หลังจากเพิ่งอกหักครั้งใหญ่ กับการพลาดแชมป์โลก F1 สมัยที่ 8 ไปแบบน่ากังขา จากการเสียแชมป์ในสนามสุดท้ายเมื่อสุดสัปดาห์ที่กรุงอาบูดาบี ตอนนี้ “ลูอิส แฮมิลตัน” นักขับมือหนึ่งวัย 36 ปีของทีมเมอร์เซเดส ที่ได้บินกลับบ้านเกิด ประเทศอังกฤษ ไปเข้าพิธีรับพระราชทานยศอัศวินจากเจ้าฟ้าชายชาร์ล ที่พระราชวังวินเซอร์ ได้รับตำแหน่งยศหน้านามเป็น “ท่านเซอร์” ตามรอยนักแข่งในตำนานของเมืองผู้ดีอย่าง แจ็กกี้ สจ๊วร์ต, สเตอร์ลิ่ง มอสส์ ฯลฯ
โดยการพลาดท่าเสียแชมป์สนามสุดท้ายที่ทำให้ลูอิส ต้องเสียโอกาสคว้าแชมป์โลกเป็นสมัยที่ 8 เป็นที่ถกเถียงกันในวงกว้างของวงการแข่งรถยนต์ เนื่องจากลูอิสที่ขับนำมาโดยตลอดการแข่งขัน ถูก แม๊กซ์ เวอร์สเตพเพน นักขับคู่แข่งจากทีม เรด บลู ที่กำลังขับเขี้ยวชิงแชมป์โลกกันอยู่ ขับแซงในรอบสุดท้ายเข้าเส้นชัยไป เนื่องจากมีการใช้รถเซฟตี้คาร์เข้ามาเคลียร์สนามจากการเกิดอุบัติเหตุในช่วง 6 รอบสุดท้าย และมีการประกาศจากผู้อำนวยการแข่งขันให้มีรถบางคันสามารถขับแซงรถเซฟตี้คาร์ได้ ทำให้รถของแม๊กซ์ซึ่งเพิ่งแวะเข้าพิทเปลี่ยนยางออกมาใหม่ได้เปรียบเป็นอย่างมาก ส่งผลให้เขาคว้าชัยชนะไปได้ในท้ายที่สุด และคว้าแชมป์โลกสมัยแรกมาครองได้
ซึ่งการตัดสินใจที่เป็นการเลือกปฏิบัติของผู้อำนวยการแข่งขันในครั้งนี้ ทำให้หลายๆ คน ทั้งคนดู หรือแม้กระทั่งนักแข่งเอง ก็เกิดความกังขาเพราะมองว่าใช้อำนาจเหนือกฎการแข่งขัน สร้างให้เกิดการได้เปรียบ เสียเปรียบ อย่างไม่เป็นธรรมเกิดขึ้น ทำให้หลายๆ ฝ่ายออกมาเรียกร้องให้มีการสอบสวนการแข่งขันและการตัดสินใจของผู้มีอำนาจในครั้งนี้ และเกิด Hashtag ออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับลูอิส ติดเทรนด์ร้อนแรงในโลกออนไลน์
การเข้ารับตำแหน่งอัศวินในครั้งนี้ไม่ได้นับเป็นของขวัญปลอบใจ หรือเกี่ยวข้องใดๆ กับดราม่า F1 ฤดูกาลที่ผ่านมา เพราะแท้ที่จริงแล้ว เขาได้รับการประกาศแต่งตั้งให้เข้ารับตำแหน่งอัศวินตั้งแต่เมื่อปลายปีที่แล้ว แต่เนื่องด้วยสถานการณ์โควิด-19 ทำให้พิธีถูกเลื่อนออกไป จนเพิ่งจะมีการจัดงานอย่างเป็นทางการในช่วงนี้ โดยในงานนี้นอกจากลูอิส จะได้รับการยกย่องในฐานะทำชื่อเสียงและเกียรติภูมิให้กับประเทศชาติในด้านการกีฬาแล้ว ยังมีคนดังอีกหลากหลายวงการที่ได้เข้ารับพระราชทานยศและเหรียญเกียรติยศ อย่างเช่น เครก เดวิด เจ้าของเพลง 7 days เองก็ได้เข้ารับเหรียญเครื่องราชฯ ในลำดับขั้น MBE จากด้านสาขาดนตรี