“เพื่อน ผู้เป็นแบบอย่าง ที่ปรึกษา...มันคือความงดงามของการร่วมมือกัน” คิม โจนส์ อาร์ทิสติกไดเรกเตอร์ คอลเลกชั่นกูตูร์และคอลเลกชั่นเสื้อผ้าสำหรับสุภาพสตรีของเฟนดิ (Fendi) เกริ่น
อ่าน Headline แล้วอาจจะต้องตั้งสติแล้วทำความเข้าใจกันยกใหญ่ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับวงการแฟชั่นโลก เมื่อสองแบรนด์แฟชั่นที่เป็นซูเปอร์แบรนด์มา Cross กันไปมาเช่นนี้
“เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของแฟชั่น ที่ดีไซเนอร์สองคนได้สร้างบทสนทนาที่สร้างสรรค์อย่างแท้จริงซึ่งเกิดจากความเคารพและมิตรภาพ ทำให้เราสลับบทบาทกันเพื่อสร้างคอลเลกชั่นทั้งสองนี้ขึ้น” โดนาเทลล่า เวอร์ซาเช่ ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์แบรนด์เวอร์ซาเช่ (Versace) ขยายความ
นี่ไม่ใช่งานคอลลาบอเรชั่น...แต่เป็นการร่วมกันระหว่างเฟนดิ และเวอร์ซาเช่ สองแฟชั่นเฮาส์ระดับตำนาน หรือจะกล่าวให้ถูกต้องก็คือ สองกลุ่มคนที่มีความโดดเด่นที่ได้นำพาเรามาสู่ช่วงเวลาอันเป็นที่น่าจดจำของแฟชั่นในครั้งนี้ มันเป็นทั้งการเฉลิมฉลองแฟชั่นของอิตาลีและการขอไม่สนใจใยดีกับสิ่งที่ทำให้โลกปั่นป่วนอยู่ในตอนนี้ เพื่อร่วมกันสร้างสรรค์เฟนแดนซ์ (Fendace : Fendi + Versace) ให้เป็นแฟชั่น โดยที่ตัวอักษร F และ V มีความหมายถึงอิสรภาพ ความสนุกสนาน และฝีมืองานสร้างสรรค์อันสุดพิเศษ
ครั้งนี้เป็นการก้าวข้ามการทำงานของแบรนด์ลักชัวรี่ที่อยู่ต่างบริษัทกัน แต่มาทำงานร่วมด้วยกันเพราะมิตรภาพและความเคารพในวิชาชีพซึ่งกันและกัน โดยการทำงานในครั้งนี้ของเฟนแดนซ์ ก็คือ การสลับบทบาทและแลกเปลี่ยนกัน และเป็นครั้งแรกที่ทั้ง โดนาเทลล่า เวอร์ซาเช่ และซิลเวีย เวนตูรินิ เฟนดิ ต้องก้าวออกจากแฟชั่นเฮาส์ของตนเอง มาทำงานภายใต้วิสัยทัศน์ของอีกแฟชั่นเฮาส์หนึ่ง โดยที่มีคิม โจนส์ เป็นผู้คอยชี้แนะแนวทาง
คิม โจนส์ และซิลเวีย เวนตูรินิ เฟนดิ จะเป็นผู้ออกแบบเสื้อผ้าสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษของเวอร์ซาเช่ ในขณะที่โดนาเทลล่า เวอร์ซาเช่ จะเป็นผู้ออกแบบงานทั้งหมดของเฟนดิ โดยทั้งสองแฟชั่นเฮาส์ได้เปิดคลังผลงานในอดีตให้แต่ละฝ่ายสามารถเข้าถึงได้อย่างเต็มที่ จนเกิดเป็นการผสมผสานข้ามเอกลักษณ์ของแบรนด์ โดยนำเอาองค์ประกอบของแต่ละแบรนด์มาผสมผสานไว้ด้วยกัน แต่ก็ยังคงเอกลักษณ์อันเป็นหัวใจหลักของแต่ละแฟชั่นเฮาส์เอาไว้ในขณะที่ก็เปิดกว้างให้ดีไซเนอร์ได้เป็นตัวของตัวเองในการสร้างสรรค์ผลงานในครั้งนี้ ก่อให้เกิดผลงานที่ทำไปด้วยความเคารพในพื้นฐานของแต่ละแบรนด์และความไว้วางใจซึ่งกันและกันเท่านั้น จนเกิดเป็นเฟนแดนซ์ในที่สุด ซึ่งเกิดมาจากการความซื่อสัตย์จริงใจอันเป็นสิ่งที่โลกแฟชั่นในปัจจุบันต้องการ มากกว่าจะเป็นกลยุทธ์ทางการตลาด
คอลเลกชั่นนี้ได้แรงบันดาลใจจากช่วงกลางจนถึงปลายของยุค 90s อันเป็นช่วงเวลาอันโดดเด่นของแฟชั่นเฮาส์แห่งนี้ เวอร์ซาเช่ บาย เฟนดิ นำเสนอแนวคิดเรื่องทวิลักษณ์ เห็นได้จากการนำเอาลายโมโนแกรมของเฟนดิมาหลอมรวมเข้ากับลวดลายสไตล์กรีกอันเป็นเอกลักษณ์ของเวอร์ซาเช่ ในขณะที่เนื้อผ้าก็เป็นผ้าสองด้านที่สามารถสวมใส่แบบกลับด้านได้ โดยมีการซุกซ่อนเอกลักษณ์ในงานออกแบบที่แสดงให้เห็นถึงฝีมือเชิงช่างของเหล่าเอเตลิเยร์ของเฟนดิไว้ด้วย ดังเช่น ผ้าทอด้วยโซ่อันเป็นเอกลักษณ์ของเวอร์ซาเช่ในครั้งนี้ก็ทำด้วยหนังอันเป็นความเชี่ยวชาญของเฟนดิ
ในขณะที่เฟนดิ บาย เวอร์ซาเช่ นั้น นำเอาสไตล์พังก์ร็อกมาใช้ในการสร้างสรรค์คอลเลกชั่น ซึ่งโดนาเทลล่า เวอร์ซาเช่ ได้แรงบันดาลใจมาจากสถานการณ์โลกในปัจจุบัน โดยใช้เข็มกลัดเวอร์ซาเช่เจาะผ่านสัญลักษณ์อันเป็นเอกลักษณ์ของเฟนดิ ในขณะที่ผ้าทอโซ่อันเป็นเอกลักษณ์ของเวอร์ซาเช่ถูกนำมาผสมผสานกับลูกไม้และคริสตัลที่ทำเป็นลายโมโนแกรมตัว F ของเฟนดิ ส่วนผ้าแพรไหมถูกนำมาใช้เพื่อเลียนแบบผ้าเดนิมและขนแกะที่มีการตัดแต่งเพื่อแสดงถึงเอกลักษณ์ของเฟนดิในแบบที่ดูเด็กลงและดูขบถมากขึ้น