ในโลกที่เต็มไปด้วยข้อมูลข่าวสาร และดราม่ารายวันเรื่องวัคซีนป้องกันโควิด 19 เพราะหลายคนมองว่าเมืองไทยยังมีวัคซีนทางเลือกน้อยเกินไปและวัคซีนที่มีอยู่นั้นอาจจะไม่ได้มีประสิทธิภาพในการป้องกันเท่าไหร่นัก รวมไปถึงเรื่องของการผสมวัคซีนต่างยี่ห้อ เพราะหวังว่าจะเกิดการป้องกันที่ดีได้นั้น ท่ามกลางข้อมูลที่มีมากมายนั้นทำให้เกิดความไขว้เขว แต่ก็น่าสนใจว่าคนส่วนใหญ่ในความเชื่อมั่นว่าวัคซีนอะไรที่น่าจะสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายได้
โดย Celeb Online ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นจากกลุ่มตัวอย่างที่เป็นเซเลบริตี้ในเมืองไทย จำนวน 50 คน อายุระหว่าง 25-50 ปี เกี่ยวกับความมั่นใจในวัคซีนว่าแต่ละคนมีความเชื่อมั่นในวัคซีนยี่ห้อไหนมากที่สุด พร้อมเหตุผลว่าเหตุใดถึงมีความเชื่อมั่นในวัคซีนยี่ห้อนั้นๆ
จากผลการสำรวจเกือบครึ่งของคะแนนไปที่ “ไฟเซอร์” (Pfizer) วัคซีนที่คนดังอยากฉีดมากที่สุด โดยคิดเป็น 36% ด้วยเหตุผลที่ว่าหลังจากเห็นประชากรที่ได้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ทั่วโลก พบว่าประชากรมีการติดเชื้อโควิด-19 ได้ลดลง และที่สำคัญพบว่า ไฟเซอร์มีประสิทธิภาพมากกว่าวัคซีนของชิโนแวคถึง 10 เท่า ในด้านการสร้างภูมิต้านทาน และเท่าที่ได้พบเห็นก็ทราบว่าไฟเซอร์สามารถช่วยป้องกันการติดเชื้อได้จริง
หนึ่งในไฮโซวัยคุณแม่เปิดเผยว่า พอมีเวลาว่างก็จะศึกษาอ่านเรื่องวัคซีนเพื่อเตรียมวัคซีนให้กับคนในครอบครัวแสดงความคิดเห็นว่า "โดยส่วนตัวเชื่อมั่นในเทคโนโลยีกับวิทยาศาสตร์ จึงเชื่อมั่นวัคซีนตัวที่สหรัฐอเมริกาค้นคว้า ส่วนตัวเลือกฉีดไฟเซอร์ เพราะเป็นยี่ห้อเดียวที่สามารถฉีดให้กับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 14 ได้ อีกอย่างประเทศสหรัฐอเมริกามีแลปที่ทันสมัย หมอ หรือนักวิทยาศาสตร์ก็มีความเชี่ยวชาญ แต่ไม่ได้หมายความว่าในประเทศไทยหมอหรือนักวิทยาศาสตร์ไม่เก่ง เพียงแต่คนของบ้านเรา ยังไม่มีโอกาสหรือมีโอกาสน้อยกว่าที่จะฝึกฝน แต่สักวันหนึ่งเราก็จะทำได้ค่ะ"
รองมาอันดับสองก็คือ เซเลบยกให้กับ โมเดอร์นา (Moderna) โดยคิดเป็น 28% เพราะเชื่อมั่นในประสิทธิภาพ และดูใกล้ความเป็นจริงมากสุด เนื่องจากมีโรงพยาบาลหลายๆ แห่งเตรียมนำเข้าวัคซีนตัวนี้เป็นวัคซีนทางเลือกให้ประชาชนแล้ว นอกจากนี้ จากคอมเมนต์ของญาติที่อาศัยอยู่ที่ต่างประเทศและได้ฉีดวัคซีนตัวนี้พบกว่า เมื่อฉีดครบ 2 เข็มแล้วมีภูมิคุ้มกันเพิ่มมากขึ้น
ส่วนอันดับสามก็คือ แอสตราเซเนกา (Astra Zeneca) วัคซีนจากประเทศอังกฤษ คิดเป็น 24% เพราะเชื่อว่าเป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพที่สุดในเมืองไทยในขณะที่ยังไม่มีวัคซีนตัวอื่นๆ เข้ามา
โดยคะแนนอันดับอื่นๆ ไล่เรียงลงมาได้แก่ ชิโนฟาร์ม (Sinopharm) คิดเป็น 16% เพราะเป็นวัคซีนหลักที่ประเทศจีนใช้ฉีดให้ประชาชนตนเอง ซึ่งก็พบว่าสามารถควบคุมการระบาดของโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ต่อด้วยวัคซีนจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (Johnson&Johnson) คิดเป็น 8% โดยมีเสียงสะท้อนทั้งสองฝั่งคือสะดวกเพราะฉีดเพียงเข็มเดียว แต่ในขณะเดียวกันก็มีผลข้างเคียงที่น่ากังวลอยู่บ้าง ต่อด้วย “สปุตนิก วี” (Sputnik V) วัคซีนสัญชาติรัสเซีย คิดเป็น 4%ที่อาจจะไม่ได้ฉีดกันอย่างกว้างขวางแต่ก็มั่นใจได้เพราะประเทศรัสเซียเป็นประเทศที่มีนักวิจัยเก่งๆ อยู่เยอะ และบางคนยังเคยได้ยินถึงสรรพคุณของวัคซีนสปุตนิก วี ของประเทศรัสเซียที่ว่ากันว่ามีประสิทธิภาพและไม่มีผลข้างเคียง
ส่วนวัคซีนที่มีมากที่สุดในเมืองไทยอย่าง ชิโนแวค (Sinovac) ได้รับความมั่นใจ 4% เพราะเป็นวัคซีนรองที่ประเทศจีนใช้ แต่หลายประเทศยังไม่ให้การรับรอง เป็นวัคซีนตัวแรกๆ ที่เข้ามาในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก และเริ่มฉีดให้กับประชาชนไปแล้วจำนวนหนึ่ง ซึ่งในจำนวนนั้นก็มีเซเลบริตี้กลุ่มตัวอย่างบางคนฉีดครบแล้ว 2 เข็ม แต่เมื่อไปเช็กภูมิคุ้มกันของร่างกาย ปรากฎว่าไม่ค่อยจะสามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้เท่าไหร่ อาจจะไม่สามารถต่อสู้กับเชื้อโควิดที่แข็งแกร่ง และกลายพันธุ์ไปทุกวันได้
อย่างไรก็ดี มีบางความคิดเห็นบอกว่าพอใจกับวัคซีนชิโนแวค เพราะไม่อยากเสี่ยงกับวัคซีนที่ยังไม่รู้ผลข้างเคียงในอนาคต และคิดว่าอย่างไร ณ เวลานี้ก็ยังไม่มีวัคซีนชนิดไหนที่สามารถกันเชื้อโควิด 19 ได้ 100% ฉีดแล้วยังมีโอกาสติดเชื้อไวรัสได้อีก แถมยังต้องเสี่ยงกับผลข้างเคียงของวัคซีนอีก ถ้าเกิดโชคร้ายอาจป่วยหนักถึงขั้นอัมพาตหรือเสียชีวิตได้
ซึ่งทั้งหมดนี้คือความคิดเห็นของกลุ่มตัวอย่างในภาพรวมเท่านั้น ทุกวัคซีนก็มีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันออกไป สิ่งสำคัญคือการที่เราต้องดูแลตัวเอง ป้องกันตัวเองอย่างดีที่สุดในวันที่โรคระบาดกำลังอาละวาดหนักในเมืองไทย สิ่งที่ต้องทำอย่างเร่งด่วนที่สุดก็คือการฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับประชาชน และการที่จะหยุดเชื้อไม่ให้แพร่กระจายได้เป็นอย่างดีอีกวิธีก็คือ เราต้องดูแลตัวเอง ตั้งการ์ดอย่างสูงสุดเพื่อให้ปลอดภัยจากโควิด-19