การสืบทอดราชบัลลังก์ในแอฟริกานั้นไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เชื้อสายกษัตริย์ในทวีปนี้ถือว่าร่ำรวยเป็นอย่างมาก พวกเขาควบคุมความมั่งคั่งมหาศาลภายในและนอกชุมชนของตัวเอง ซึ่งนอกจากความมั่งคั่งของบัลลังก์แล้ว พวกเขายังได้รับเชิญให้เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการบริษัทขนาดใหญ่ของประเทศอีก
อย่างเช่นกษัตริย์โอบิ เอ็นนาเอเมกา อะเคเบ แห่งไนจีเรียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ได้เป็นกรรมการบริษัทยูนิลิเวอร์ ไนจีเรีย ที่ผลิตเครื่องอุปโภคบริโภคขนาดใหญ่ รวมทั้งกรรมการธนาคารไดมอนด์ ธนาคารพาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุดในไนจีเรีย เป็นต้น
เช่นเดียวกับกษัตริย์โอบา อะเดโบตุน จีบาดาโบ แห่งไนจีเรียตะวันตกเฉียงใต้ ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานของออนโด บริษัทพลังงานขนาดใหญ่ของไนจีเรีย
ราชวงศ์ชาวแอฟริกาบางพระองค์ ก็ทรงลงทุนในการทำธุรกิจด้วยตัวเอง ซึ่งประสบความสำเร็จได้โดยง่ายด้วยเส้นสายและชื่อเสียง
กษัตริย์โมฮัมเหม็ด ที่ 6 แห่งโมรอกโก
รวย : $2 พันล้าน
ธุรกิจ : การลงทุน
กษัตริย์ที่ร่ำรวยที่สุดในแอฟริกา คือ กษัตริย์โมฮัมเหม็ด ที่ 6 แห่งโมรอกโก ผู้ทรงเป็นกษัตริย์องค์ที่ 27 แห่งแห่งราชวงศ์ ทรง ขึ้นครองบัลลังก์ในเดือนกรกฎาคม 1999 และเริ่มต้นปฏิรูปทางสังคม การเมือง และเศรษฐกิจ ที่ทำให้ราชอาณาจักรมีอิสระและเจริญรุ่งเรืองมากขึ้นกว่ารัชสมัยของราชบิดา พระเจ้าฮัสซันที่ 2
กษัตริย์โมฮัมเหม็ด ที่ 6 ได้กำไรจากการเข้าถือหุ้นในโซซิเอเต นาซิออนาเล แดงเวสติสมองต์ บริษัทโฮลดิ้งด้านการลงทุนขนาดใหญ่ของโมรอกโกที่มีมูลค่าทรัพย์สินมากกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ ยังทรงเป็นเจ้าของแหล่งฟอสเฟตสำรองของโลกอีกด้วย
กษัตริย์โอบา อะเดโบตุน จีบาดาโบ แห่งไนจีเรียตะวันตกเฉียงใต้
รวย : $300 ล้าน
ธุรกิจ : น้ำมัน
ราชาของดินแดน อักโบ ชุมชนเล็กๆ ที่อุดมด้วยน้ำมันในรัฐออนโด ในภูมิภาคตะวันตกเฉียงใต้ของไนจีเรีย กษัตริย์โอบา อะเดโบตุน จีบาดาโบ ขึ้นครองบัลลังก์ในปี 2009 และก่อตั้ง โอบัต ออยล์ ในปี 1981 โดยมีปั๊มน้ำมันเพียงแห่งเดียวเพื่อตอบสนองความต้องการของครอบครัวและชุมชนใกล้เคียง ปัจจุบัน โอบัต ออยล์ เป็นหนึ่งในบริษัทการค้าน้ำมันเอกชนรายใหญ่ที่สุดของไนจีเรีย และเป็นเจ้าของสถานีบริการน้ำมันมากกว่า 50 แห่งทั่วไนจีเรีย นอกจากนี้ เขายังเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์และที่อยู่อาศัยชั้นนำมากมายในลอนดอน และไนจีเรีย ซึ่งรวมถึงโรงแรมและห้างสรรพสินค้า Febson Hotels and Mall ในย่านศูนย์กลางธุรกิจของอาบูจา
กษัตริย์มิสวาติ ที่ 3 แห่งสวาซีแลนด์
รวย : $50 ล้าน
ธุรกิจ : การลงทุน
กษัตริย์องค์สุดท้ายของสวาซีแลนด์ ก่อนที่พวกเขาจะเปลี่ยนชื่อปะเทศเป็นราชอาณาจักรเอสวาตินี พระองค์ทรงรับเงินเดือนประจำปี 50 ล้านดอลลาร์จากรัฐบาล นอกจากนี้ ยังเป็นเจ้าของ บริษัทโฮลดิ้งด้านการลงทุนที่มีทรัพย์สินมูลค่ากว่า 140 ล้านดอลลาร์ กษัตริย์มิสวาติ ที่ 3 เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องความสัมพันธ์ของเขากับผู้หญิง (เขามีสนมอย่างน้อย 15 คนในการนับครั้งสุดท้าย) แม้ว่าอัตราความยากจนในสวาซิแลนด์จะทวีความรุนแรงขึ้น มากกว่า 65% ของประชากรของสวาซิแลนด์ได้รับน้อยกว่า 1.25 ดอลลาร์ต่อวัน ในขณะที่อัตราการว่างงานสูงถึง 40% แต่ราชวงศ์อย่างพระองค์ยังคงไม่ได้รับผลกระทบใดๆ
กษัตริย์กู๊ดวิลล์ ซเวลิตินี คาเบห์คูซูลู แห่งแอฟริกาใต้
รวย : $19 ล้าน
ธุรกิจ : การลงทุน
กษัตริย์ของกลุ่มซูลู กลุ่มชาติพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดในแอฟริกาใต้ เขาได้รับเบี้ยเลี้ยงปีละ 6 ล้านดอลลาร์ เพื่อดูแลราชวงศ์ นอกจากนี้ ยังได้รับเงินช่วยเหลือมากมายรวมถึงสิ่งฟุ่มเฟือยต่างๆ อย่างเครื่องบินส่วนตัว ซึ่งพระองค์ทรงเดินทางอย่างเพลิดเพลินอยู่เป็นประจำ โดยความฟุ่มเฟือยเหล่านั้นจะถูกหักออกจากรายได้ที่เกิดจากการเก็บภาษีในแอฟริกาใต้ด้วยมูลค่าสุทธิมหาศาลของเขา
กษัตริย์โอตูมฟูโอ ตูตู ที่ 2 แห่งกาน่า
รวย : $14 ล้าน
ธุรกิจ : เหมือง, จิวเวลรี, อสังหาริมทรัพย์
ราชาแห่งอาณาจักรอาซันเตที่อุดมด้วยทองคำของกาน่า เขาขึ้นครองบัลลังก์ในปี 1999 และทำหน้าที่เป็นหัวหน้าฝ่ายการเมืองและจิตวิญญาณของชาวอาซันเต กษัตริย์โอตูมฟูโอ ตูตู ที่ 2ก่อตั้งทรานสปอเมค กาน่า ในปี 1989 เป็นบริษัทจัดหาอุปกรณ์การทำเหมืองให้กับบริษัทอุตสาหกรรมขนาดใหญ่หลายแห่งในกาน่า พระองค์ยังทรงเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ที่กว้างขวางในประเทศกานาและแอฟริกาใต้ ตลอดจนคอลเลกชั่นมงกุฎทองคำอันล้ำค่าอีกด้วย
