แมกลาเรน ออโตโมทีฟ ผู้ผลิตยนตรกรรมซูเปอร์คาร์ซึ่งเป็นที่กล่าวขานไปทั่วโลกนับทศวรรษถึงความพิเศษ หรูหรา และสมรรถนะชั้นเลิศ ได้เปิดตัวยนตกรรมรุ่นสำคัญอีกรุ่นหนึ่งในวันนี้ นั่นคือ แมกลาเรน 765LT สไปเดอร์ (McLaren 765LT Spider)
ต่อยอดจาก “765LT ลองเทล คูเป้” ที่เปิดตัวไปเมื่อปีก่อนและจำหน่ายหมดทุกคัน “สไปเดอร์” เป็นซูเปอร์คาร์เปิดประทุนที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่แมกลาเรนเคยรังสรรค์มา เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้เป็นหนึ่งเดียวกับรถมากที่สุด “แมกลาเรน 765LT สไปเดอร์” ได้ผนวกเอาการออกแบบทางวิศวกรรมและคุณลักษณะหลักอื่นๆ ของแมกลาเรน ลองเทล เข้าไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นน้ำหนักที่เบา ไดนามิกแบบการขับในสนาม และแอโรไดนามิกที่ดีที่สุด ทำให้นอกจากรถยนต์รุ่นนี้จะมีความเป็นเลิศในแบบของรถคูเป้แล้ว ยังสามารถตอบโจทย์ความพิเศษของ LT ได้ด้วย และจะมีการผลิตตามคำสั่งซื้อของลูกค้าเพียง 765 คันทั่วโลกเท่านั้น
ด้วยพลวัตและแอโรไดนามิกแบบรถคูเป้และโครงสร้างหลักที่สมบูรณ์แบบ ซูเปอร์คาร์รุ่นนี้มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นมาเพียง 49 กิโลกรัม ส่วนใหญ่มาจากหลังคาแบบแข็งและกลไกการเปิดประทุน รวมแล้วมีน้ำหนักเพียง 1,388 กิโลกรัม (น้ำหนักรวมเชื้อเพลิง) ซึ่งเบากว่ารุ่น 720S สไปเดอร์ ถึง 80 กิโลกรัม และเบากว่าแบรนด์คู่แข่งที่ใกล้เคียงที่สุดประมาณ 100 กิโลกรัม
หลังคาแข็งแบบพับได้ (RHT) ที่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ชิ้นเดียวและควบคุมด้วยไฟฟ้า สามารถเปิดประทุนได้ในเวลาเพียง 11 วินาที ณ ความเร็วรถสูงสุด 50 กม./ชม. ซึ่งจะช่วยนำเสียงอันน่าทึ่งของระบบไอเสียไททาเนียมแบบ Quad-Exit เข้ามาในห้องโดยสาร เปิดมิติใหม่ให้กับการขับขี่
“สิ่งที่เราเห็นได้ชัดในขณะที่กำลังเดินหน้าพัฒนาแบรนด์ย่อยของ LT ด้วยการเปิดตัว “765LT สไปเดอร์” รุ่นใหม่ ก็คือลูกค้าของเราชื่นชอบข้อเสนอแบบซูเปอร์คาร์ของลองเทลที่มอบความตื่นเต้นเร้าใจ สมรรถนะเหนือชั้น และจำนวนผลิตที่ไม่มาก หลังจากที่เราปิดการขาย 765LT คูเป้ ไปได้ทั้งหมด 765 คัน ก็ไม่น่าแปลกใจที่เมื่อเราประกาศเปิดตัว “LT สไปเดอร์” ใหม่ ยอดสั่งจองก็หลั่งไหลเข้ามาจนกำลังการผลิตสำหรับปี 2564 นั้นเต็มแล้ว” ไมค์ ฟลูวิตต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารแมกลาเรน ออโตโมทีฟ กล่าว
ประสิทธิภาพอันเหลือล้นและไดนามิกของสไปเดอร์รุ่นใหม่ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้รับการพิสูจน์แล้วใน 765LT คูเป้ นั้น ได้ถูกยกระดับขึ้นไปอีก 3 ประการ ได้แก่ ความเสถียรของโครงสร้างตัวถัง MonoCage II-S การออกแบบที่พลิกโฉมวงการของหลังคาแข็งพับได้แบบชิ้นเดียว และความทุ่มเทที่ไม่ลดละของวิศวกรแมคลาเรนในการบรรลุปรัชญาของบริษัทว่าด้วยวิศวกรรมน้ำหนักเบา
ตัวถังของคาร์บอนไฟเบอร์ MonoCage II-S ได้รับการพัฒนาควบคู่ไปกับตัวถัง Monocoque ของคูเป้ และมีองค์ประกอบพื้นฐานส่วนใหญ่คล้ายกัน เช่น กรอบกระจกหน้ารถที่ไม่ต้องการโครงสร้างค้ำยันเพิ่มเติมใดๆ ทั้งสิ้น ทำให้เป็นอีกปัจจัยหนึ่งในการช่วยลดน้ำหนักตัวรถ และที่ส่วนท้ายของรถ โครงสร้างซัพพอร์ตจากคาร์บอนไฟเบอร์ก็ถูกผสานเข้ากับแชสซีเป็นอย่างดีเพื่อป้องกันการพลิกคว่ำ
หลังคาเปิดประทุนคือส่วนที่สำคัญของโครงสร้างรถ ประกอบด้วยกรอบคาร์บอนไฟเบอร์ที่อยู่ภายในแผงหลังคาแข็งแบบพับได้ ซึ่งเมื่อปิดหลังคาก็จะทำให้เกิดแผงคาร์บอนไฟเบอร์แบบเต็ม นอกจากนี้ ยังเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้โดยสาร เนื่องจากหลังคาเป็นแผงแบบชิ้นเดียวไม่มีโครงตรงกลาง ทำให้มีพื้นที่เหนือศีรษะมากขึ้น และแผงหลังคาเองก็มีความยาวเพิ่มขึ้นช่วยให้ยอดเสา A ยืดไปข้างหน้าได้มากขึ้น ทำให้รู้สึกกว้าง และเข้า-ออกรถได้คล่องตัว
เช่นเดียวกับ LT ทุกรุ่นได้รับการออกแบบมาเพื่อให้เป็นเลิศในสนามแข่ง แต่คุณสมบัติด้านความอลังการและสุนทรียะ ก็ทำให้ยนตรกรรมเปิดประทุนคันนี้เป็นรถที่น่าดื่มด่ำและดึงดูดยิ่งกว่าเดิมสำหรับการขับขี่บนท้องถนน แพ็กเกจแอโรไดนามิกขั้นสูงยังคงคล้ายกับในรุ่นคูเป้ แต่ในรุ่นสไปเดอร์ปีกหลังจะถูกออกแบบมาให้ปรับเปลี่ยนตามหลังคาที่เปิดและปิด และมีการปรับเทียบแดมเปอร์ใหม่เพื่อรองรับน้ำหนักของรถที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ประสิทธิภาพด้านแอโรไดนามิก นั่นเทียบได้กับคูเป้ในทุกๆ ด้าน และยังมีดาวน์ฟอร์ซที่สูงมาก สูงกว่ารุ่น 720S Spider ถึง 25%
ขุมพลังแห่งสมรรถนะที่ดุดันคือเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ 4.0 ลิตรให้กำลัง 765 แรงม้า มีอัตราส่วนแรงม้าต่อน้ำหนักที่ดีที่สุดในยนตรกรรมระดับเดียวกันที่ 598แรงม้า/ตัน วัดจากน้ำหนักไม่บรรทุก และแรงบิด 800Nm อัตราทดเกียร์ได้รับการปรับปรุงเพื่อให้ขับขี่สนุกและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อัตราเร่งขณะเข้าเกียร์เร็วกว่า 720S Spider ถึง 15% ช่วยให้ลองเทลรุ่นใหม่นี้ทำรอบได้เร็วที่สุดในรุ่น LT แบบเปิดประทุน