ก่อนจะควักเงินซื้อเสื้อผ้าสวมใส่ในปี 2023 ก็ต้องสำรวจเทรนด์แฟชั่นก่อนว่าสีไหนกำลังมาแรง หรือคัตติ้งแบบไหนที่กำลังนิยมกัน เพื่อไม่ให้หลุดเทรนด์ และนับจากนี้คือเทรนด์สีแฟชั่นที่กำลังอินในปี 2023 นี้
1. Fiery Red
[Givenchy, Salvatore Ferragam, Schiaparelli]
ต้องบอกเลยว่านี่ไม่ใช่สีแดงปกติที่เราคุ้นชิน แต่เป็นสีแดงอันทรงพลัง ที่มาพร้อมกับ “ความเข้มของพลัง” ที่มากกว่า ซึ่งอะไรก็ตามที่มีสีสันสดใสจะดูโดดเด่นในทันที โดยเฉพาะชุดเดรสพลิ้วไหวที่สวมใส่นั่นแหละ
2. Beetroot Purple
[Chloé, Rochas, Harris Reed]
บีทรูทสีม่วงบอกเลยว่าปีนี้ปังแน่นอน สีเข้มข้นที่ให้พลังถึง "ผลไม้แห่งธรรมชาติ" โทนสีที่โดดเด่นสะท้อนให้เห็นอย่างเด่นชัดในการออกแบบที่มีสไตล์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผสมผสานระหว่างหมวกและเสื้อคลุมอันทรงพลัง
3. Tangelo
[Christian Wijnants, Bottega Veneta, Marni]
เฉดสีเปรี้ยวนี้ช่วยย้ายผู้สวมใส่ออกห่างจากสีอันเดอร์โทนคล้ายส้มซิตรัส และนำมาซึ่งเฉดสีที่ผสานสีแดงเข้ากับเส้นใยแทน เพื่อรักษารูปลักษณ์ที่แข็งแกร่ง Tangelo ถูกนำมาใช้ในการออกแบบที่โดดเด่นเช่นชุดเอวต่ำที่มาพร้อมกับกระโปรงขนนก
4. Peach Pink
[Erdem, Issey Miyake, Rabens Saloner]
เทรนด์นี้วิวัฒน์มาจากเทรนด์สี “Coral Rose” ที่ได้รับความนิยมในปีที่แล้ว แต่ Peach Pink ทำให้เสื้อผ้ามีทิศทางที่ละเอียดอ่อนมากขึ้น แม้ว่าจะยังคงใช้สีสันที่ดึงดูดใจ สวมใส่ได้ทุกอย่างตั้งแต่เสื้อผ้ารัดรูปไปจนถึงรูปทรงขนาดใหญ่ เรียกว่าเป็นเทรนด์สีที่ “น่าทะนุถนอม”
5. Empire Yellow
[Raf Simons, Erdem, Royal Danish Academy]
เป็นเทรนด์สีที่ไม่ว่าจะกี่ยุคกี่สมัยก็ยังคงอมตะ แต่ได้มีการพัฒนาเฉดสีขึ้นไปเรื่อยๆ ให้มีความเรืองรองมากยิ่งขึ้น มีทั้งการใช้สีแบบเต็มๆ ไปเลย หรือแบบการไล่สีเหลืองเข้มและสีเหลืองอมเทาหรือดำเบาๆ เห็นแล้วอยากวิ่งไปซื้อมาสวมใส่เลยทีเดียว
6. Blue Perennial
[Diesel, Halpern, Fendi]
ท่ามกลางสีสันอันโดดเด่นที่มีอยู่มากมาย เทรนด์สีนี้ดูเหมือนจะเป็นหนึ่งในโทนสีที่ให้ความรู้สึกสงบ แม้ว่าจะมีการสร้างองค์ประกอบที่แปลกใหม่ให้กับการออกแบบที่เรียบง่ายที่สุด เช่น มินิเดรสรัดรูปที่ใช้โทนสีสะท้อน Ombre
7. Classic Green
[Etro, Akris, Chet Lo]
สีเขียวคลาสสิกยังคงเป็นเทรนด์สีที่โดดเด่นซึ่งให้ความแตกต่างอย่างชัดเจนกับเทรนด์สีอื่นๆ แถมให้ความรู้สึกถึงการมีสุขภาพที่แข็งแรง สมบูรณ์ ทั้งผู้สวมใส่และผู้พบเห็น และบอกว่าถ้ามีติดตู้ไว้สักตัวจะไม่มีหลุดเทรนด์แน่นอน!
8. Crystal Rose
[Ermanno Scervino, Craig Green, Vetements]
เทรนด์สีคริสตัลโรสมีลักษณะที่นุ่มนวล เห็นแล้วน่าโอบรัด เป็นการถ่ายทอดความรู้สึกของผู้สวมใส่ที่บ่งบอกถึงหัวจิตหัวใจที่เต็มไปด้วยความรัก ความสดใส ยิ่งเลือกสวมใส่เสื้อผ้าที่มีความพริ้วไหว เริงระบำไปกับสายลมที่พัดโบกเบาๆ
9. Love Bird
[Michael Kors Victoria Beckham Gestuz]
เป็นเทรนด์สีที่ดูเหมือนจะเป็นพี่น้องกับเทรนด์สี Classic Green ที่ได้รับความนิยมเสมอ โดยครองใจผู้ชมบนรันเวย์มากมาย สีเขียวแปลกตานี้เข้ากันได้ดีกับฤดูร้อนในช่วงต้นปี 2023 นี้ นับว่าเป็นสีสันที่มีชีวิตชีวา ไม่ว่าจะเป็นเดรสยาว-เดรสสั้น หรือกางเกงขายาวกับสูทเท่ห์ๆ
10. Summer Song
[Diesel, Prada, Marni]
เทรนด์สีที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลายและความเงียบสงบ หลายแบรนด์ใช้เทรนด์สีนี้สำหรับเสื้อโค้ทตัวยาว กางเกงขายาวกับเสื้อสูทตัวเก่ง หรือไม่ก็อัดแน่นไปด้วยคัตติ้งแบบเยอะๆ กับผ้าเดนิม ไปจนถึงผ้าที่ดูเป็นหนังเงาๆ
11. Gray Lilac
[Loewe, Miu Miu, Baum und Pferdgarten]
เทรนด์แฟชั่นที่ดูเหมือนจะเหมาะกับการสวมใส่ไปทำงาน สามารถสวมใส่ได้บ่อยครั้งจนเพื่อนร่วมงานแทบไม่สังเกตเลยว่าคุณใส่เสื้อผ้าซ้ำๆ กันมาทำงาน แต่จริงๆ แล้วคุณเปลี่ยนสไตล์ใหม่ๆ มาทำงานทุกวัน
12. Macchiato
[Sasai, Fendi, Hermes]
เทรนด์สีนี้แตกต่างจากเฉดสีอันเดอร์โทนเข้ม ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากกาแฟ จนอาจจะกล่าวได้ว่า "เป็นสีน้ำตาลที่น่ารับประทานที่สุด!" เทรนด์สีนี้มักใช้กับเสื้อผ้าตัวนอก ไม่ว่าจะเป็น ผ้าคลุมแบบถอดแยกชิ้นส่วน หรือใช้กับวัสดุคล้ายหนังและชิ้นส่วนที่มีรูปทรงไดนามิก
1. Fiery Red
[Givenchy, Salvatore Ferragam, Schiaparelli]
ต้องบอกเลยว่านี่ไม่ใช่สีแดงปกติที่เราคุ้นชิน แต่เป็นสีแดงอันทรงพลัง ที่มาพร้อมกับ “ความเข้มของพลัง” ที่มากกว่า ซึ่งอะไรก็ตามที่มีสีสันสดใสจะดูโดดเด่นในทันที โดยเฉพาะชุดเดรสพลิ้วไหวที่สวมใส่นั่นแหละ
2. Beetroot Purple
[Chloé, Rochas, Harris Reed]
บีทรูทสีม่วงบอกเลยว่าปีนี้ปังแน่นอน สีเข้มข้นที่ให้พลังถึง "ผลไม้แห่งธรรมชาติ" โทนสีที่โดดเด่นสะท้อนให้เห็นอย่างเด่นชัดในการออกแบบที่มีสไตล์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผสมผสานระหว่างหมวกและเสื้อคลุมอันทรงพลัง
3. Tangelo
[Christian Wijnants, Bottega Veneta, Marni]
เฉดสีเปรี้ยวนี้ช่วยย้ายผู้สวมใส่ออกห่างจากสีอันเดอร์โทนคล้ายส้มซิตรัส และนำมาซึ่งเฉดสีที่ผสานสีแดงเข้ากับเส้นใยแทน เพื่อรักษารูปลักษณ์ที่แข็งแกร่ง Tangelo ถูกนำมาใช้ในการออกแบบที่โดดเด่นเช่นชุดเอวต่ำที่มาพร้อมกับกระโปรงขนนก
4. Peach Pink
[Erdem, Issey Miyake, Rabens Saloner]
เทรนด์นี้วิวัฒน์มาจากเทรนด์สี “Coral Rose” ที่ได้รับความนิยมในปีที่แล้ว แต่ Peach Pink ทำให้เสื้อผ้ามีทิศทางที่ละเอียดอ่อนมากขึ้น แม้ว่าจะยังคงใช้สีสันที่ดึงดูดใจ สวมใส่ได้ทุกอย่างตั้งแต่เสื้อผ้ารัดรูปไปจนถึงรูปทรงขนาดใหญ่ เรียกว่าเป็นเทรนด์สีที่ “น่าทะนุถนอม”
5. Empire Yellow
[Raf Simons, Erdem, Royal Danish Academy]
เป็นเทรนด์สีที่ไม่ว่าจะกี่ยุคกี่สมัยก็ยังคงอมตะ แต่ได้มีการพัฒนาเฉดสีขึ้นไปเรื่อยๆ ให้มีความเรืองรองมากยิ่งขึ้น มีทั้งการใช้สีแบบเต็มๆ ไปเลย หรือแบบการไล่สีเหลืองเข้มและสีเหลืองอมเทาหรือดำเบาๆ เห็นแล้วอยากวิ่งไปซื้อมาสวมใส่เลยทีเดียว
6. Blue Perennial
[Diesel, Halpern, Fendi]
ท่ามกลางสีสันอันโดดเด่นที่มีอยู่มากมาย เทรนด์สีนี้ดูเหมือนจะเป็นหนึ่งในโทนสีที่ให้ความรู้สึกสงบ แม้ว่าจะมีการสร้างองค์ประกอบที่แปลกใหม่ให้กับการออกแบบที่เรียบง่ายที่สุด เช่น มินิเดรสรัดรูปที่ใช้โทนสีสะท้อน Ombre
7. Classic Green
[Etro, Akris, Chet Lo]
สีเขียวคลาสสิกยังคงเป็นเทรนด์สีที่โดดเด่นซึ่งให้ความแตกต่างอย่างชัดเจนกับเทรนด์สีอื่นๆ แถมให้ความรู้สึกถึงการมีสุขภาพที่แข็งแรง สมบูรณ์ ทั้งผู้สวมใส่และผู้พบเห็น และบอกว่าถ้ามีติดตู้ไว้สักตัวจะไม่มีหลุดเทรนด์แน่นอน!
8. Crystal Rose
[Ermanno Scervino, Craig Green, Vetements]
เทรนด์สีคริสตัลโรสมีลักษณะที่นุ่มนวล เห็นแล้วน่าโอบรัด เป็นการถ่ายทอดความรู้สึกของผู้สวมใส่ที่บ่งบอกถึงหัวจิตหัวใจที่เต็มไปด้วยความรัก ความสดใส ยิ่งเลือกสวมใส่เสื้อผ้าที่มีความพริ้วไหว เริงระบำไปกับสายลมที่พัดโบกเบาๆ
9. Love Bird
[Michael Kors Victoria Beckham Gestuz]
เป็นเทรนด์สีที่ดูเหมือนจะเป็นพี่น้องกับเทรนด์สี Classic Green ที่ได้รับความนิยมเสมอ โดยครองใจผู้ชมบนรันเวย์มากมาย สีเขียวแปลกตานี้เข้ากันได้ดีกับฤดูร้อนในช่วงต้นปี 2023 นี้ นับว่าเป็นสีสันที่มีชีวิตชีวา ไม่ว่าจะเป็นเดรสยาว-เดรสสั้น หรือกางเกงขายาวกับสูทเท่ห์ๆ
10. Summer Song
[Diesel, Prada, Marni]
เทรนด์สีที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลายและความเงียบสงบ หลายแบรนด์ใช้เทรนด์สีนี้สำหรับเสื้อโค้ทตัวยาว กางเกงขายาวกับเสื้อสูทตัวเก่ง หรือไม่ก็อัดแน่นไปด้วยคัตติ้งแบบเยอะๆ กับผ้าเดนิม ไปจนถึงผ้าที่ดูเป็นหนังเงาๆ
11. Gray Lilac
[Loewe, Miu Miu, Baum und Pferdgarten]
เทรนด์แฟชั่นที่ดูเหมือนจะเหมาะกับการสวมใส่ไปทำงาน สามารถสวมใส่ได้บ่อยครั้งจนเพื่อนร่วมงานแทบไม่สังเกตเลยว่าคุณใส่เสื้อผ้าซ้ำๆ กันมาทำงาน แต่จริงๆ แล้วคุณเปลี่ยนสไตล์ใหม่ๆ มาทำงานทุกวัน
12. Macchiato
[Sasai, Fendi, Hermes]
เทรนด์สีนี้แตกต่างจากเฉดสีอันเดอร์โทนเข้ม ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากกาแฟ จนอาจจะกล่าวได้ว่า "เป็นสีน้ำตาลที่น่ารับประทานที่สุด!" เทรนด์สีนี้มักใช้กับเสื้อผ้าตัวนอก ไม่ว่าจะเป็น ผ้าคลุมแบบถอดแยกชิ้นส่วน หรือใช้กับวัสดุคล้ายหนังและชิ้นส่วนที่มีรูปทรงไดนามิก
