ทันทีที่มีรายงานแจ้งว่า กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เตรียมประกาศให้โรคโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่นในวันที่ 1 กรกฎาคม 2565 นี้ โดยระบุว่า เตรียมนำร่อง 31 จังหวัด พื้นที่สีเขียวและพื้นที่สีฟ้า ให้ผ่อนคลายสามารถถอดหน้ากากอนามัยได้นั้น ซึ่ง กรุงเทพมหานคร ถูกจัดให้อยู่พื้นที่สีฟ้าให้เป็นพื้นที่ที่มีการผ่อนปรนให้ถอดหน้ากากอนามัยได้ในช่วงเดือนมิถุนายนนี้ ดังนั้น เพื่อเป็นการขานรับนโยบายการผ่อนปรนที่ใกล้มาถึง Celeb Online จะพาไปฟังคนดังขาประจำออกงานอีเวนต์ ว่าแต่ละคนคิดอย่างไรกับการที่ กระทรวงสาธารณสุข ประกาศให้พื้นที่สีฟ้า-เขียว ถอดแมสก์ได้ และส่วนตัวแล้วอยากปิดหรืออยากเปิดแมสก์ อย่ารอช้าตามมากันเลยคร่า
เริ่มที่ เซเลบสาวร่างเล็ก “จุ๋ย-จรสพรรณ สวัสดิวัตน์ ณ อยุธยา” บอกว่าการที่กระทรวงสาธารณสุข จะออกมาตรการผ่อนคลายการถอดแมสก์นั้นเป็นเรื่องดี เพราะคนไทยรู้สึกอึดอัดกับการใส่หน้ากากอนามัยมานานหลายปีแล้ว อีกทั้งอาการของโรคก็ไม่ได้รุนแรงเหมือนดังที่เคยเป็นก่อนหน้านี้ แต่สำหรับเธอนั้นการจะใส่หน้ากากอนามัยหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับสถานที่มากกว่า
“ทุกวันนี้คนไทยได้รับวัคซีนกันแทบทุกคนแล้ว ฉะนั้น จุ๋ยคิดว่าเป็นเรื่องดีที่เราทุกคนจะได้มีโอกาสถอดแมสก์ เพื่อได้สูดลมหายใจได้อย่างเต็มปอดบ้าง จุ๋ยเป็นผู้หญิงบางครั้งแต่งหน้าเราก็อยากจะโชว์ใบหน้าแบบที่ไม่มีแมสก์มาขวางกั้นแต่เราก็ต้องดูแลสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ ถ้าไปในสถานที่โล่งแจ้งอากาศถ่ายเทได้สะดวก จุ๋ยก็คงไม่ใส่แมสก์ค่ะ”
ขณะที่ เซเลบสาวสุดเซ็กซี่เจ้าแม่งานอีเวนต์ อย่าง “ปอ-ศีกัญญา ศักดิเดช ภาณุพันธ์” ก็บอกว่าทุกวันนี้ทุกคนต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับโรคโควิด-19 ได้แล้ว เพราะการที่ถอดแมสก์ได้นั้น ก็เป็นการประกาศให้ต่างชาติได้รับรู้ว่าประเทศเราเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดประเทศ และสามารถรับมือกับโรคนี้ได้แล้ว ขณะเดียวกัน ตัวเราเองก็ต้องดูแลสุขภาพร่างกาย ต้องระมัดระวังในการใช้ชีวิต เพราะถ้าเธอเลือกได้ก็จะยังใส่แมสก์อยู่ เมื่อต้องไปอยู่ในกลุ่มสังคมที่มีการรวมตัวกันเป็นจำนวนมาก
“ปอเชื่อว่าทุกคนอยากกลับมาใช้ชีวิตกันปกติแล้ว แต่ทุกคนจะต้องเคารพในสิทธิของแต่ละคน เมื่อมีการยกเลิกใส่แมสก์ในขณะที่บางคนยังไม่กล้าถอดแมสก์ ก็ไม่ควรไปประณามใครทั้งสิ้น ทางที่ดีตอนนี้เราต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับโรคนี้ให้ได้ ส่วนตัวปอก็จะพิจารณาการใส่แมสก์กับไม่ใส่เป็นกรณีไป เช่น ถ้าเราคุยงานกับลูกน้องในห้องทำงานเพียงแค่ 4-5 คน ก็จะไม่ใส่แมสก์ หรืออยู่บ้านก็จะไม่ใส่ แต่ถ้ามีการประชุมคนเป็นจำนวนมากกว่า 10 คนขึ้นไป ปอก็ยังคงต้องใส่แมสก์อยู่ เพื่อเป็นการป้องกันทั้งตนเองและผู้อื่น”
ส่วนเจ้าแม่ MC มือวางอันดับหนึ่งงานอีเวนต์เมืองไทย “หนิง-ศรัยฉัตร กุญชร ณ อยุธยา จีระแพทย์” ก็บอกเช่นกันว่า การประกาศให้ถอดแมสก์ในพื้นที่สีเขียวและสีฟ้าก็ดีเหมือนกัน เพราะเป็นการประกาศความเชื่อมั่นให้ชาวต่างชาติรู้ว่า ประเทศเราสามารถรับมือกับโรคนี้ได้แล้ว และทุกคนจะได้กลับมามองใบหน้ากันได้อย่างชัดๆ เหมือนเดิม แต่ส่วนตัวเธอนั้นอาจต้องขอใส่แมสก์ไปอีกระยะหนึ่ง เพื่อรอให้สถานการณ์ดีขึ้นกว่านี้ แล้วจึงค่อยเปิดหน้ากากอนามัยได้อย่างสบายใจ
“หนิงว่าการให้ถอดแมสก์ในพื้นที่ที่ควบคุมโรคระบาดได้ก็ดีนะคะ เพราะทุกคนจะได้เห็นหน้ากันชัดเจนขึ้น ยกตัวอย่างง่ายๆ อย่าง ลูกสาวจะเข้าโรงเรียนใหม่ เราก็อยากให้ลูกได้เปิดแมสก์ เพื่อจะได้เห็นใบหน้าเพื่อนร่วมชั้นได้อย่างชัดเจน แต่หนิงคงต้องใส่แมสก์ไปอีกสักระยะหนึ่ง เพราะอยากให้มั่นใจว่าโรคนี้มันเริ่มกลายเป็นโรคปกติไปแล้ว และข้อดีอีกอย่างเวลาที่ใส่แมสก์คือ เราไม่เคยเป็นหวัดเลย”
เช่นเดียวกับ เจ้าพ่ออาณาจักรเพชรพันล้าน “หนึ่ง-สุริยน ศรีอรทัยกุล” บอกว่าแม้จะมีการประกาศให้ถอดแมสก์ได้ในพื้นที่สีเขียวและสีฟ้า แต่เขาก็ยังคงเลือกที่จะใส่แมสก์ต่อไปอีกสักระยะ เพราะป้องกันเรื่องไข้หวัดได้เป็นอย่างดี
“การที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศให้พื้นที่สีเขียวและสีฟ้าให้ถอดแมสก์ได้ ถือว่าเป็นเรื่องดีเพราะจะได้เป็นการสร้างความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ ทำให้คนกล้าออกมาใช้ชีวิตประจำวันได้เป็นปกติมากขึ้น แต่ส่วนตัวผมก็ยังคงต้องใส่แมสก์ต่ออีกสักระยะหนึ่ง รอดูให้สถานการณ์มันเริ่มคลี่คลายแล้วจึงจะถอดได้อย่างมั่นใจ แถมการใส่แมสก์ยังช่วยให้เราไม่ค่อยเป็นหวัดอีกด้วย”
สำหรับเซเลบหนุ่มรูปงาม “โอ๊ค-อัครรัฐ วรรณรัตน์” ก็แสดงความคิดเห็นไม่ต่างจากคนอื่น เพราะนอกจากจะเป็นการประกาศให้ทั่วโลกมั่นใจในประเทศไทยแล้ว ยังส่งผลให้นักท่องเที่ยวมีความเชื่อมั่นในการรับมือกับโรคระบาด และเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวที่ประเทศไทยเพิ่มขึ้น อันเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกทางหนึ่ง แต่ผมยังคงต้องใส่แมสก์อยู่ดีเวลาที่ต้องออกไปนอกบ้าน เพราะเราอาศัยอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ที่ท่านอายุเยอะมากแล้ว
“ผมคิดว่าการที่แบ่งโซนเพื่อให้ประชาชนถอดแมสก์ได้เป็นเรื่องดีครับ เพราะเท่ากับว่าพื้นที่บริเวณนั้นสามารถควบคุมโรคได้แล้ว แถมยังเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ให้อยากเดินทางมาท่องเที่ยวได้อีกด้วย เพราะมั่นใจในความปลอดภัย แต่ด้วยความที่ผมอาศัยอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ ซึ่งท่านอายุมากแล้ว ผมจึงยังคงต้องใส่แมสก์อยู่ แม้กระทรวงสาธารณสุขจะออกประกาศให้ถอดแมสก์ได้แล้วก็ตาม” โอ๊คอธิบายปิดท้าย