ขึ้นชื่อว่า “แม่” แม้ว่าลูกจะโตแค่ไหน ก็ยังอดห่วงไม่ได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว เพราะในสายตาแม่ ลูกก็ยังเป็นเด็กที่ผู้เป็นแม่ต้องคอยปกป้อง และดูแลเอาใจใส่ให้ความรักอยู่ตลอดเวลา ดังเช่น 5 คุณแม่เซเลบริตี ที่แม้บางคนลูกจะเติบโตเรียนจบบรรลุนิติภาวะ มีงานทำแล้วก็ยังอดห่วงไม่ได้ แม่บางคนที่ลูกกำลังเป็นหนุ่มเป็นสาวแรกรุ่น อยู่ในโอวาทและเป็นเด็กดีมาโดยตลอด แต่ด้วยสังคมทุกวันนี้ ที่มีการเปิดกั้นทางเสรีภาพและสื่อโซเชียลที่เข้าถึงง่ายเพียงปลายนิ้วมือ ก็ทำให้อดห่วงลูกไม่ได้เช่นกัน
เริ่มที่ “เอ๋–กัญญารัตน์ ผลาดิศัย” ที่ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน “น้องจัสติน” กำลังเข้าสู่วัยรุ่น แถมยังต้องจากอ้อมอกแม่ไปศึกษาต่อยังต่างประเทศหลายปี จึงทำให้แม่เอ๋ยิ่งเป็นห่วงลูก มากกว่าตอนที่อยู่ด้วยกันมากมายเป็นหลายเท่า โดยเฉพาะ เรื่องการมีแฟน ซึ่งเป็นเรื่องเดียวที่ลูกชายไม่ยอมมาปรึกษาแม่
“เป็นห่วงทุกอย่างทุกเรื่องของน้องจัสติน ยิ่งโตแล้วยิ่งห่วง เพราะลูกไม่ได้อยู่กับเราเขาไปเรียนที่ต่างประเทศ ดังนั้น เราก็จะเป็นห่วงเรื่องการใช้ชีวิตของลูก แต่เราจะบอกลูกเสมอว่าจะทำอะไรขอให้นึกถึงหน้าพ่อกับแม่ไว้ แล้วลูกจะไม่กล้าเดินออกนอกลู่นอกทาง ซึ่งน้องก็เป็นเด็กดีมาโดยตลอด แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่เราจะห่วงลูกมากที่สุดคือ เรื่องแฟน เพราะที่ผ่านมาน้องจัสตินไม่เคยมีแฟนเลย และก็เป็นเรื่องเดียวที่ลูกไม่เคยมาปรึกษาเรา ซึ่งกลัวว่าถ้าลูกเกิดผิดหวังจากรักครั้งแรก แล้วจิตใจเขาจะรับกับความผิดหวังได้มากน้อยแค่ไหน ตรงนี้คือสิ่งที่เราเป็นห่วงเขามากที่สุด แต่ก็จะพยายามบอกลูกอยู่เสมอว่า ในชีวิตคนเรามีอะไรอีกหลายอย่างให้ต้องทำอีกเยอะ มากกว่าการที่เราจะมานั่งเสียใจกับเรื่องของความรัก”
ด้าน “คุณแม่มุก-เพลินจันทร์ รุ่นประพันธ์” เจ้าของแบรนด์ Mook V ซึ่งลูกแฝดทั้ง 3 อย่าง น้องทริป น้องเทรย์ และน้องทรอย อยู่ในวัย 11 ขวบ ด้วยความที่เป็นแฝดสามและเป็นผู้ชาย ดังนั้น สิ่งที่แม่มุกเป็นห่วงลูกๆ ในช่วงวัยนี้ที่สุดคือ เรื่องการคบเพื่อน
“เราต้องยอมรับว่า เด็กวัยนี้กำลังเข้าสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ เขาจะเชื่อเพื่อนมากกว่าพ่อกับแม่ เพราะพ่อแม่จะบอกเขาได้ก็ต่อเมื่อเขาอยู่ในบ้าน แต่พอเขาออกนอกบ้านแล้ว เพื่อนจะมีอิทธิพลกับเด็กวัยนี้มากที่สุด ดังนั้น เราจึงเป็นห่วงลูกเรื่องการคบเพื่อน เพราะถ้าเขามีเพื่อนที่เป็นคู่คิดที่ดี ก็จะนำพากันไปในทางที่ดี แต่ถ้าเจอเพื่อนไม่ดี ก็อาจชักนำกันไปในทางที่ไม่ดีก็ได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่เราห่วงที่สุด เราจะคอยพยายามบอกลูกเสมอว่า ก่อนพูดหรือจะทำอะไรต้องคิดซ้ำๆ กลับไปกลับมาหลายๆ รอบ เพื่อให้ได้คำตอบและสิ่งที่ถูกต้องสำหรับการใช้ชีวิตให้มากที่สุด”
สำหรับบ้านนี้ แม้ “หนูนวล-สาริศา คชเสนี” จะสำเร็จการศึกษาระดับชั้นปริญญาตรีบรรลุนิติภาวะมีงานทำแล้วก็ตาม แต่ด้วยสายใยความเป็นแม่ จึงไม่เคยทำให้ “คุณแม่น้อยหน่า-เพ็ญสุภา” ลดความเป็นห่วงหนูนวลได้เลย โดยเฉพาะ เรื่องการขับรถ ที่เมื่อไหร่ก็ตามที่ลูกยังไม่ถึงบ้าน คุณแม่ก็ไม่เคยหลับสนิทสักคืนเดียว
“ห่วงลูกทุกอย่าง ตอนนี้โตแล้วทำงานแล้วเรายิ่งต้องห่วง และยิ่งเป็นห่วงมากขึ้นเวลาที่ลูกขับรถกลับบ้าน แม้เราจะมั่นใจว่าลูกขับรถดี แต่ลูกเราเป็นผู้หญิง เวลาขับรถกลับบ้านคนเดียวตอนค่ำมืดดึกดื่น เราก็จะอดเป็นห่วงไม่ได้ เพราะเรากลัวลูกจะเป็นอันตราย เกิดอุบัติเหตุหรือมีคนมารังแกลูกเราระหว่างการเดินทาง บางคืนเขากลับบ้านเที่ยงคืนตีหนึ่ง เราจะนั่งรอจนกว่าลูกจะขับรถมาจอดถึงหน้าบ้าน แล้วขึ้นบ้านนอนนั่นแหละเราถึงจะสบายใจ อย่างว่าตอนเป็นเด็กเราก็จะห่วงว่าเขาจะเรียนอะไร เจอเพื่อนอย่างไร ซึ่งเป็นสิ่งที่เราสามารถดูแลเขาได้ตลอดเวลา แต่พอเขาเรียนจบมีงานทำ เรากลับยิ่งเป็นห่วงมากกว่าเดิมอีกเท่าตัว เพราะเราไม่รู้ว่าเวลาที่ลูกอยู่นอกบ้าน เขาใช้ชีวิตอย่างไรบ้าง”
ส่วนคุณแม่นักบริหารคนเก่ง “บิ๋ง-นันทมาลี ภิรมย์ภักดี” ที่มีลูกแฝดชายหญิง “น้องเจม-นันทวุฒิ” และ “น้องบีม–วรณัน” อยู่ในช่วงวัยรุ่นหัวเลี้ยวหัวต่อ บอกว่าสิ่งที่เป็นห่วงลูกในยุคสังคมโซเชียลมีเดีย ที่สามารถเข้าถึงได้ปลายนิ้วมือคือ เรื่องการควบคุมทางอารมณ์ เพราะคนในสังคมทุกวันนี้ กำลังประสบกับภาวะซึมเศร้ากันเป็นจำนวนมาก ดังนั้น เธอจึงเลือกที่จะสอนให้ลูกมีความภูมิใจในตัวเองและครอบครัว ที่ทำให้เราได้มีชีวิตเกิดมา ได้ทำในสิ่งที่เรารักและชื่นชอบ
“ทุกวันนี้เรื่องของอารมณ์เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะเราสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารต่างๆ ทั้งที่เป็นเรื่องจริงเรื่องปลอมได้เร็วมาก ทำให้หลายคนมีความผันแปรทางอารมณ์ได้ง่าย ดังนั้น เราจะสอนลูกเสมอว่า ทุกเช้าที่ตื่นนอนมาเราต้องขอบคุณตัวเอง ที่ได้มาเกิดในครอบครัวนี้ เพราะมีพ่อมีแม่มีบรรพบุรุษที่เป็นแบบอย่างที่ดีในการดำเนินชีวิต และคอยสนับสนุนให้ลูกได้ทำกิจกรรมต่างๆ ที่ชื่นชอบ ทุกสิ่งอย่างในชีวิตของคนเรามักจะมีเหตุและผลของมันเองเสมอ แต่สุดท้ายไม่ว่าชีวิตเราจะเจออะไรมา ไม่ว่าจะเลวร้ายสักเพียงใด แต่เราก็ยังมีครอบครัวที่คอยอยู่เคียงข้างเสมอ”
ปิดท้ายที่คุณแม่ยังสาว “โอบอุ้ม-รัสรินทร์ ชุมสาย ณ อยุธยา” ที่ถึงแม้ลูกชายคนเดียวอย่าง “น้องไอออน” จะอายุเพียง 3 ขวบกว่า และด้วยความที่ลูกยังเล็ก จึงทำให้คุณแม่ยังสาวมีความเป็นห่วงลูกทุกอย่าง โดยเฉพาะ เรื่องการเล่น ที่เจ้าตัวยอมรับว่า ลูกชายชอบเล่นแรงและอาจพลั้งเผลอไปรังแกเด็กคนอื่นโดยไม่รู้ตัว
“น้องไอออนเป็นคนที่มีมนุษย์สัมพันธ์ดีมาก เพราะเขาเป็นคนชอบเล่นกับเพื่อน ฉะนั้น เวลาไปที่ไหน ไอออนจะมีเพื่อนใหม่ตลอดเวลา และนั่นคือสิ่งที่อุ้มเป็นห่วงคือ กลัวน้องไอออนจะแกล้งเพื่อนร้องไห้ เพราะไอออนเป็นเด็กที่ค่อนข้างรุนแรง บางครั้งก็จะมีตีลังกาตามประสาเด็กผู้ชาย ซึ่งบางทีไอออนอาจเผลอไปทำให้เด็กคนอื่นเจ็บและร้องไห้ก็ได้ ตอนนี้อุ้มค่อนข้างเป็นห่วงน้องเรื่องนี้มากกว่าค่ะ”