มิสทิน (MISTINE) แบรนด์ความงามยอดนิยมของไทย จัดการกระตุ้นยอดขายในช่วงเทศกาลช้อปปิ้งระดับโลก 11.11 Global Shopping Festival ที่ผ่านมา โดยใช้แคมเปญการตลาดแบบ 360 องศา ซึ่งช่วยให้ MISTINE มียอดขายสูงสุด ในฐานะผลิตภัณฑ์ความงามไทยที่นำเข้า บนแพลตฟอร์ม Tmall Global ของ Alibaba ในช่วงงานขายยอดนิยมประจำปีนี้
การเข้าถึงการตลาดที่หลากหลายของแบรนด์ MISTINE ดึงดูดกลุ่มผู้บริโภคตามความชอบต่าง ๆ ที่ทันต่อยุคสมัยและชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ที่มาพร้อมตัวเลือกโปรโมชันอันชาญฉลาด เหมาะกับแต่ละกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงช่องทางการเข้าถึงอันหลากหลาย ทำให้สามารถเข้าถึงและครองใจกลุ่มลูกค้าชาวจีนได้อย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ถือเป็นครั้งที่ 6 ที่ MISTINE ได้เข้าร่วมเทศกาลช้อปปิ้ง 11.11 ของ Alibaba ผ่านแพลตฟอร์ม Tmall Global ซึ่ง MISTINE ได้เจาะกลุ่มตลาดหลัก 2 กลุ่ม ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดสำหรับผิวหน้าและผิวกาย และผลิตภัณฑ์สำหรับผิวหน้า เช่น รองพื้นชนิดน้ำและแป้งคุชชัน เป็นต้น เพื่อให้แน่ใจว่าแบรนด์ได้กำหนดเป้าหมายทางการตลาดได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น
แจ็คกี้ โฮ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาแบรนด์และธุรกิจ บริษัท เบทเตอร์เวย์ (ประเทศจีน) จำกัด ผู้จัดจำหน่ายเครื่องสำอางแบรนด์ MISTINE กล่าวว่า “การเพิ่มยอดขายในช่วงเทศกาล 11.11 ไม่ใช่การทำงานแค่วันเดียวแล้วจบไปเท่านั้น แต่เป็นการเตรียมความพร้อมมาตลอดหลายเดือนและหลายสัปดาห์ เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ จะได้รับการยอมรับและความไว้วางใจจากลูกค้าของทุกคน ซึ่งถือเป็นการแข่งขันที่สำคัญของธุรกิจ ที่ต้องแสดงให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์ของเรานั้นโดดเด่น ผ่านการทำแคมเปญทางการตลาดที่หลากหลายและครอบคลุมหลายช่องทางเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าให้ได้มากที่สุด ดังนั้น Tmall Global จึงเป็นแพลตฟอร์มที่เหมาะสำหรับธุรกิจ ด้วยโครงสร้างที่สะดวกต่อการเข้าถึง ส่งผลให้ธุรกิจต่าง ๆ ได้รับโอกาสในการเติบโตและเป็นที่รู้จักมากขึ้นระหว่างช่วงเทศกาลช้อปปิ้งใหญ่ในครั้งนี้”
เทศกาลช้อปปิ้งระดับโลก 11.11 ในปีนี้ ถือเป็นงานช้อปปิ้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยมีแบรนด์กว่า 290,000 แบรนด์ทั่วโลก ที่พร้อมนำเสนอการขายและผลิตภัณฑ์กว่า 14 ล้านข้อเสนอสุดพิเศษ เพื่อมอบให้แก่ลูกค้ากว่า 900 ล้านคนในประเทศจีน ทั้งนี้ MISTINE เป็นหนึ่งในแบรนด์ผลิตภัณฑ์นำเข้ากว่า 29,000 แบรนด์ที่ได้เข้าร่วมบนแพลตฟอร์มของ Tmall Global เพื่อขยายการเข้าถึงในประเทศจีน ผ่านเทศกาล 11.11 ในครั้งนี้ โดย MISTINE เป็นสินค้าจากไทยที่ประสบความสำเร็จจากเป็นที่ต้องการของลูกค้าชาวจีนมากที่สุดในช่วง 11.11 ที่ผ่านมา ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด ได้แก่ ครีมกันแดด รังนก หมอนยางพารา ที่นอนยางพารา และมาสก์หน้า
MISTINE เริ่มเปิดตัวและโปรโมทผลิตภัณฑ์หลักสำหรับการกระตุ้นยอดขายเป็นระยะเวลา 6 เดือนก่อนถึงช่วงเทศกาล ผ่านการใช้กลยุทธ์การส่งเสริมการขายผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ตลอดทั้งปีเพื่อกระตุ้นความต้องการในการซื้อของผู้บริโภค โดยตั้งแต่ก่อน 11.11 MISTINE ได้เริ่มแคมเปญแนะนำสินค้าบนแพลตฟอร์มโซเซียลมีเดีย รวมถึงการใช้เหล่าอินฟลูเอ็นเซอร์ ในระหว่างการขายผ่านช่องทาง live เพื่อสร้างการรับรู้ของแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักหรือสนใจ และเพิ่มยอดขายให้ได้มากขึ้น ส่งผลให้เกิดการกระตุ้นยอดขายแบบปากต่อปาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผลิตภัณฑ์แป้งคุชชันใหม่ ที่ได้รับความสนใจจากลูกค้าเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ MISTINE ยังมุ่งจับกระแส ไลฟ์สไตล์ ‘สีเขียว’ ที่ถือเป็นจุดสำคัญที่กลุ่มลูกค้าชาวจีนให้ความสนใจเป็นอย่างมากในปีนี้ โดยนำเสนอผ่านผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ปลอดภัยต่อผู้คนและธรรมชาติรอบข้าง ซึ่ง MISTINE ส่งเสริมและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ใช้ส่วนผสมที่ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม เช่น ครีมกันแดดที่ปราศจากสารพาราเบน และไม่ทำร้ายปะการัง (paraben-free and reef-safe ingredients) เป็นต้น ทั้งนี้ ครีมกันแดดเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในกลุ่มผลิตภัณฑ์จากไทย โดย MISTINE สนับสนุนสินค้าชนิดนี้สำหรับใช้งานทั้งในร่มและกลางแจ้ง ซึ่งกระตุ้นให้ลูกค้าซื้อคครีมกันแดดที่สามารถมั่นใจได้ว่าจะช่วยป้องกันทั้งแสงสีฟ้าจากจอคอมพิวเตอร์ และแสงยูวีจากกลางแจ้งได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
“เราได้สร้างชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักในหมู่ลูกค้าชาวจีนในฐานะแบรนด์ที่มีคุณภาพและคุ้มค่าต่อการตัดสินใจซื้อ ซึ่งกลยุทธ์ทางการตลาดที่เราใช้ในปีนี้ได้เสริมความแข็งแกร่งในจุดยืนดังกล่าวของเราได้อย่างดี การเติบโตในประเทศจีนถือเป็นเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ของ MISTINE และเราวางแผนที่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและสกินแคร์ตัวใหม่ในปีหน้า สิ่งที่เราต้องคำนึงไว้เสนอคือผู้บริโภคกลายเป็นนักช้อปที่ฉลาด และมองหาความคุ้มค่าที่มาพร้อมคุณภาพระดับพรีเมียม ซึ่งเราได้เรียนรู้แนวทางใหม่ ๆ มากกมายจากเทศกาล 11.11 ในครั้งนี้ และเราตั้งตารอที่จะประสบความสำเร็จต่อไปกับ Tmall Global ในปีหน้า” แจ็คกี้ โฮ กล่าวเสริม