xs
xsm
sm
md
lg

“ณัฐภัทร ประภานนท์” หนุ่มผิวเข้ม ฉีกแนวมุ่งสู่อาชีพในฝันต่างจากครอบครัว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



จัดว่าเป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่ที่โชคดีสุดๆ สำหรับ “ภีม-ณัฐภัทร ประภานนท์” ลูกชายคนกลางวัย 19 ปี ของ “คุณพ่อหนิง-นนทิวัช ประภานนท์ และคุณแม่ก้อยณัฐวดี บุรานนท์” ​เพราะนอกจากค้นหาตัวเองเจอเร็วว่าสนใจด้านการแสดง และอยากเข้ามาโลดแล่นในวงการบันเทิงตั้งแต่สมัยมัธยม จึงไม่ต้องเสียเวลาตามหาความฝันให้เหนื่อย แถมครอบครัวยังพร้อมเป็นกองหนุนที่เตรียมซัพพอร์ตให้หนุ่มภีมก้าวไปตามความฝันอย่างเต็มที่

“ผมโชคดีมากๆ ที่มีครอบครัวคอยสนับสนุนในสิ่งที่ผมรัก ไม่เคยกดดัน มีแต่ช่วยชี้แนะว่าทางไหนดีไม่ดี ผมเองรู้ตัวมาตั้งแต่เรียน ม.ปลายแล้วว่า ชอบด้านการแสดงและสนใจงานในวงการ ตอนแรกผมตั้งใจว่าจะสอบเข้าคณะนิเทศศาสตร์ (ภาคอินเตอร์) จุฬาฯ แต่พอดีปีที่ผมจะสอบเข้า เป็นปีแรกที่ทางภาควิชาสื่อสารการแสดงคณะนิเทศศาสตร์ (ภาคปกติ) จุฬาฯ เปิดรับสมัครตรง โดยไม่ต้องสอบ แต่ให้ใช้วิธียื่นพอร์ตฯ ผมมองว่าตรงกับสายที่สนใจ เลยเบนเข็มมาลองทำพอร์ตฯ จนสามารถผ่านเข้ามาเรียนได้สมใจ”


อย่างไรก็ตาม แม้จะฟังดูเหมือนเส้นทางการเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยของภีม จะโรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่เขาออกตัวก่อนว่า กว่าจะมาเป็นเฟรชชีของคณะนิเทศศาสตร์ได้ ก็ต้องผ่านบททดสอบที่ท้าทายความสามารถไม่เบา

“ตอนสอบตรงผมไม่ต้องสอบข้อเขียนก็จริง แต่ทางภาควิชาจะให้ทดสอบความสามารถ ด้วยการให้หัวข้อแล้วเรามาตีความ พร้อมอัดคลิปวิดีโอสั้นความยาวประมาณ 5 นาที ส่งกลับไป ถ้าคลิปของใครไม่ผ่าน พอร์ตที่ส่งไปก็ไม่มีความหมาย เพราะเขาจะไม่พิจารณาเลย”


ถามว่าทำไมภีมถึงสนใจด้านการแสดง หนุ่มหล่อมาดเข้มตอบว่า สมัยเด็กเขาก็เหมือนกับอีกหลายๆ คน ที่มีความฝันหลายอย่าง แต่ฝันของเขาเพิ่งมาชัดเจนตอนเรียนอยู่ ม.ปลาย ตอนที่เพื่อนชวนไปร่วมรายการ Thailand School Star ของทาง GMMTV

“ตอนนั้นผมยังไม่ได้คิดว่าอยากจะทำงานในวงการบันเทิง แค่คิดว่าน่าลองเพราะน่าจะสนุก ปรากฏพอได้ไปร่วมทำรายการผมชอบมาก ทำแล้วรู้สึกว่าเอ็นจอย คิดว่ามีแพสชั่นกับงานนี้และน่าจะต่อยอดได้ เลยทำต่อมาเรื่อยๆ”


ภีมบอกว่า เขาไม่ได้จำกัดกรอบตัวเองว่าต้องเป็นนักแสดง นักร้อง หรืออยู่ในบทบาทไหนเป็นพิเศษ เพียงแต่ตอนนี้ด้วยจังหวะและโอกาส ทำให้เขาโฟกัสมาที่บทบาทของงานแสดง ซึ่งต้องยอมรับว่า บทบาทของนักแสดงยุคนี้ ก็ตีความได้ค่อนข้างกว้าง นอกจากแสดงได้แล้วต้องร้องเพลงได้ เต้นได้ ซึ่งเขาต้องพยายามพัฒนาตัวเองให้มีทักษะที่รอบด้าน

“นอกจากจะหาความรู้จากห้องเรียน ด้วยความที่ผมได้มีโอกาสมาชิมลางงานในวงการบ้างแล้ว เลยได้มีโอกาสไปร่วมในเวิร์กชอปต่างๆ ซึ่งทำให้ได้เปิดโลก ได้ไปเจอกับคนเก่งๆ มีประสบการณ์ ทำให้ได้เรียนรู้เยอะ”


ไม่เพียงแต่ตอนนี้จะเป็นช่วงเวลาแห่งการบ่มเพาะฝีมือการแสดง ภีมยังให้ความสำคัญกับการดูแลรูปร่าง ขยันเข้าฟิตเนต เพื่อฟิตซ้อมร่างกายให้พร้อมที่สุด

“ผมชอบเล่นกีฬามาตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว สมัยประถมผมเล่นบอล พอขึ้นมัธยมผมหันมาเล่นบาสจริงจัง อยู่ทีมบาสของโรงเรียน พอเข้ามหาวิทยาลัย ผมเล่นทั้งบาสและบอล เป็นนักกีฬาของคณะด้วย”


ถามว่า พอต้องเปลี่ยนจากชีวิตในรั้วโรงเรียนเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย มีอะไรที่ต่างออกไป ภีมบอกว่าชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยสนุก ไม่แพ้ชีวิตมัธยม เพียงแค่มีอิสระมากกว่า แต่ก็ต้องรับผิดชอบตัวเองมากขึ้น สำหรับอนาคต เขาบอกว่า นอกจากงานในวงการบันเทิง ยังอยากลองทำธุรกิจส่วนตัว หรือไม่ก็ทำงานสายโฆษณา เพราะยังเกี่ยวข้องกับสายที่เรียน แต่เปลี่ยนรูปแบบมาเป็นงานครีเอทีฟในรูปแบบสั้น

มาถึงไลฟ์สไตล์วันว่าง นอกจากทุ่มเทให้กับการพัฒนาตัวเอง ออกกำลังกายและเล่นกีฬา ภีมบอกว่า เขาเป็นคนติดครอบครัวและติดเพื่อน เวลาว่างถ้าอยู่กับเพื่อนก็ชอบเล่นดนตรี

“สมัยก่อนผมเคยเรียนเล่นเบส เป่าแซกโซโฟน แต่ก็ไม่ได้อิน ปัจจุบันยังเล่นดนตรีมาตลอด เพราะมีเพื่อนๆ ที่เล่นและช่วยสอนจนเล่นกีตาร์เป็น ตอนนี้ก็เริ่มร้องเพลง แต่งเพลงเอง ซึ่งผมมีช่องยูทูบที่ไว้ Cover เพลง และ ร้องเพลงที่แต่งเอง ทำเล่นๆ ไม่ได้จริงจัง แต่ก็คิดไว้ว่าอยากจะทำจริงๆ ตอนที่ผลงานการแสดงเริ่มออนแอร์ อยากรอให้เริ่มมีกระแสก่อน (หัวเราะ) เพราะเร็วๆ นิ้ผลงานเรียลิตีโชว์ชื่อ “Hot young star unbox” กับทาง Monomax กำลังจะออนแอร์ และผมก็กำลังถ่ายหนังอยู่อีกเรื่อง ซึ่งจะเป็นแนวไหนนั้น อยากให้รอติดตาม เพราะถือว่าเป็นอีกก้าวใหม่ในวงการบันเทิง หลังจากก่อนหน้านี้ผมเคยแสดงซีรีส์ของไทยรัฐทีวี มีงานเดินแบบ บางกอกแฟชั่นวีก และโฆษณาสไปรท์”


นอกจากดนตรีภีมยังบอกด้วยว่า อีกหนึ่งกิจกรรมยามว่างที่ชอบ คือ การดูหนัง “ช่วงหลังๆ ผมไม่ได้ดูแค่เอาสนุก แต่บางเรื่องดูจริงจัง พยายามศึกษารายละเอียดต่างๆ ในหนัง แสงสีเสียง การแสดง จนบางครั้งดูแล้วไม่ได้สนุกกับหนัง เพราะใส่ใจรายละเอียดมากไป จนลืมดูเนื้อเรื่อง (หัวเราะ) บางเรื่องก็ดูไม่จบซักที (หัวเราะ)”

สำหรับไอดอลด้านการแสดงที่ชอบ ภีมบอกว่าเป็นคำถามที่ถามตัวเองบ่อยๆ แต่ตอบไม่ถูก เพราะความเชื่อก็เปลี่ยนไปตามกาลเวลา แต่คนที่ยังนึกถึงคือ ไมเคิล บี จอร์แดน ซึ่งเขาไม่ได้ชอบแค่ฝีมือการแสดง แต่ชอบมายด์เซ็ทในการใช้ชีวิตของเขาด้วย​

ปิดท้ายด้วยสเปกสาวที่หนุ่มภีมเห็นแล้วใจละลาย เขาสารภาพว่าแพ้ทางให้สาวผิวน้ำผึ้ง และผู้หญิงที่มีความเป็นตัวเองสูง อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ซึ่งตอนนี้ภีมบอกว่านี้ยังไม่เจอคนๆ นั้น และพร้อมตามหาคนที่ใช่ไปเรื่อยๆ ก่อน










กำลังโหลดความคิดเห็น