หลังอาการบาดเจ็บ นักกอล์ฟลูกครึ่งอเมริกัน-ไทย ไทเกอร์ วู้ดส์ ก็กลับสู่กรีนอีกครั้ง ในรายการมาสเตอร์ส ครั้งที่ 86 แม้ผลงานจะไม่ค่อยสวยหรูเท่าไรนักสำหรับอดีตแชมป์เมเจอร์ 15 สมัย แต่ไทเกอร์ก็ดูสบายๆ ไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจอะไร
ไทเกอร์ วู้ดส์ ถูกเลี้ยงมาให้เป็นแชมป์ เขาได้รับการดูแลโดยพ่อของเขาเองที่เอาไม้กอล์ฟใส่มือไทเกอร์ ก่อนที่เขาจะเดินได้เสียอีก
ไทเกอร์นับเป็นนักกีฬาที่โดดเด่นที่สุดแห่งยุค นับตั้งแต่เทิร์นโปรในวัย 20 เมื่อฤดูร้อนปี 1996 เขาคว้าแชมป์ในการแข่งขันระดับเมเจอร์ 15 ครั้ง เป็นรองก็เพียงแจ๊ค นิคคลอส ที่ได้ไป 18 ครั้ง สถิติของเขาฟังดูสวยหรู แต่ไทเกอร์ไม่ชนะในรายการเมเจอร์มาตั้งแต่ปี 2008 แล้ว ก่อนที่เขาจะหย่ากับอดีตภรรยา เอลิน นอร์เดอเกรน ในปี 2010 เสียอีก โดยอาการบาดเจ็บของเขาทำให้ทุกอย่างหยุดชะงัก ก่อนจะมาคว้าแชมป์มาสเตอร์ในปี 2019
ในวัย 40 ปลายๆ ไทเกอร์ยังหวังว่า จะคว้าแชมป์เพิ่มในรายการเมเจอร์ได้อีก เขาเล่าถึงการฟื้นฟูร่างกายจากอาการบาดเจ็บว่าเป็นไปอย่างเชื่องช้า
“ผมไม่มีวันลืม ตอนที่ผมปวดหลังมากๆ เหมือนจะหายแต่ไม่หายสักที ผมลองเหวี่ยงไม้กอล์ฟที่หลังบ้าน แต่ไม่ไหวเลย มันปวดจนร่วงลงไป แล้วผมไม่ได้พกมือถือออกไปด้วย ได้แต่นอนกองอยู่ตรงนั้น ขยับตัวไม่ได้ โชคดีที่ลูกสาวผมเดินมาเจอเข้า ผมเลยบอกให้ไปเรียกใครมาช่วยพ่อหน่อย”
จากเหตุการณ์วันนั้น ไทเกอร์เริ่มคิดว่า อาจจะไม่สามารถกลับมาเล่นกอล์ฟได้อีก “ผมคุยกับ เพย์ตัน แมนนิ่ง เกี่ยวกับอาการบาดเจ็บที่คอของเขา และถามเขาว่าเขาผ่านมันไปได้ยังไง มันเป็นเรื่องยากสำหรับนักกีฬา ที่มองไม่เห็นว่าอนาคตจะเป็นยังไง ผมพยายามคิดว่า สิ่งสำคัญคือการใช้ชีวิตกับลูกๆ มันน่าจะสำคัญกว่ากอล์ฟนะ”
การเป็นนักกีฬาที่โดดเด่นย่อมมีผู้ที่คาดหวังเป็นธรรมดา ไทเกอร์บอกว่าเขารับมือด้วยการที่ไม่ฟังเสียงเหล่านั้น รวมทั้งไม่ดูโซเชียลมีเดียทั้งหลายด้วย “พ่อของผมบอกไว้ตั้งแต่เด็กๆ ว่า คนที่มีมุมมองที่ดีกับเรา มีแต่พวกแคดดี้เท่านั้นแหละ ที่ช่วยดูลูกกอล์ฟ และเข้าใจวิถีการเล่นของเรา นอกเหนือจากนั้นก็ไม่มีใครหรอกที่จะใส่ใจกับเราจริงๆ
“ช่วง 8 ปีแรกหลังจากเทิร์นโปร ผมไม่เคยพลาดการให้สัมภาษณ์สื่อหลังจบการแข่งขันเลย แต่พอพลาดไปครั้งเดียวหลังจากนั้น พวกเขาก็วิพากษ์วิจารณ์ผมอย่างรุนแรง ไม่ว่าผมจะเล่นดียังไง แต่พอไม่ให้สัมภาษณ์ พวกเขาก็แทบจะฆ่าผมเลย
“จริงๆ แล้วผมมีเพื่อนเยอะนะ ในแวดวงสื่อ เราไปกินข้าวด้วยกันก็บ่อยครั้ง แต่ก็มีสื่อบางสื่อที่ผมไม่อยากจะสนใจ พวกเขาทำงานแบบเล่นแต่ข่าวแง่ลบ ก็แปลกดีนะผมว่า”
ชีวิตส่วนตัวของไทเกอร์ กลายเป็นจุดสนใจ โดยเฉพาะในปี 2009 เรื่องความสัมพันธ์ของเขาและอดีตภรรยาที่กลายเป็นเรื่องสาธารณะ “ถ้าผมสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ผมคงจะเปิดใจ และจริงใจกับอดีตภรรยามากกว่านี้ แต่ตอนนี้ความสัมพันธ์เราดีมาก เธอกลายเป็นเพื่อนสนิทของผมไปแล้ว เราสามารถจะยกหูโทรศัพท์คุยกันได้ตลอดเวลา เพราะเรารู้ว่า สิ่งที่สำคัญในชีวิตก็คือลูกๆ ผมหวังว่า ผมน่าจะรู้เรื่องนี้มาตั้งนานแล้ว สมัยก่อนผมมัวแต่ห่วงเรื่องการแข่งขัน ทำให้ไม่ได้ใส่ใจกับอดีตภรรยามากเท่าที่ควร ความสัมพันธ์ก็เลยต้องยุติ
“ชีวิตคู่มันยากมากๆ แต่ตอนนี้เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เธอมักจะเล่าเรื่องราวในชีวิตให้ฟัง ผมก็เล่าส่วนของผมให้เธอฟัง เราพยายามช่วยเหลือกันให้ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก แล้วก็ช่วยกันเลี้ยงลูก เราทำงานกนักในการเป็นพ่อเป็นแม่ อยากให้ลูกๆ มีชีวิตที่ดีที่สุด”
ย้อนกลับไปดูช่วงชีวิตที่ผ่านมา ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของไทเกอร์ วู้ดส์ คือการคว้าแชมป์มากมายหลายรายการ “ผมก็ตกใจเหมือนกันที่ชนะในหลายทัวร์นาเมนต์ขนาดนั้น มากกว่า 100 รายการทั่วโลก ตอนที่เล่นเราก็ไม่ได้นับหรอก ผมคิดว่า ทอม เบรดี้ ก็รู้สึกแบบเดียวกัน คุณก็แค่ไปแข่ง เสร็จรายการนี้ก็เตรียมตัวสำหรับสนามต่อไป
“ตอนนี้ มูลนิธิของผมก็เติบโตขึ้น และเราก็กำลังวางแผนที่จะขยายออกไปสู่ระดับนานาชาติ ผมติดต่อขอความช่วยเหลือจากคอนโดลิซ่า ไรซ์ ให้ติดต่อสถานทูตประเทศต่างๆ ให้มูลนิธิของเราเข้าไปในประเทศนั้นๆ หลังจากก่อตั้งมา 20 ปี ตอนนี้มูลนิธิของเรามีทุนทรัพย์มากกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐแล้ว”
