ทุกการเดินทางตลอดเส้นทางนั้น มักมีเรื่องราวต่างๆ มากมาย ให้นักเดินทางได้จดจำ ทั้งเรื่องราวน่าประทับใจ แต่ก็มีบางคนที่ไม่ได้โชคดีทุกครั้งในการเดินทาง เพราะก่อนที่จะไปพบกับความสนุกที่รออยู่เบื้องหน้า อาจเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ประทับใจขึ้น จนบางครั้งต้องสูญเงินในกระเป๋าไปเปล่าๆ ร่วมหลายหมื่น หรือเป็นแสนๆ เลยก็ว่าได้
วันนี้ Celeb Online จะพาไปฟังประสบการณ์จริงจาก 4 นักเดินทางคนดัง ที่มีประสบการณ์โดนเทก่อนการเดินทางแบบไม่ทันตั้งตัว พร้อมวิธีรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
เริ่มที่ “แอลลี่-อรรคพล ฤทัยยานนท์” สไตลิสต์ชื่อดังบอกว่า เลือกซื้อตั๋วเครื่องบินไปเที่ยวที่โมร็อกโก จ่ายเงินจองที่พักค่าโรงแรมค่าบริการไว้ล่วงหน้าเรียบร้อย แต่ปรากฏว่าพอจะถึงวันเดินทางจริงๆ กลับมีสถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาด ทำให้เดินทางไม่ได้ จึงทำเรื่องขอคืนเงินค่าตั๋วเครื่องบินพร้อมค่าที่พักและค่าบริการต่างๆ ปรากฏว่าผ่านไปครึ่งปีไม่มีสัญญาณตอบรับใดๆ มาจากทางต่างแดน
“เรามีแผนเดินทางไปเที่ยวที่โมร็อกโกกับเพื่อนกัน 2 คน ก็จองทุกอย่างไว้พร้อม เก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าพร้อมออกเดินทาง แต่ปรากฏว่าเกิดมีโควิด เราเดินทางออกนอกประเทศไม่ได้ จึงขอเลื่อนออกไปก่อน ทำการติดต่อโรงแรมที่จะไปพักว่าขอเงินคืน และติดต่อเจ้าของอูฐที่เราจะขี่เข้าไปที่โรงแรม รวมถึงค่าบริการต่างๆ ที่เราต้องจ่ายเมื่ออยู่ที่นั่น ซึ่งตอนแรกเขาก็แจ้งว่าจะคืนเงินให้แต่พอผ่านไปแล้ว 3 เดือนก็ไม่มีการคืนเงิน ติดต่อปลายทางไม่ได้ วินาทีนั้นเราทำอะไรไม่ได้เลย นอกจากทำใจว่าจะต้องเอาเงินไปทิ้งไว้ที่นั่นหลายแสนเลย เพราะตอนนี้โรงแรมที่เราจะไปพัก หรืออูฐที่เราจะขี่อาจจะไม่มีอยู่แล้วก็ได้ เพราะทั่วโลกก็เผชิญกับโรคระบาดเหมือนกัน”
ในความโชคร้ายที่สูญเงินค่าทัวร์ในต่างแดนไป แต่แอลลี่ก็ยังได้เงินค่าตั๋วเครื่องบินคืน
“เพื่อนเราที่ไปด้วยกันฉลาดมาก เราใช้บัตรเครดิตเพื่อจองตั๋วเครื่องบินไปกลับ ดังนั้น พอรู้ว่าสถานการณ์โควิด-19 ไม่น่าจะจบลงง่ายๆ เราจึงแจ้งอายัดบัตรเครดิตที่จ่ายค่าตั๋วเครื่องบิน อย่างน้อยเราก็ยังได้เงินค่าตั๋วเครื่องบินคืนมาบ้าง อย่างไรก็ตาม เราต้องไปเยือนโมร็อกโกให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิตอย่างแน่นอน แต่คงยังไม่ใช่เวลานี้ เพราะเราต้องเป็นห่วงสุขภาพและรับผิดชอบต่อทุกคนในสังคมด้วย ถ้าเราเดินทางไปแล้วกลับมานำเชื้อมาแพร่กระจายให้คนรอบข้างก็คงไม่ดีแน่นอน”
สไตล์ลิสต์ชื่อดังแนะนำว่า ถ้าไม่อยากสูญเงินค่าทัวร์ไปเปล่าๆ แบบเขา ต้องอย่าเพิ่งใจร้อนรีบจองตั๋วเครื่องบิน หรือที่พักแบบล่วงหน้าในระยะนี้ ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะโดนเทสูงมาก
“เราไม่ควรเห็นแก่ตั๋วราคาถูกแล้วรีบจองล่วงหน้า อยากให้มั่นใจก่อนว่าจะเดินทางแน่แล้วถึงค่อยจอง แม้จะจ่ายแพงกว่า 30% แต่ก็ไม่เสี่ยงกับการเสียเงินไปเปล่าๆ แบบไม่ได้คืนกลับมา และช่วงนี้ประเทศไทยของเราก็มีสถานที่น่าท่องเที่ยวสวยๆ เยอะมาก อยากให้ทุกคนลองเปิดใจเที่ยวในประเทศไทยไปก่อน เพราะถึงแม้ไปต่างประเทศช่วงนี้ ก็อาจต้องไปเบียดเสียดกับนักท่องเที่ยวประเทศอื่นเหมือนกัน มันเสี่ยงต่อการไปรับเชื้อโควิดอย่างมาก”
ด้าน “หญิง-วรวิมล ณ ระนอง” ที่เคยเป็นข่าวครึกโครมมาก่อนหน้านี้ว่า เธอและเพื่อนๆ เคยโดนบริษัททัวร์แห่งหนึ่งโกงเงินค่าทัวร์ล่วงหน้า ทำให้สูญเงินรวมๆ กันหลายร้อยล้านก็ว่าได้ แม้เธอและเพื่อนๆ จะโชคดีได้เงินคืนกลับมาก็ตาม แต่ก็ยังมีอีกหลายร้อยคน ซึ่งเป็นกลุ่มคนวัยเกษียณที่ยังไม่ได้เงินคืน
“กลโกงของบริษัททัวร์นี้จะคล้ายกับแชร์ลูกโซ่ เอาราคาถูกแล้วกินหรูอยู่สบายมาล่อลูกทัวร์ ซึ่งพี่เคยไปกับเขามาแล้ว 2-3 ทริป เขาก็ดูแลดี มีอย่างที่ไหนเขาพาเราไปยุโรป ค่าทัวร์หลักหมื่นรวมตั๋วเครื่องบินค่าที่พักอาหารการกินสุดหรู ซึ่งพี่ก็ว่ามันดีของดีราคาถูกก็ยังมี แต่พอมาครั้งที่ 4 จะเดินทางไปรัสเซีย รอบนี้เริ่มมีกลิ่นไม่ดี ทางบริษัทบอกว่าให้เราจ่ายเงินค่าที่พัก ค่าเดินทาง ค่าทุกอย่างมาครบเต็มจำนวนเพื่อจองคิวไว้ รวมถึงค่าทริปที่จะให้ไกด์ก็ต้องจ่ายล่วงหน้ามาก่อน ซึ่งพี่ก็จ่ายตามที่เขาบอกเพราะเชื่อใจกัน แถมเรายังชวนก๊วนเพื่อนสนิทไปอีก 3 คน แต่พอใกล้ถึงวันเดินทาง เขาแจ้งว่ายังไปไม่ได้เพราะติดเหตุผลต่างๆนานา”
ด้วยความที่เป็นคนเซนส์แรง เธอคิดว่าน่าจะมีสิ่งไม่ชอบมาพากล จึงรวมกลุ่มกับน้องๆ ร่วมทริปขอเงินคืน ปรากฏว่าทำอย่างไรก็ไม่ได้เงินคืน เธอจึงเดินทางไปร้องเรียนทุกที่ จนในที่สุด ทางบริษัททัวร์ยอมคืนเงินให้เธอ แต่ผู้ร่วมชะตากรรมคนอื่นๆ นั้น จนป่านนี้ยังไม่มีค่าชดเชยแม้แต่บาทเดียว
“พอรู้ว่าอย่างไรก็ไม่ได้เงินคืนแน่นอน เราจึงเดินทางไปร้องเรียนทุกที่ ตั้งแต่สื่อมวลชนตำรวจท่องเที่ยวผู้ที่เกี่ยวข้องทุกหน่วย ซึ่งบริษัทนี้มันรู้แล้วว่าพี่เอาจริงเขาจึงยอมคืนเงินมาให้ แต่คนอื่นๆ ที่จ่ายล่วงหน้าไปก่อนหน้านี้ไม่ได้คืนเลยสักบาท ซึ่งรวมมูลค่าไม่ต่ำกว่าร้อยล้านบาท ที่สำคัญ เหยื่อของทัวร์นี้ส่วนใหญ่จะเป็นคนวัยเกษียณ ที่พอจะมีเงินท่องเที่ยวได้ในราคาที่ไม่สูงมากนัก”
นอกจากนี้ เซเลบสาวสูงวัยยังแนะนำเคล็ดลับการจองทัวร์แบบไม่ให้โดนเทด้วยว่า ต้องศึกษาข้อมูลของบริษัทให้ดีและอย่าเห็นแก่ตั๋วราคาถูก เพราะฉะนั้นจะล่อให้เราเข้าไปในกองไฟอย่างง่ายดาย
“ต้องศึกษาดูผลงานของเขาที่ผ่านมาให้ดีว่า บริษัทของเขามีความน่าเชื่อถือขนาดไหน ขนาดพี่ไปกับเขามาตั้ง 2-3 รอบยังโดนหลอกเลย ที่สำคัญ ต้องมาคำนวณให้ดีว่า การเดินทางไปยุโรปต้องใช้เงินประมาณเท่าไหร่ ซึ่งถ้าบริษัททัวร์คิดถูกกว่าที่เราคำนวณไว้มากกว่า 70% ให้คิดไว้ก่อนว่าน่าจะโดนเทอย่างแน่นอน เพราะไปยุโรปใช้เงินแค่หลักหมื่นมันเป็นไปไม่ได้ แถมยังอยู่ดีกินดีอีกต่างหาก แม้เขาจะพาเราไปได้ก็ไม่เกิน 2 ครั้ง เขาก็หลอกให้เราพาคนอื่นเข้าไปติดกับดักของพวกทัวร์เก๊แล้วสูญเงินไปเปล่าๆ”
เช่นเดียวกับ “อ๊อด-อนณ พวงทับทิม” แห่ง THE EDITORS SOCIETY นิตยสารชื่อดัง ก็เคยมีประสบการณ์โดนบริษัททัวร์โกงเงินด้วยเช่นกัน ซึ่งเจ้าตัวเผยว่า เคยซื้อทริปเดินทางไปเที่ยวที่ประเทศรัสเซีย ซึ่งเจ้าของทัวร์ให้จ่ายเงินค่าเดินทางล่วงหน้าเต็มจำนวนก่อนเดินทาง และสุดท้ายก็ไม่ได้เดินทาง แต่ยังโชคดีที่ยังได้เงินคืนกลับมา
“ก่อนที่จะโดนโกงเราเคยไปเที่ยวที่อิหร่านกับบริษัททัวร์นี้มาแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นทัวร์ราคาถูก แต่ดูแลเราดีมาก นั่งเครื่องการบินไทย พักโรงแรมห้าดาว กินอาหารดีๆ ทุกมื้อ พอมารอบที่สองเราเห็นว่าครั้งแรกมันโอเค จึงยอมจ่ายเงินเต็มจำนวนก่อนล่วงหน้าเพื่อจองคิวไปเที่ยว แต่พอถึงวันใกล้จะเดินทางบริษัทก็โทร.มาเลื่อนตลอด จนรู้สึกถึงความไม่ปกติ พี่อีกคนที่เคยไปกับเขามาหลายรอบไหวตัวทัน จึงขอเงินคืน แต่กว่าจะได้เงินคืนเราก็ต้องเสียเวลาอยู่นานพอสมควร แต่ก็ยังมีลูกทัวร์อีกหลายพันคนที่ยังไม่ได้เงินคืนจนถึงป่านนี้ แม้เจ้าของทัวร์เก๊รายนี้จะติดคุกแล้วก็ตาม”
อ๊อดแนะนำว่า ถ้าไม่อยากตกเป็นเหยื่อของบริษัททัวร์เก๊แบบตน ต้องศึกษาหาข้อมูลให้รอบด้าน และจงคิดไว้ก่อนเสมอว่าของถูกและดีไม่มีอยู่จริง
“กลโกงของบริษัททัวร์นี้จะมีความคล้ายคลึงกับแชร์ลูกโซ่ เขาจะเป็นทัวร์ปิดไม่รับลูกทัวร์ที่วอล์กอินเข้ามา จะรับเฉพาะลูกทัวร์ที่มีการบอกต่อกันมา โดยจะนำราคาถูกมาเป็นตัวล่อเหยื่อ ซึ่งครั้งแรกก็จะได้รับการบริการสุดแสนประทับใจกลับไปเพื่อให้เราตายใจ และหลังจากนั้นก็จะหลอกให้เราโอนเงินล่วงหน้าทั้งหมด ซึ่งถ้าเราโชคดีก็จะได้ไปท่องเที่ยวในราคาถูกและดี แต่ถ้าเราโชคร้ายก็อาจจะสูญเงินให้เขาไปแบบไม่ทันตั้งตัว”
ปิดท้ายที่สาวนักเดินทาง “โบว์-มนต์ริสสา ลีนุตพงษ์” แม้จะไม่ได้เจอประสบการณ์โดนเทเหมือนกับคนอื่นๆ แต่เธอก็เจอเหตุการณ์ที่ต้องจ่ายเงินเพิ่มจากบัตรที่พักที่เคยจองไว้สูงถึง 50% เลยก็ว่าได้
“เมื่อต้นปีที่แล้วโบว์จองที่พักกับโรมแรมแห่งหนึ่งที่พัทยา ว่าจะไปเที่ยวกันกับเพื่อนๆ แต่ปรากฏว่าตอนนั้นโควิดในกรุงเทพฯ ระบาดหนักมาก มียอดคนป่วยวันละเป็นหมื่น เราจึงโทร.ไปเลื่อนห้องพัก ซึ่งตอนแรกทางโรงแรมก็จะไม่ยอม แต่ด้วยสถานการณ์บีบบังคับเขาเลยให้เราเลื่อน พอจะออกเดินทางไปเที่ยวเป็นครั้งที่สอง เก็บกระเป๋าเดินทางเสร็จแล้วเพื่อนโทร.มาบอกว่า ครอบครัวเขาติดโควิดซึ่งเขาก็ต้องกักตัวเหมือนกัน และเราอยากให้เพื่อนไปเที่ยวด้วยกัน จึงตัดสินใจโทร.ไปเลื่อนวันเข้าพักกับโรงแรมอีกครั้ง ซึ่งทางโรงแรมก็บอกว่าจะให้เลื่อนครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย
แต่วันที่เราจะจองเข้าพักเป็นวันที่ตรงกับวันหยุดยาว ทางลูกค้าจะต้องจ่ายค่าที่พักเพิ่มอีก 50% ซึ่งอารมณ์นั้นเราก็ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน แต่บัตรห้องพักจะหมดอายุปลายปีนี้แล้ว จึงตัดสินใจจ่ายเพิ่มเพื่อให้ได้เข้าพัก และพาเพื่อนไปฉลองวันเกิดเราที่พัทยาด้วยกัน”
เรียกว่าทุกการเดินทางย่อมไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป นักเดินทางทุกคนต้องตั้งสติ และต้องใช้ความรอบคอบก่อนเดินทาง ในขณะที่ สถานการณ์ทั่วโลกและเมืองไทยกำลังเผชิญกับโรคระบาดที่ยังไม่มีที่สิ้นสุดเช่นนี้
IG:allybunnyrath,bowmonrissa