เมื่อราวๆ เดือนที่แล้ว เชื่อว่าชื่อของเธอคนนี้คงติดอันดับการค้นหาว่า “ไฮโซน้ำผึ้ง” เป็นใคร? เพราะชื่อของเธอดันไปอยู่ในข่าวคราวความรักของดาราสาวคนหนึ่งกับชายหนุ่ม แต่กลับมีเรื่องราวอื้อฉาวขึ้นมา ซึ่งความจริงแล้ว “ไฮโซน้ำผึ้ง” ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องราวดังกล่าว...หากแต่มีชื่อเป็นอดีตภรรยาของชายหนุ่มในข่าวเท่านั้น ซึ่งครั้งนี้เราได้รับเกียรติจาก "น้ำผึ้ง-จารุวรรณ โชติเทวัญ" มาอัปเดตเรื่องราวชีวิตและตัวตนของเธอ ซึ่งเมื่อทำความรู้จักกับเธอจริงๆ แล้ว ต้องบอกว่าเธอสมกับเป็นไฮโซ เวิร์กกิ้งมัมสายสตรองตัวจริง
ถึงจะให้ความสำคัญเรื่องงานมาเคียงคู่กับครอบครัวเป็นอันดับหนึ่ง แต่เรื่องความเป๊ะปังก็ไม่มีตกหล่น สำหรับ น้ำผึ้ง-จารุวรรณ ลูกสาวคนสวยของ ดร. ปัญญา กับ ดร. มนูญศรี โชติเทวัญ เจ้าของธุรกิจหมื่นล้านแห่งสหฟาร์ม ผู้ผลิตและส่งออกไก่ที่มีชื่อเสียงในระดับโลก และอยู่คู่คนไทยมากว่า 6 ทศวรรษ
ด้วยความที่ต้องดูแลธุรกิจของครอบครัวที่มีอยู่หลายบริษัท ยังไม่รวมธุรกิจใหม่ที่เพิ่งปลุกปั้นมาได้ไม่นาน คงทำให้หลายคนอดสงสัยไม่ได้ว่า น้ำผึ้งมีเคล็ดลับในการบริหารเวลาอย่างไร ถึงควบตำแหน่งผู้บริหารและคุณแม่ของลูกสาว (น้องญาร่า-ธันยพัต ภักดีมงคลโรจน์) ได้อย่างไม่มีตกหล่น
“จริงๆ น้ำผึ้งทุ่มเทเวลาให้กับงานค่อนข้างเยอะ แต่ก็ต้องบอกว่า เราโชคดีที่มีทีมงานผู้บริหารที่แข็งแกร่ง แต่ละท่านมีประสบการณ์ในการทำงานไม่ต่ำกว่า 30 ปี สามารถรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองได้เป็นอย่างดี หลังเลิกงาน น้ำผึ้งจะใช้เวลากับครอบครัว อย่างลูกสาวกับคุณแม่ เราอยู่บ้านเดียวกันอยู่แล้ว ก็ได้กินข้าวเย็นด้วยกันทุกวัน ส่วนคุณพ่อท่านอยู่ที่สุขาวดี น้ำผึ้งก็จะหาเวลาไปเยี่ยมท่านบ่อยๆ ถ้ามีเวลาว่าง น้ำผึ้งชอบเข้าครัวทำอาหาร ลองทำเมนูใหม่ๆ ให้ลูกสาวช่วยชิม ซึ่งเขาก็น่ารัก ให้กำลังใจตลอด ไม่เคยบอกว่าไม่อร่อยเลยซักเมนู อย่างมากถ้ามีเมนูไหนที่เขาอาจจะไม่ถูกปาก ก็จะแค่บอกว่า อิ่มแล้ว (หัวเราะ)”
นอกจากทำอาหาร กิจวัตรที่ขาดไม่ได้ของน้ำผึ้งคือ การชวนลูกสาวออกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน ไปออกกำลังกาย ด้วยการตีแบต ปั่นจักรยาน วิ่งเล่นกับสุนัข
“น้ำผึ้งพยายามให้ญาร่าออกกำลังกาย ตามที่คุณหมอด้านต่อมไร้ท่อแนะนำ เพราะน้ำผึ้งพาเขาไปพบตามนัดตลอด เพื่อดูเรื่องพัฒนาการเติบโตว่าเป็นอย่างไร สมวัยมั้ย ซึ่งคุณหมอก็จะแนะนำว่า หลักๆ คือต้องพักผ่อนให้เพียงพอ กินอาหารที่มีประโยชน์ และออกกำลังกาย ซึ่งเรื่องการพักผ่อนน้ำผึ้งไม่ค่อยห่วง เพราะดูแลให้นอนไม่เกิน 3 ทุ่มครึ่งอยู่แล้ว นานๆ ครั้งอาจจะมี Bonus Time ขอนอนดึกกว่านี้ ส่วนเรื่องอาหารการกินน้ำผึ้งก็ดูแล จะมีเรื่องการออกกำลังกาย ที่จะต้องเป็นตัวตั้งตัวตีชวนไปทำกิจกรรม อย่างช่วงโควิด-19 แบบนี้ อาจจะไปไหนมาไหนไม่สะดวก น้ำผึ้งก็จะชวนญาร่าไปขี่จักรยานหรือตีแบตในหมู่บ้านแทน หรือ บางครั้งก็ชวนหลานๆ ซึ่งอยู่ในรั้วบ้านเดียวกันมาทำกิจกรรมด้วยกัน โดยมีน้ำผึ้งเป็นหัวหน้าแก๊ง” คุณแม่คนสวยเล่าอย่างออกรส
ส่วนเรื่องการเรียนของลูก น้ำผึ้งก็ให้ความสำคัญไม่แพ้กัน “เรื่องการเรียน น้ำผึ้งก็ซีเรียสนะ น้ำผึ้งจะบอกญาร่าเสมอว่า การเรียนต้องมาก่อน แต่ช่วงนี้เรียนออนไลน์ก็อาจจะยากหน่อยสำหรับเด็กๆ บางทีเรียนก็อาจจะไม่ได้มีสมาธิ อย่างไรก็ตาม คำว่าเรียนดีของน้ำผึ้งไม่ได้หมายความว่า เขาต้องได้เกรด A ทุกวิชา เพราะเหนือกว่าความเก่ง สิ่งที่น้ำผึ้งให้ความสำคัญคือ การเลี้ยงลูกให้เป็นคนดีของสังคม ไม่เบียดเบียนคนอื่น ที่สำคัญสามารถเอาตัวรอดได้ เพราะเราไม่สามารถอยู่กับเขาได้ตลอดเวลา อย่างวันหนึ่ง ถ้าน้ำผึ้งจะส่งเขาไปเรียนต่อต่างประเทศ ก็ต้องมั่นใจว่าเขาดูแลตัวเองได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งเราก็ต้องปลูกฝังให้เขารู้ว่าอะไรควรไม่ควรและปฏิเสธคนให้เป็น
อย่าง 2-3 ปีมานี้ ที่บริษัทน้ำผึ้ง มีการจัดกิจกรรมให้ฟังธรรม นั่งสมาธิทุกเดือน เราก็เอาสิ่งที่ได้เรียนรู้มาถ่ายทอดให้เขา เริ่มจากเรื่องง่ายๆ น้ำผึ้งสอนญาร่าว่า ถ้าวันหนึ่งต้องไปเรียนต่างประเทศคนเดียว แล้วไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำถูกหรือผิด ให้นึกถึงศีล 5 ไว้ก่อน ว่าสิ่งที่เราทำขัดกับศีล 5 หรือเปล่า อย่าง น้ำผึ้งเอง คุณพ่อคุณแม่ส่งไปเรียนต่างประเทศตอนอายุ 13 ปี แต่ตอนนั้นน้ำผึ้งไปกับพี่ชายและน้องชาย อย่างน้อยก็มีคนคอยดูแลและตักเตือนกัน แต่ญาร่าเป็นลูกคนเดียว น้ำผึ้งก็เลยยังชั่งใจอยู่ ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะส่งเขาไปเรียนต่างประเทศเมื่อไหร่ หลักๆ คงต้องรอดูว่าเขาพร้อมหรือยัง เขาจะเอาตัวรอดได้หรือเปล่า มีทักษะในการเลือกเพื่อนแค่ไหน เพราะน้ำผึ้งว่าเพื่อนคือตัวแปรสำคัญ อย่างที่ภาษิตว่า คบคนพาล พาลพาไปหาผิด คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล”
อ่านมาถึงตรงนี้ แทบไม่ต้องถามต่อเลยว่า คุณน้ำผึ้งเป็นคุณแม่ที่มาสายดุหรือสปอยมากกว่ากัน เพราะเจ้าตัวยอมรับว่า เป็นคุณแม่ที่ดุพอตัว แต่จะไม่ใช้วิธีตี แค่อธิบายให้ฟังด้วยเหตุผลมากกว่า แม้โลกทั้งใบจะดูเหมือนว่าหมุนด้วยลูกสาวสุดที่รัก แต่น้ำผึ้งบอกว่า หลังจากลูกเข้านอน ก็เป็นเวลาส่วนตัว ที่เธอใช้พักผ่อน ฟังเพลง ดูทีวี ดูละคร ท่องโลกโซเชียล หรือถ้าวันไหนพอเจียดเวลาได้ อาจจะไปชอปปิ้งหรือสปาบ้าง ยกเว้นถ้าหยุดหลายวัน ก็จะเก็บกระเป๋าจูงมือลูกสาวไปเที่ยว
“ก่อนโควิด-19 น้ำผึ้งเดินทางค่อนข้างบ่อย แทบจะทุก 1-3 เดือน ถ้าเป็นทริปเที่ยว ทุกทริปต้องมีญาร่า ไปด้วย ไปกับก๊วนเพื่อนที่เป็นคุณแม่ด้วยกัน ส่วนทริปที่ต้องไปทำงานก็ต้องดูตามความเหมาะสม เพราะไม่อยากให้เขาหยุดเรียน ส่วนใหญ่เวลาวางแผนไปเที่ยวน้ำผึ้งจะเป็นคนเลือกว่าจะไปที่ไหน (หัวเราะ) ส่วน ญาร่า เขาไปไหนก็ได้ แต่ถ้าพูดถึงประเทศที่เขาชอบ ก็หนีไม่พ้น ญี่ปุ่น ชอบอาหารกับไปเล่นสกี”
ถามว่า น้ำผึ้งมีเคล็ดลับในการดูแลตัวเองอย่างไร ถึงเป็นเวิร์กกิ้งมัมที่ยังดูสวยสดใสเสมอ น้ำผึ้งเฉลยว่า หนึ่งในเคล็ดลับสำคัญคือ การดูแลเรื่องอาหารการกิน “หุ่นเราจะเป็นอย่างไรอยู่ที่ปาก เราต้องควบคุมให้ได้ อาจจะมีบ้าง บางครั้งที่ตามใจตัวเอง แต่ก็ไม่บ่อย เพราะอย่างที่รู้ ถ้าอยากดูแลรูปร่าง การออกกำลังกายมีผลแค่ 30% ที่เหลือคือ อาหารการกิน ซึ่งน้ำผึ้งใช้วิธีทำ IF ไม่กิน 16 ชั่วโมง กิน 8 ชั่วโมง จะกินอะไรก็ได้ แต่ในปริมาณที่พอเหมาะ ส่วนออกกำลังกาย ก็จากกิจกรรมที่ทำกับลูก บางครั้งถ้ากลางคืนมีเวลา ก็อาจจะเปิดยูทูบแล้วทำตาม
มาถึงเรื่องสไตล์การแต่งตัว ซึ่งน้ำผึ้งย้ำชัดว่า ไม่ใช่สายตามเทรนด์แฟชั่นจ๋า ส่วนใหญ่ชอบใส่ชุดสีพื้น ไม่มีลาย เน้นชุดที่ดูเรียบร้อยไปทำงานหรือทำธุระได้ “น้ำผึ้งไม่ใช่สายตามเทรนด์ แบบอะไรออกใหม่แล้วต้องมีเป็นคนแรก แต่ถ้าบอกว่ามีมาตรฐานการเลี้ยงไก่อะไรออกใหม่ อันนั้นตามติด เพราะอยากทำได้เป็นคนแรก (หัวเราะ)”
ฟังเรื่องชีวิตการทำงาน และชีวิตครอบครัวของสาวเก่งไปแล้ว มาถึงมุมมองการใช้ชีวิต และการให้กำลังใจตัวเองในบางช่วงเวลาที่อาจจะรู้สึกท้อแท้กันบ้าง
“คุณพ่อสอนน้ำผึ้งเสมอว่า เวลาที่เราเจอปัญหา อย่ามองว่าเป็นปัญหา แต่ให้มองว่านั่นคือสิ่งที่พระเจ้าให้มา เพื่อเป็นประสบการณ์ ถ้าเราสามารถใช้ความคิดและสติปัญญาที่มี นำทางให้เราผ่านพ้นไปได้ ก็เหมือนเราได้วิชา ได้เติบโต และเข็มแข็งขึ้นไปอีกขั้น อีกคำสอนที่คุณพ่อปลูกฝังน้ำผึ้งเสมอคือ ที่สุขาวดีจะมีพระพุทธรูป มือขวาชี้ฟ้า มือซ้ายชี้ดิน เพื่อให้เห็นสัจธรรมว่า ชีวิตคนเรามีขึ้นมีลง มีเกิดมีดับ มีรักมีเลิก มีได้มีเสีย ให้มองทุกอย่างให้เป็นเรื่องปกติ เพราะชีวิตคนเราไม่ได้เป็นเส้นตรง แต่เป็น Curve ขึ้นๆ ลงๆ กำลังใจคือสิ่งที่สำคัญ วันนี้อาจไม่ใช่วันของเรา แต่เราต้องเตรียมตัวให้พร้อมอยู่เสมอ เพื่อรอวันที่เป็นของเรา”
มุมมองการให้กำลังใจชีวิตว่าเฉียบแล้ว มุมมองความรักของน้ำผึ้ง ซิงเกิลมัมสุดสตรอง ที่มีความสุขกับทุกวันของชีวิต ก็แหลมคมไม่แพ้กัน
“สำหรับน้ำผึ้ง ความรัก เป็นสิ่งที่สวยงาม ความรักของคนเรามีได้หลากหลายรูปแบบ ไม่จำเป็นต้องเป็นแบบหนุ่มสาวเสมอไป เรามีความรักได้ทั้งกับพ่อแม่ กับลูก ไม่ตายตัว แต่สิ่งที่เหนือกว่าความรัก คือ ความหวัง คนเราต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยความรักและความหวัง เพื่อให้มีพลังพร้อมที่จะยืนหยัดต่อไป แต่ถ้าจะถามเรื่องอนาคตถ้าจะมีคนเข้ามา จะอย่างไรก็ขอให้เป็นเรื่องของอนาคตดีกว่า เพราะตอนนี้ ความรักและความหวังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับน้ำผึ้ง คงเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่ น้องญาร่า ลูกสาวสุดที่รักค่ะ”
มาถึงหน้าที่การงานในความรับผิดชอบของเธอบ้าง ปัจจุบัน นอกจากน้ำผึ้งจะรับหน้าที่ดูแลบริษัทในเครือ 5-6 บริษัท ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ระบาด เธอยังไม่หยุดนิ่ง สร้างโอกาสในวิกฤตด้วยการเปิดบริษัท ไทยเบสท์โพลทรี จำกัด สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ไก่และไข่ภายใต้แบรนด์ “พอลดีย์” (Pauldy) ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากคุณพ่อคุณแม่ที่ปลุกปั้นสหฟาร์มจนได้รับการยอมรับในมาตรฐาน สามารถส่งออกไก่สดและไก่ปรุงสุก ไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก
“น้ำผึ้งฝันมานานแล้วว่า อยากจะให้ผู้บริโภคในประเทศได้รับรู้ถึงรสชาติ และวัตถุดิบชั้นดี ในคุณภาพมาตรฐานจากฟาร์มไก่ของเรา ซึ่งใส่ใจในทุกรายละเอียด ตั้งแต่การเลือกที่ดิน ซึ่งตั้งอยู่ในหุบเขาที่มีเทือกเขาล้อมรอบ ทำหน้าที่เสมือนเป็นป้อมปราการธรรมชาติ ป้องกันเชื้อโรคที่มากับลม แถมยังเป็นพื้นที่ปิดห่างไกลจากชุมชน ทำให้มั่นใจว่าจะไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆ เข้ามาใกล้ และแพร่เชื้อในฟาร์มได้ บวกกับด้วยพื้นที่ฟาร์มที่ค่อนข้างกว้าง ทำให้ไก่สามารถวิ่งเล่นเดินเล่นได้อย่างอิสระ ได้ออกกำลังกายและมีสุขภาพที่แข็งแรงอย่างเต็มที่ และในทุกเช้า เราเปิดเพลงให้ไก่ฟังทุกวัน ทำให้ลดการหลั่งฮอร์โมนความเครียดของไก่ ส่งผลให้ไก่สุขภาพดี รสสัมผัสดี แข็งแรงสมบูรณ์ โดยไม่จำเป็นต้องใช้สารเร่งการเจริญเติบโตหรือยาปฏิชีวนะใดๆ”
แม้ว่าบริษัทจะเปิดตัวสินค้าในช่วงเดือนมีนาคมปีที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงที่โควิด-19 ระลอกแรกเริ่มระบาดหนักในไทย น้ำผึ้งกลับมองว่า นั่นไม่ใช่ปัญหา แต่น่าจะเป็นจังหวะที่ลงตัวมากกว่า เพราะเชื่อว่าในทุกวิกฤตย่อมมีโอกาสที่ซ่อนอยู่ ดังนั้น เมื่อเห็นว่าเทรนด์ผู้บริโภคเปลี่ยนไป มี New Normal ใหม่ๆ ที่ใส่ใจในเรื่องความสะอาด เรื่องสุขภาพและความปลอดภัยที่มากขึ้น เธอจึงมองว่าเป็นโอกาสเหมาะที่จะแจ้งเกิดแบรนด์ ซึ่งนอกจากจุดเด่นของสินค้ายังพ่วงด้วยช่องทางออนไลน์ เพื่อตอบโจทย์ความสะดวกสบายให้กับผู้บริโภคยุคใหม่ได้เป็นอย่างดี ในอนาคตยังมีแผนจะแตกไลน์สินค้าไปสู่กลุ่มอื่นๆ มากขึ้น จากปัจจุบันที่มีผลิตภัณฑ์เนื้อไก่ ไข่ไก่ และอาหารแปรรูป ภายในปีนี้ น่าจะได้เห็นสินค้าที่เป็นกลุ่มอาหารพร้อมทาน (Ready to Cook) มากขึ้น