉดสี ด้วยเฉดสีที่อ่อนลง ช่วยเพิ่มลูกเล่นในการปิดผมขาว มอบลุคที่ดูอ่อนเยาว์และอินเทรนด์ได้อย่างกลมกลืน ทำให้เทรนด์สีผมปิดผมขาวปีนี้เริ่มมีเฉดสีสนุก ๆ ให้เลือกเพิ่มขึ้น จะมีสีไหนน่าลองบ้างไปดูกัน
สีดำ (Midnight)
โทนสีดำตัวแทนเสน่ห์ยามค่ำคืน หัวใจสำคัญของเทรนด์สีมาแรงปี 2023 นี้คือ จะไม่ใช่สีดำทั่วไปอย่างที่เคยเห็น แต่ต้องมีความเงางาม เปล่งประกายแม้ในความมืดมิด สำหรับคนที่ต้องการปิดผมขาวและพื้นผมเดิมเป็นสีดำอยู่แล้ว แค่เลือกเฉดสีดำที่อ่อนลงมา 2 เบอร์ อย่างสี ‘Forever Black’ ของ Schwarzkopf ตามด้วยการบำรุงเพื่อให้ผมสีดำมีความเงางาม ก็สามารถปรับลุคให้ดูสวยคลาสสิก สุภาพ และดูอ่อนวัย
สีน้ำตาล (Brunette)
โทนสีผมที่มีเบสเป็นสีน้ำตาลเข้ม ค่อนไปทางสีน้ำตาลธรรมชาติที่สวยกำลังดี ไม่เข้มจัดและไม่อ่อนจนเกินไป เหมาะกับโทนสีผิวของคนเอเชียอย่างมาก ซึ่งจุดเด่นของสีโทนนี้คือ ช่วยให้หน้าดูสว่างและยังทำให้ผมดูมีมิติมากขึ้น ถ้าเป็นผิวสีขาวอมชมพู โทนผมสีนี้จะช่วยเพิ่มความละมุนให้กับใบหน้า ส่วนคนผิวขาวเหลือง จะช่วยให้ผิวดูสุขภาพดีขึ้นทันที แม้แต่คนผิวเข้ม ก็จะช่วยปรับสีผิวให้ดูกระจ่างใสขึ้น สำหรับผลิตภัณฑ์ปิดผมขาวที่มีโทนสีนี้ คือ ‘Lively Brown’ ของ Schwarzkopf เฉดสีใหม่ที่พัฒนาโดยผู้เชี่ยวชาญด้านสีผมระดับมืออาชีพ
สีน้ำตาลเทา (Stunning Ash)
สีน้ำตาลเทาหม่น เป็นอีกหนึ่งเฉดสีที่มาแรง ด้วยเฉดสีที่มีความหม่น ไม่สว่างหรือเข้มจนเกินไป ช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนโยนและมีความเป็นแฟชั่นมากขึ้น อีกหนึ่งเทรนด์สีฮิตตลอดกาล ซึ่งจุดเด่นของเฉดผมสีนี้จะช่วยขับผิวให้ดูสว่าง เข้ากับทุกสไตล์การแต่งตัว อย่าง ‘Stunning Ash’ ของ Schwarzkopf นอกจากจะให้เฉดสีน้ำตาลเทาที่ดูเป็นธรรมชาติ ยังผสานการบำรุงจากคอลลาเจนและเคราตินช่วยให้ผมสุขภาพดีอีกด้วย
สีผมทั้ง 3 เฉด ล้วนมีเอกลักษณ์อันโดดเด่นเป็นของตัวเอง สามารถถ่ายทอดความงามเหนือกาลเวลา โดยเฉดสีดำมีเสน่ห์ที่ช่วยมอบลุคสวยคลาสสิก สุภาพ และดูอ่อนวัย ในขณะที่สีน้ำตาล จะช่วยให้ดวงหน้าสว่างสดใส ละมุน สุขภาพดี และสีน้ำตาลเทา ช่วยขับผิวให้สว่าง ดูอ่อนโยน และมีความเป็นแฟชั่น
นอกจากการเลือกเฉดสีสำหรับปิดผมขาวให้เหมาะสมตรงใจแล้ว สิ่งสำคัญอีกอย่างคือการเลือกผลิตภัณฑ์ปิดผมขาวที่มีคุณภาพ อย่าง Schwarzkopf แบรนด์ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 120 ปี ให้ความสำคัญกับการคิดค้นสูตรใหม่และยังเป็นผู้นำเทรนด์สีผมระดับโลก ล่าสุดออกผลิตภัณฑ์ ‘Schwarzkopf Natural & Easy’ แชมพูปิดผมขาวสูตรใหม่ 3 เฉดสี ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้การปิดผมขาวเป็นเรื่องง่าย สามารถทำด้วยตัวเองได้ที่บ้านเพียงแค่สระผม คิดค้นโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการทำสีผมมาตรฐานระดับโลก ครบจบในซองเดียว ช่วยบำรุงขณะทำสีด้วยน้ำมันจากธรรมชาติ ทริปเปิ้ล เนเชอรัล ออยล์ ผสานการบำรุงจากคอลลาเจนและเคราติน ไม่มีแอมโมเนีย กลิ่นหอม ย้อมง่าย และที่สำคัญยังติดทนนานกว่า 18 สัปดาห์ หรือเทียบเท่าการสระผม 72 ครั้ง มาพร้อมทรีทเมนท์บำรุงหลังทำสีผมอย่างล้ำลึกในซอง สามารถหาซื้อได้แล้ววันนี้ที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ โลตัส บิ๊กซี ท้อปส์ เดอะมอลล์ และร้านค้าชั้นนำทั่วประเทศ รวมถึง Schwarzkopf Official Store บนลาซาด้าและช้อปปี้
สีดำ (Midnight)
โทนสีดำตัวแทนเสน่ห์ยามค่ำคืน หัวใจสำคัญของเทรนด์สีมาแรงปี 2023 นี้คือ จะไม่ใช่สีดำทั่วไปอย่างที่เคยเห็น แต่ต้องมีความเงางาม เปล่งประกายแม้ในความมืดมิด สำหรับคนที่ต้องการปิดผมขาวและพื้นผมเดิมเป็นสีดำอยู่แล้ว แค่เลือกเฉดสีดำที่อ่อนลงมา 2 เบอร์ อย่างสี ‘Forever Black’ ของ Schwarzkopf ตามด้วยการบำรุงเพื่อให้ผมสีดำมีความเงางาม ก็สามารถปรับลุคให้ดูสวยคลาสสิก สุภาพ และดูอ่อนวัย
สีน้ำตาล (Brunette)
โทนสีผมที่มีเบสเป็นสีน้ำตาลเข้ม ค่อนไปทางสีน้ำตาลธรรมชาติที่สวยกำลังดี ไม่เข้มจัดและไม่อ่อนจนเกินไป เหมาะกับโทนสีผิวของคนเอเชียอย่างมาก ซึ่งจุดเด่นของสีโทนนี้คือ ช่วยให้หน้าดูสว่างและยังทำให้ผมดูมีมิติมากขึ้น ถ้าเป็นผิวสีขาวอมชมพู โทนผมสีนี้จะช่วยเพิ่มความละมุนให้กับใบหน้า ส่วนคนผิวขาวเหลือง จะช่วยให้ผิวดูสุขภาพดีขึ้นทันที แม้แต่คนผิวเข้ม ก็จะช่วยปรับสีผิวให้ดูกระจ่างใสขึ้น สำหรับผลิตภัณฑ์ปิดผมขาวที่มีโทนสีนี้ คือ ‘Lively Brown’ ของ Schwarzkopf เฉดสีใหม่ที่พัฒนาโดยผู้เชี่ยวชาญด้านสีผมระดับมืออาชีพ
สีน้ำตาลเทา (Stunning Ash)
สีน้ำตาลเทาหม่น เป็นอีกหนึ่งเฉดสีที่มาแรง ด้วยเฉดสีที่มีความหม่น ไม่สว่างหรือเข้มจนเกินไป ช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนโยนและมีความเป็นแฟชั่นมากขึ้น อีกหนึ่งเทรนด์สีฮิตตลอดกาล ซึ่งจุดเด่นของเฉดผมสีนี้จะช่วยขับผิวให้ดูสว่าง เข้ากับทุกสไตล์การแต่งตัว อย่าง ‘Stunning Ash’ ของ Schwarzkopf นอกจากจะให้เฉดสีน้ำตาลเทาที่ดูเป็นธรรมชาติ ยังผสานการบำรุงจากคอลลาเจนและเคราตินช่วยให้ผมสุขภาพดีอีกด้วย
สีผมทั้ง 3 เฉด ล้วนมีเอกลักษณ์อันโดดเด่นเป็นของตัวเอง สามารถถ่ายทอดความงามเหนือกาลเวลา โดยเฉดสีดำมีเสน่ห์ที่ช่วยมอบลุคสวยคลาสสิก สุภาพ และดูอ่อนวัย ในขณะที่สีน้ำตาล จะช่วยให้ดวงหน้าสว่างสดใส ละมุน สุขภาพดี และสีน้ำตาลเทา ช่วยขับผิวให้สว่าง ดูอ่อนโยน และมีความเป็นแฟชั่น
นอกจากการเลือกเฉดสีสำหรับปิดผมขาวให้เหมาะสมตรงใจแล้ว สิ่งสำคัญอีกอย่างคือการเลือกผลิตภัณฑ์ปิดผมขาวที่มีคุณภาพ อย่าง Schwarzkopf แบรนด์ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 120 ปี ให้ความสำคัญกับการคิดค้นสูตรใหม่และยังเป็นผู้นำเทรนด์สีผมระดับโลก ล่าสุดออกผลิตภัณฑ์ ‘Schwarzkopf Natural & Easy’ แชมพูปิดผมขาวสูตรใหม่ 3 เฉดสี ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้การปิดผมขาวเป็นเรื่องง่าย สามารถทำด้วยตัวเองได้ที่บ้านเพียงแค่สระผม คิดค้นโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการทำสีผมมาตรฐานระดับโลก ครบจบในซองเดียว ช่วยบำรุงขณะทำสีด้วยน้ำมันจากธรรมชาติ ทริปเปิ้ล เนเชอรัล ออยล์ ผสานการบำรุงจากคอลลาเจนและเคราติน ไม่มีแอมโมเนีย กลิ่นหอม ย้อมง่าย และที่สำคัญยังติดทนนานกว่า 18 สัปดาห์ หรือเทียบเท่าการสระผม 72 ครั้ง มาพร้อมทรีทเมนท์บำรุงหลังทำสีผมอย่างล้ำลึกในซอง สามารถหาซื้อได้แล้ววันนี้ที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ โลตัส บิ๊กซี ท้อปส์ เดอะมอลล์ และร้านค้าชั้นนำทั่วประเทศ รวมถึง Schwarzkopf Official Store บนลาซาด้าและช้อปปี้