เกิดมาเป็นลูกมหาเศรษฐีส่วนใหญ่ พวกเขาก็มักจะได้รับมรดกมหาศาลจากพ่อแม่ที่ร่ำรวย แต่เจ้าพ่อธุรกิจระดับโลกหลายคน ไม่ว่าจะบิล เกตส์ หรือเทด เทอร์เนอร์ เขาคิดอีกแบบหนึ่ง แทนที่จะวางแผนรักษาความมั่งคั่งไว้ให้ลูกให้หลานในครอบครัว พวกเขากลับวางแผนที่จะบริจาคเงินอันมหาศาลที่มีไปให้การกุศล โดยต้องการสอนลูก ๆ ให้รู้จักคุณค่าของการทำงานหนัก
เทด เทอร์เนอร์ : รวย 2,300 ล้านดอลลาร์
เจ้าพ่อวงการสื่อผู้ก่อตั้งสถานีซีเอ็นเอ็น ได้ลงนามใน เดอะ กีฟวิง เพล็ดจ์ แคมเปญที่ส่งเสริมให้เศรษฐีบริจาคทรัพย์สินส่วนใหญ่ของพวกเขาเพื่อการกุศล โดยได้บริจาคเงิน 1,000 ล้านดอลลาร์ให้กับสหประชาชาติ
ตัวเทดเองเริ่มทำงานตั้งแต่อายุยังน้อย โดยรับช่วงจากพ่อเจ้าของธุรกิจป้ายโฆษณา เทอร์เนอร์ เอาต์ดอร์ แอดเวอร์ไทซิง หลังจากที่พ่อเสียชีวิต ปี 1963 เขาทำเงินได้ 7,500 ล้านดอลลาร์ในปี 1996 จากการขาย เทอร์เนอร์ บรอดคาสติง ให้ไทม์ วอร์เนอร์
เทด เทอร์เนอร์ ผ่านการแต่งงานและหย่าร้างมาแล้ว 3 ครั้ง (ที่โด่งดังที่สุดคือ การแต่งกันนักแสดง เจน ฟอนดา) เขามีทายาท 5 คน ที่จะอดสืบทอดมรดกส่วนใหญ่ของเขา เนื่องจากเขาได้บริจาคเงินมากกว่าครึ่งหนึ่งเพื่อการกุศลไปแล้ว
ผู้ก่อตั้งซีเอ็นเอ็น ยังเป็นเจ้าของที่ดินที่ใหญ่เป็นอันดับสองในอเมริกา (ราวๆ 2 ล้านเอเคอร์) ซึ่งเขาใช้ที่ดินเหล่านั้นเพื่อทำฟาร์มปศุสัตว์เพื่อพัฒนาให้เนื้อวัวกระทิงเป็นที่นิยมอีกครั้ง โดยอาศัยพื้นที่ขนาดมหึมารวบรวมฝูงสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก นอกจากนี้เขายังมีร้านสเต๊กชื่อ เทดส์ มอนทานา กริลล์ ซึ่งแน่นอนว่า จานเด็ดคือ เนื้อกระทิงนั่นเอง
รี้ด แฮสติงส์ : รวย 5,700 ล้าน
ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของเน็ตฝลิกซ์ ที่บอกว่า คู่แข่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนแพลตฟอร์มสตรีมมิงของเขา มีแค่ การนอนหลับ เท่านั้นแหละ
จากจุดเริ่มต้นพนักงานขายตามบ้าน วิศวกรอาชีพร่วมก่อตั้งเน็กฝลิกซ์ขึ้นมากับ มาร์ค แรนดอล์ฟ ในปี 1997 จนตอนนี้บริษัทมีมูลค่ามหาศาล
ทุกวันนี้ รี้ด ใช้เวลาว่างเหมือนเราๆ มีวันพักผ่อนวันหยุดประจำปี และดูเน็ตฝลิกซ์ในตอนเย็น นอกจากนี้ เขายังสนุกกับการใช้เวลากับภรรยา แพทริเชีย ควิลลิน และลูก 2 คน รวมทั้งสัตว์เลี้ยงของพวกเขา ซึ่งรวมถึงแพะแคระไนจีเรียสองสามตัว
เมื่อเร็ว ๆ นี้ รี้ด บริจาคเงิน 120 ล้านดอลลาร์ ให้กับมหาวิทยาลัยประวัติศาสตร์คนผิวดำของอเมริกา นอกจากนี้ เขายังได้สร้างกองทุน 100 ล้านดอลลาร์ ที่มูลนิธิชุมชนซิลิคอนแวลลีย์ ซึ่งเน้นด้านการศึกษา รวมทั้งลงนามบริจาคเงินในแคมเปญเดอะ กีฟวิง เพล็ดจ์ด้วย
จอร์จ ลูคัส : รวย 7,300 ล้าน
ไม่นานหลังจากที่ผู้สร้าง Star Wars ขาย ลูคัสฟิล์ม ให้กับ ดิสนีย์ เขาก็ออกมาบริจาคเงินส่วนใหญ่จากการขายที่มีกำไร ราว 4,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อการศึกษา
จอร์จ ได้กล่าวในแถลงการณ์ว่า “การศึกษาเป็นกุญแจสำคัญในการอยู่รอดของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เราต้องวางแผนเพื่ออนาคตร่วมกัน ซึ่งขั้นตอนแรกเริ่มต้นด้วยเครื่องมือทางสังคม อารมณ์ และปัญญาที่เรามอบให้กับลูกหลานของเรา”
จอร์จ ลูคัส ยังออกมาให้คำมั่นว่า จะมอบทรัพย์สมบัติครึ่งหนึ่งให้กับการกุศล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ เดอะ กีฟวิง เพล็ดจ์ เช่นกัน
ผู้ก่อตั้ง ลูคัสฟิล์ม มีลูก 4 คน 3 คนเป็นบุตรบุญธรรม และคนที่ 4 ก็เกิดจากการตั้งครรภ์แทน โดยเพื่อสานต่อเป้าหมายด้านการศึกษาของเขา จอร์จยังได้สร้างมูลนิธิการศึกษาจอร์จ ลูคัส ขึ้นมาแสดงจุดยืนอย่างชัดเจน
ลอร์เรน เพาเวลล์ จ๊อบส์ : รวย 22,000 ล้าน
ลอร์เรน เพาเวลล์ จ๊อบส์ ได้รับมรดกมหาศาลหลังจากการเสียชีวิตของสามี สตีฟ จ๊อบส์ ผู้ก่อตั้ง บริษัท แอปเปิล มูลค่า 10,200 ล้านในปี 2011
ได้ชื่อว่าเป็น มหาเศรษฐี แต่ ลอร์เรน บอกว่า เธอไม่เชื่อเรื่องการสะสมความมั่งคั่ง “ความสัมพันธ์ของฉันกับเงิน คือการเป็นเครื่องมือแห่งความพอเพียง นั่นไม่ใช่สิ่งที่เป็นตัวตนของฉัน”
ลอร์เรน จึงอุทิศชีวิตของเธอเพื่อการกุศล โดยนำมรดกที่ได้รับมาจากสามีออกมาบริจาค “อย่างมีประสิทธิภาพ ในรูปแบบที่ช่วยยกระดับบุคคลและชุมชนอย่างยั่งยืน” เธอได้ก่อตั้ง เอมเมอร์สัน คอลเลกทีฟ Emerson ขึ้นในปี 2004 โดนตั้งใจให้เป็นองค์กรเพื่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคม ที่มุ่งเน้นด้านการศึกษา การย้ายถิ่นฐาน และความยุติธรรมทางสังคม
ลอร์เรนกับสตีฟ มีลูก 3 คน รวมทั้ง ลิซา เบรนแนน-จ๊อบส์ ลูกสาวของสตีฟจากความสัมพันธ์ครั้งก่อน ซึ่งลิซา เคยให้สัมภาษณ์ว่า หลังจากบิดาเสียชีวิต เขาก็ทิ้งมรดกเอาไว้ให้ลูกๆ พอสมควร แต่ไม่ได้เป็นทรัพย์สมบัติส่วนใหญ่ของเขา
วอร์เรน บัฟเฟตต์ : รวย 100,800 ล้าน
วอร์เรน บัฟเฟตต์ เคยกล่าววลีเด็ดๆ ว่า ต้องการให้ลูกๆ ของเขาได้รับมรดก “เพียงพอที่พวกเขาจะลืมตาอ้าปากได้ แต่ไม่มากจนให้นอนบนกองเงินกองทองแล้วไม่ต้องทำอะไรไปตลอดชาติ”
ซีอีโอของเบิร์กไชร์ เฮตาเวย์ แน่นอนว่า ได้ลงนามในแคมเปญ เดอะ กีฟวิง เพล็ดจ์ ร่วมกับ บิล เกตส์ โดยเขาได้ให้คำมั่นสัญญาว่า จะบริจาคเงินรายได้มากกว่า 99% ให้กับการกุศล โดยเหลือไว้สำหรับลูกๆ ของเขาเพียง 1% เท่านั้นเอง ซึ่งดูระดับความรวยของเขาแล้ว 1% ก็พอไม่รู้จะพอยังไงแล้ว
บิล - เมลินดา เกตส์ : รวย 133,200 ล้าน
เฉพาะตัว บิล เกตส์ คนเดียว ก็ร่ำรวยถึง 129,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่อดีตภรรยาของเขา รวยอีก 5,700 ล้าน โดยผู้ร่วมก่อตั้งไมโครซอฟต์ ได้โอนหุ้นมูลค่ากว่า 3,000 ล้านดอลลาร์ให้เมลินดา หลังการหย่าร้างในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เพียงพอที่จะทำให้เธอเป็นหนึ่งในคนที่ร่ำรวยที่สุดในโลก
แม้ว่าจะหย่าร้างกันไปแล้ว แต่พวกเขายังมีมิตรภาพที่ดีต่อกัน โดยมูลนิธิบิล แอนด์ เมลินดา เกตส์ ซึ่งพวกเขาเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2000 ยังคงทำหน้าที่ด้านการกุศลต่อไป
สำหรับมรดกที่ บิลกับเมลิดาเตรียมไว้ให้ลูกๆ นั้น พวกเขาเคยให้สัมภาษณ์ว่า ได้เตรียมเงินไว้ให้ลูกๆ คนละ 10 ล้านดอลลาร์ ก็พอ “การให้เงินจำนวนมหาศาลแก่เด็กๆ ไม่เป็นประโยชน์สำหรับพวกเขา" ซึ่งเขาบอกว่า เมลินดาก็เห็นด้วยกับแนวคิดนี้
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้อาจจะไม่เหมือนเดิมแล้ว หลังจากการหย่าร้าง แหล่งข่าววงในบอกว่า เมลินดาเตรียมจะยื่นฟ้องหย่า เป็นนัยว่า เธอต้องการเปลี่ยนเรื่องการรับมรดกของลูก 3 คนของเธอ
มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก : รวย 137,300 ล้าน
ทุกวันนี้เราคงจินตนาการไม่ออกแล้วว่า หากโลกนี้ไม่มีเฟซบุ๊กจะเป็นอย่างไร มาร์ก เองก็คงไม่คาดหวังเหมือนกันว่า สิ่งที่เขาคิดจากจุดเล็กๆ ของเครือข่ายสังคมออนไลน์ในมหาวิทยาบัย จะกลายเป็นชีวิตประจำวันของคนค่อนโลก
ในปี 2015 มาร์กและดร.ฟริสซิลลา ชาน ภรรยา ได้ต้อนรับลูกสาวคนแรก แมกซ์ พวกเขาได้ออกมาประกาศในจดหมายเปิดผนึกว่า จะแจกหุ้นของบริษัท 99% ไปยังมูลนิธิที่พวกเขาสร้างขึ้นเพื่อ “ส่งเสริมความเท่าเทียม” เพื่อคนในรุ่นต่อๆ ไป” หลังจากนั้น พวกเขาก็มีลูกสาวอีกหนึ่งคน คือ ออกัสต์