หนักหนาสาหัสกันตลอดปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะ คนดังที่ต้องเกี่ยวข้องกับคดีในศาล หรือแม้แต่กับเรื่องชีวิตส่วนตัว ที่ถึงคราวพังก็ต้องใช้เวลาทำใจ เยียวยา เจ็บอย่างไรก็ต้องทน เพราะชีวิตยังต้องก้าวต่อไป และนี่ก็ผ่านเข้าสู่ศักราชใหม่กันกว่าไตรมาสแล้ว มาดูกันสิว่า ตอนนี้พวกเขาเหล่านั้นแต่ละคน ชีวิตเป็นอย่างไรกันบ้าง?
:: แอมเบอร์ เฮิร์ด
คดีฟ้องร้องระหว่างเธอกับ ”จอห์นนี เดปป์” ที่กลายเป็นข่าวอื้อฉาวเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งจบลงโดยเธอต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่อดีตสามี เป็นจำนวนเงินหลายร้อยล้านบาท แม้ว่าในตอนแรกเธอตั้งใจที่จะอุทธรณ์คำตัดสิน แต่ท้ายที่สุดเธอก็ถอนคำอุทธรณ์ “แอมเบอร์ เฮิร์ด” ระบายความในใจลงในไอจี บอกเหตุผลที่เธอไม่ยื่นอุทธรณ์ว่า ตลอดการพิจารณาคดีในศาลเธอถูกด่าทอและด้อยค่า จนเธอไม่สามารถย้อนกลับไปเจอความอัปยศอย่างนั้นได้อีกแล้ว ตอนนี้จึงได้แต่เก็บตัวอยู่อย่างสงบๆ ในเมืองเล็กๆ บนเกาะมายอร์ก้าของประเทศสเปน ผิดกับอดีตสามีผู้ชนะคดี ที่กราฟชีวิตกำลังพุ่ง ทั้งค่ายหนังอ้าแขนต้อนรับตั้งแต่คดีความยังไม่จบ โดยได้รับการติดต่อให้รับบทนำเป็น “กษัตริย์หลุยส์ที่ 15” ในหนังฝรั่งเศสเรื่อง ‘La Favorite’ ที่พร้อมจะเข้าฉายปีนี้แล้ว แถมยังได้เป็นภาพยนตร์เปิดเทศกาลหนังเมืองคานส์ของปีนี้อีกด้วย
:: เจ้าชายแอนดรูว์ ดยุกแห่งยอร์ก
หลังตกเป็นข่าวฉาว เมื่อเจ้าชายแอนดรูว์บรรลุข้อตกลงนอกศาลกับ “เวอร์จิเนีย โรเบิร์ตส์ จิฟเฟร” โจทก์ผู้ฟ้องร้องคดีล่วงละเมิดทางเพศ โดยส่วนหนึ่งของข้อตกลง เจ้าชายแอนดรูว์ได้ “บริจาคเงินจำนวนมาก” แต่ไม่เปิดเผยตัวเลขให้กับองค์กรการกุศลของจิฟเฟร แม้ว่าข้อตกลงดังกล่าว จะไม่มีการยอมรับความผิดหรือคำขอโทษอย่างเป็นทางการก็ตาม แต่ท้ายที่สุด ดยุกแห่งยอร์กก็ยอมรับว่า จิฟเฟรเป็นเหยื่อการล่วงละเมิดจริง และเขารู้สึกเสียใจที่เคยคบหากับ เจฟฟรีย์ เอปสไตน์
จากนั้นจึงโดนปลดจากตำแหน่งและริบทรัพย์บางส่วน ซึ่งภารกิจในราชสำนักของเจ้าชายแอนดรูว์ ก็จะถูกมอบให้กับเจ้าหญิงแอนน์ (รัชทายาทลำดับที่ 16) และเจ้าชายเอ็ดเวิร์ด (รัชทายาทลำดับที่ 13) แต่หลังจากที่มีการผลัดเปลี่ยนแผ่นดิน ตอนนี้ชีวิตของเจ้าชายแอนดรูว์ก็สดใสขึ้น เขาพยายามทำตัวดี เรียกคะแนนเสียงจากสาธารณชน เพื่อการก้าวเข้าไปรับตำแหน่งเดิม แถมกษัตริย์ชารล์สก็ยังดูจะสนับสนุนพระอนุชาเป็นอย่างมาก ล่าสุด พระองค์ได้รับเชิญเข้าร่วมงานอีสเตอร์ของราชวงศ์ ซึ่งถือเป็นออกงานอย่างเป็นทางการด้วยฐานะทัดเทียมกับสมาชิกราชวงศ์คนอื่นๆ
:: คานเย เวสต์
ถ้อยคำแสดงการเหยียดเชื้อชาติของ “คานเย เวสต์” แร็ปเปอร์ผู้เรียกตัวเองว่า “เย” เมื่อปีที่แล้ว สร้างความเสียหาย “อย่างยับเยิน” ให้กับแบรนด์กีฬาดังอย่าง Adidas ซึ่งเมื่อ 9 ปีก่อนเคยประสบความสำเร็จ จากการเป็นพันธมิตรร่วมกันออกแบบและทำการตลาดรองเท้า และเครื่องแต่งกายไลน์ ‘Yeezy’ การยกเลิกสัญญาเมื่อปีที่แล้ว นอกจากจะทำให้ Adidas เจ็บปวดกับยอดขายตกต่ำในช่วงคริสต์มาส ปีนี้ Adidas ยังจะต้องสูญเสียรายได้อีกราว 1.3 พันล้านดอลลาร์ และผลกำไรจากการดำเนินกิจการอีกราว 530 ล้านดอลลาร์ ส่วน “เย” เพิ่งตกลงปลงใจในข้อพิพาทเรื่องหย่าร้างกับ “คิม คาร์เดเชียน” เมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว
ก่อนจะตกเป็นข่าวตอนต้นปีนี้ว่า เขาพร้อมจะแต่งงานใหม่อีกครั้ง กับ “เบียงกา เซนซอรี” สถาปนิกสาวออสซีวัย 27 ปี แต่ข่าวล่าสุดกว่านั้นคือ แร็ปเปอร์วัย 45 ต้องการจะเดินทางไปเมลเบิร์น เพื่อพบปะและทำความรู้จักกับครอบครัวของแฟนสาว ทว่าระหว่างที่เขาวางแผนการเดินทางอยู่นั้น นักการเมืองและกลุ่มชาวยิวในองค์กรต่างๆ ของออสเตรเลีย พากันเรียกร้องไม่ให้เขาเข้าประเทศ เหตุเพราะเชื่อว่าเขาเป็นพวกต่อต้านเซมิติก และล่าสุดด้วยการโดนปลดจากบรรดาแบรนด์ดัง ทำให้คานเยหลุดออกจากลิสต์มหาเศรษฐีของฟอร์บส์ปีล่าสุด ด้วยทรัพย์สินรวมที่ลดลงจากปีก่อนไปราวๆ 1.6 พันล้านดอลล่าร์ เหลือเพียง 400 ล้านดอลล่าร์เท่านั้น
:: วิล สมิธ
หลังจากเหตุการณ์ “ตบฉาด” บนเวทีประกาศรางวัลออสการ์เมื่อปีที่แล้ว นักแสดงวัย 54 ปี ก็เริ่มทำใจยอมรับผลที่ตามมาได้มากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะ เมื่อผลงานหนังเรื่องใหม่ ‘Emancipation’ ซึ่งเป็นเรื่องแรกนับตั้งแต่ถูกเวทีออสการ์ขึ้นบัญชีดำ ห้ามเข้าร่วมงานประกาศผลรางวัลเป็นเวลา 10 ปี หนังเรื่องนี้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ และสมิธไม่มีโอกาสได้ไปร่วมงาน แต่เขาก็วิงวอนผ่านสื่อ เขาเข้าใจดีว่า ผู้ชมคงไม่อยากเห็นเขาในหนัง แต่หนังเรื่องนี้ทีมงานต่างทุ่มเททำงานเต็มที่ เขาหวังว่าผู้ชมคงจะไม่ลงโทษหนังเพราะการกระทำของเขา และออสการ์ปีล่าสุด ที่เขาถูกห้ามไม่ให้เข้าร่วม ก็มีคนพบเห็นว่า ในตอนที่งานประกาศรางวัลกำลังดำเนินไป วิลไปป้วนเปี้ยนแถวสถานที่จัดงานด้วย
ฝ่าย “คริส ร็อก” นักแสดงตลกวัย 58 คู่กรณี เคยเผยความรู้สึกในรายการสด ‘Selective Outrage’ ของ Netflix ว่า ผ่านเหตุการณ์มาหนึ่งปีแล้วผู้คนก็ยังถามว่าเขารู้สึกเจ็บไหม เขาตอบว่ามันยังเจ็บอยู่ “แต่คุณรู้ไหม พ่อแม่ของผมเคยสอนผมว่าอย่างไร ท่านบอกเสมอว่า อย่าได้ต่อยตีกันต่อหน้าคนผิวขาวเด็ดขาด!” และแถมยังออกมาตอบโต้พาดพิง วิล สมิธ ด้วยคำพูดแรงๆ ในโชว์แสตนอัพคอมมาดีของเขา อย่างชนิดที่ชาตินี้ก็คงไม่เผาผีกันอีกแล้ว