ได้เกิดในครอบครัวที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ถือเป็นของขวัญแห่งความมั่งคั่งสุดขีด ต้องขอบคุณคนรุ่นก่อน ๆ ที่มีแนวคิดนวัตกรรมให้คนรุ่นหลังสืบทอด และขยายความมั่งคั่ง ให้มรดกแห่งความหรูหราดำเนินต่อไป
:: ครอบครัววอลตัน
รวย: 238.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
กิจการ: วอลมาร์ท (เมกะสโตร์/ค้าปลีก)
ครอบครัววอลตัน หรือบ้านวอลมาร์ท นับว่าเป็นครอบครัวที่สร้างรายได้จากการเป็นผู้ค้าปลีกสูงที่สุดในโลก
วอลมาร์ท ก่อตั้งขึ้นในปี 1962 ในรัฐอาร์คันซอส์ โดยแซม วอลตัน เขามีลูก 4 คนกับภรรยา เฮเลน ร็อบสัน ได้แก่ ร็อบ จอห์น จิม และอลิศ จากรายงานของเว็บไซต์บิสเนส อินไซเดอร์ ครอบครัววอลตันใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย เมื่อเทียบกับทรัพย์สินความร่ำรวยของพวกเขา
จะมีก็แต่ลูกชายคนโต ร็อบ ที่ออกจะมีรสนิยมหรูหรา เขาสะสมรถวินเทจเอาไว้จำนวนมาก ขณะที่ อลิศ ที่ไม่มีส่วนในการบริหารวอลมาร์ทเลย ทว่าเลือกทำในสิ่งที่เธอสนใจ อย่างงานศิลปะ แหล่งข่าวใกล้ชิดรายงานว่า เธอมีคอลเลกชันผลงานหายากของแอนดี วอร์ฮอล์ และจอร์เจีย โอคีฟ เก็บเอาไว้มากมาย
:: ครอบครัวมาร์ส
รวย: 141.9 พันล้าน
กิจการ: ขนมหวาน/กลุ่มสินค้าสัตว์เลี้ยง
ย้อนไปในปี 1911 แฟรงค์ มาร์ส เริ่มต้นขายช็อกโกแลตแท่งที่ทำจากครัวบ้านเขาเองในทาโคมา วอชิงตัน ทว่า ในปัจจุบัน ร้านค้าทุกแห่งทั่วโลกจะต้องมีขนมของพวกเขาวางขาย ไม่ว่าจะเป็น มาร์ส เอ็ม แอนด์ เอ็ม มิลกี้ เวย์ หรือ สนิกเกอร์ส
ขณะที่ผลิตภัณฑ์ดูแลสัตว์เลี้ยงก็ไปได้สวยเช่นกัน จนตอนนี้กลายเป็นครึ่งหนึ่งของรายได้บริษัท แม้ว่าจะเพิ่งมาดำเนินกิจการนี้ไม่นานนัก
โดยปกติครอบครัวมาร์ส ถูกเรียกว่าเป็นตระกูลธุรกิจ ‘เครมลิน’ เพราะพวกเขาสงวนความเป็นส่วนตัวมาก ไม่ค่อยเปิดเผยความร่ำรวยสักเท่าไหร่ กระทั่ง แจ๊กเกอลีน มาร์ส เคยเข้าไปพัวพันกับอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยรถปอร์เช เอสยูวีของเธอ พุ่งไปชนรถแวนคันหนึ่งที่มีสาวท้องแก่อยู่ในรถ และเธอต้องชดชเชยค่าเสียหายเป็นเงินมหาศาล นั่นเป็นครั้งแรกที่มีการเปิดเผยรายได้ของผู้บริหารมาร์ส
:: ครอบครัวโค้ค
รวย: 124.4 พันล้าน
กิจการ: โค้ค อินดัสทรีส์
สี่พี่น้องโค้ค รับมรดกบริษัทน้ำมันมาจากรุ่นบิดาในทศวรรษที่ 1980 โดยมี 2 พี่น้อง เฟรเดอริกและวิลเลียม ที่ออกมาตั้งบริษัทของตัวเอง ทิ้งให้ เดวิด และชาร์ลส์ บริหารบริษัทน้ำมันต่อไป โดยบริษัทใหม่เอาเงินไปลงทุนในหลายกิจการ ทั้งทำฟาร์ม ทำโรงงานผลิตสินค้า และลงทุนในหุ้น
นอกจากนี้ ทั้งสี่พี่น้องยังใช้ที่ดิน อันเป็นมรดกครอบครัวให้เกิดประโยชน์ นอกที่ที่ดินมหาศาลในวิชิตาแล้ว พวกเขายังมาลงทุนในย่านกลางเมือของนิวยอร์กเอาไว้มากมาย
:: ครอบครัวแอร์เมส
รวย: 111.6 พันล้าน
กิจการ: แอร์เมส (สินค้าแฟชัน)
เศรษฐีทุกคนในโลกนี้จะต้องมีกระเป๋าเบอร์กิ้น หรือไม่ก็กระเป๋าแอร์เมส ลิมิเด็ต อิดีชันรุ่นอื่นๆ นั่นทำให้ครอบคัวแอร์เมสร่ำรวยติดอันดับโลก
ในปี 1837 ติเยร์รี แอร์เมส เริ่มทำเครื่องประดับขับขี่ม้าสำหรับบรรดาไฮโซ พอปี 1978 ก็พัฒนามาเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องหนังสุดหรูหรา จนกลายเป็นสินค้าที่คนมีเงินเต็มใจจะจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อที่จะได้เป็นเจ้าของ ปัจจุบัน เอ็กเซล ดูมาส์ เป็นผู้บริหารรุ่นที่ 6 ของตระกูล
:: ครอบครัวอัล ซาอุด
รวย: 100 พันล้าน
กิจการ: น้ำมัน
ครอบครัวอัล ซาอุด คือเจ้าผู้ปกครองประเทศซาอุดิอาระเบีย พวกเขาร่ำรวยเพราะมีทรัพยากรน้ำมันในกำมือ โดยผู้บริหารคือเจ้าฟ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน โอรสในกษัตริย์ซัลมาน
นอกจากสะสมงานศิลปะชั้นนำของโลก ทั้งของเลโอนาร์โด ดา วินชี และซัลวาดอร์ มุนดี แล้ว เจ้าฟ้าชายโมฮัมเหม็ด ยังไปซื้อปราสาทในฝรั่งเศส และเรือยอชต์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย
:: ครอบครัวอัมบานี
รวย: 93.7 พันล้าน
กิจการ: รีไลแอนซ์ (ค้าปลีก/โทรคมนาคม)
ความมั่งคั่งของครอบครัวอัมบานีอยู่ที่ธุรกิจ รีไลแอนซ์ อินดัสทรีส์ ซึ่งเริ่มต้นโดย ทิรุภาอิ อัมบานี จนหลังจากที่เขาเสียชีวิตในปี 2002 ลูกชายสองคนของเขา อนิล และ มูเคช ต้องต่อสู้เพื่อครอบครองกิจการที่บิดาไม่ได้ทำพินัยกรรมเอาไว้ ในที่สุด โกกิลาเบน แม่ของพวกเขาก็เข้ามาช่วยให้พวกเขาตกลงแบ่งสมบัติกันได้ โดยแยกธุรกิจไปตามทางของตัวเอง
ตั้งแต่นั้นมา ฝั่งบ้านมูเคช รวยขึ้นอย่างที่คาดไม่ถึง ขณะที่ อนิล ประสบปัญหาหนี้สินมากขึ้น ลูกๆ ของพวกเขาก็มีส่วนร่วมในธุรกิจครอบครัวเช่นกัน โดยถูกคาดหวังให้สานต่อกิจการ ต่อยอดความร่ำรวยต่อไป