สาวน้อยผิวสี รูปร่างบอบบาง มีลักษณะที่เรียกว่า ‘เอกโซติก’ เป็นที่นิยมในราว 2 ทศวรรษก่อน อเลค เวค จึงกลายเป็นตัวแทนบอกเล่าเรื่องราวของผู้ลี้ภัย ผ่านการเป็นนางแบบระดับโลกของเธอ และ ณ เวลานี้ เธอได้อาศัยชื่อเสียงบนเวทีแฟชัน ในการทำงานด้านสิทธิมนุษยชน
ตอนที่อเลคตกเป็นข่าวพาดหัวครั้งแรกเมื่อกลางทศวรรษที่ 1990 เธอเป็นนางแบบที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร “นั่นคือสิ่งที่ฉันเข้าใจเป็นเรื่องแรกๆ เลย หลังจากที่เริ่ทอาชีพนางแบบ” อเลค ย้อนเล่าว่า ในตอนนั้นมีนางแบบผิวสีอยู่น้อยมาก “นอกจากนาโอมิ แคมป์เบลล์ แล้ว ก็มีแต่นางแบบผิวขาว ผมบลอนด์ทั้งนั้น นางแบบผิวสีเป็นสิ่งที่แปลกประหลาด การที่แบรนด์จะใช้นางแบบผิวสีเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ปึงปังมาก แล้วถ้าพูดถึงรายละเอียดอื่นๆ อีก อย่าง ผมยาวสลวยของนางแบบผิวขาว ซึ่งตรงข้ามกับเธอที่โกนผมเกลี้ยง” อย่างไรก็ตาม อเลคบอกว่า เธอไม่อายในรูปลักษณ์ที่ได้มาแต่เกิดของตัวเอง
หลังจาก 2-3 ปี ที่พยายามหนีจากสงครามกลางเมืองในบ้านเกิดทางตอนใต้ของซูดาน อเลค เวค ก็อพยพมายังกรุงลอนดอนได้สำเร็จในฐานะผู้ลี้ภัย “ฉันรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากๆ ฉันได้รับโอกาสดีๆ มากมาย และได้การสนับสนุนจากคนใจดีทั้งหลาย ซึ่งฉันจะพยายามใช้โอกาสนี้ในการสร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ ฉันไม่เข้าใจเสมอมาว่า ทำไมความแตกต่างของรูปลักษณ์ภายนอกจึงได้มีความหมายต่อคนส่วนใหญ่นัก ในเมื่อฉันมีเวทีที่จะพูด ฉันก็จะพูดแบบเปิดอกละนะ เกี่ยวกับเรื่องนี้”
อเลค ย้อนเล่าเรื่องราวเมื่อ 25 ปีก่อน ตอนที่เธออายุราวๆ 20 และเพิ่งจะเข้าวงการนางแบบใหม่ๆ เธอบอกว่า อยากจะมีความกล้าที่จะพูดอย่างที่คิด โดยเธอไปออกรายการของโอปราห์ วินฟรีย์ และพิธีกรคนดังบอกเธอว่า “ถ้าตอนฉันเด็กๆ แล้วมีคนอย่างคุณอยู่ในแมกกาซีนเหมือนตอนนี้ ฉันคงมีวัยผู้ใหญ่ที่แตกต่างไปแน่ๆ เลย” หลังจากนั่งนิ่งๆ เป็นเวลานาน อเลคก็ตอบไปว่า “นั่นมันนานมาแล้วสินะ” ในขณะที่ในใจของนางแบบสาวคิดว่า รูปลักษณ์ภายนอกเป็นประเด็นที่มักจะถูกหยิบยกขึ้นมาพูดราวกับเป็นจุดเริ่มของปัญหาสังคม “เรามีหลายสิ่งที่ยังต้องถกเถียงกันไม่เลิก เพราะว่าเราไม่มองทุกคนว่าเป็นมนุษย์เท่าๆ กัน”
หลังจาก 25 ปี ที่อเลค ยึดอาชีพนางแบบ ไปพร้อมๆ กับการอาศัยชื่อเสียงในการเข้าร่วมรณรงค์ในหลายแคมเปญสิทธิมนุษยชน รวมทั้งร่วมเดินขบวนในหลายๆ การเรียกร้อง ทุกวันนี้ เธอจะเลือกรับงานเพียงบางชิ้น แต่ไปทุ่มเทให้การช่วยเพื่อนมนุษย์มากกว่า “ฉันจะเลือกเฉพาะแบรนด์ที่มีความผูกพันเท่านั้นในตอนนี้ อย่าง มูแกลร์ คาโรลีนา แอร์เรเรา มาร์ค เจค็อบส์ หรือไมเคิล คอรส์ เพราะอยากให้เวลากับงานด้านสิทธิมนุษยชนมากขึ้น
“ตอนนี้ฉันรับเป็นทูตอย่างเป็นทางการของ UNHCR ที่เข้าช่วยในโครงการสร้างความตระหนักรู้ปัญหาผู้ลี้ภัยและเรื่องสิทธิมนุษยชนโดยตรง แน่นอนว่า ฉันไม่เคยลืมสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของตัวเอง และไม่เคยลืมว่าตัวเองมาจากไหน ฉันต้องระหกระเหมาจากบ้านเกิดเมืองนอนอย่างไร สิ่งนี้อาจจะเกิดขึ้นกับใครก็ได้”
ในยามว่าง อเลค ชื่นชอบการวาดภาพ ซึ่งเป็นงานอดิเรกที่เธอชอบมาตั้งแต่เด็ก แต่คิดว่าตอนนี้หลายๆ คนอาจจะรู้ถึงความสามารถด้านนี้ของเธอบ้างแล้ว เพราะล่าสุด เรื่องนี้ได้รั่วไหลสู่สาธารณะ จนกลายเป็นที่มาของแคปซูลคอลเลคชันใหม่ของแมกซ์มารา ที่นำเอาลวดลายจากภาพดรอว์อิงของเธอมาพิมพ์บนลายผ้า โดยมีอเลคเป็นแบบให้เองด้วย “ตอนที่เห็นผลงานศิลปะของตัวเองกลายเป็นเสื้อผ้า มันน่าอัศจรรย์มากเลย”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อเลค เวค เข้าสู่เวทีของการออกแบบแฟชัน เมื่อไม่กี่ปีก่อนเธอเคยออกแบบกระเป๋าถือ เวค 1933 ด้วยแรงบันดาลใจจากกระเป๋าเอกสารของพ่อ ที่เป็นศาสตราจารย์ในซูดาน ซึ่งเสียชีวิตระหว่างลี้ภัยสงคราม “ความร่วมมือครั้งใหม่อาจจะปลุกความคิดสร้างสรรค์ และความสามารถด้านศิลปะของฉันขึ้นมาอีกครั้ง”