วัคซีนป้องกันโรค Covid-19 นับล้านๆ โดส อาจจะสูญเสียคุณค่าไปเปล่าๆ หากประเทศที่ร่ำรวยที่กว้านซื้อไป ‘เผื่อๆ’ แล้วเหลือทิ้ง แทนที่จะนำมาบริจาคให้กับประเทศที่ยากจนและขาดแคลน
ยูนิเซฟเลยส่งจดหมายเปิดผนึกไปยังที่ประชุมประเทศผู้นำเศรษฐกิจโลก อย่าง จี 7 ซึ่งประชุมกันอยู่ในประเทศอังกฤษ เรียกร้องให้บริจาควัคซีนก่อนที่จะหมดอายุ โดยมีคนดังๆ ของโลกร่วมกันลงชื่อที่ท้ายจดหมายมากมาย
ไม่ว่าจะเป็น บิลลี ไอล์ลิช, เดวิด เบคแฮม, แอนดี มาร์รีย์, โอลิเวีย โคลแมน, ยูวาน แมคเกรเกอร์, เลียม เพย์น, ปริยังกา โจปรา โจนาส, ออร์ลันโด บลูม, เคที แพร์รี, เจ็มมา ชาน, คลอเดีย ชิฟเฟอร์, วูปี โกลด์เบิร์ก, คริส ฮอย ฯลฯ
“การระบาดของ Covid-19 จะไม่มีทางจบ หากมีส่วนใดส่วนหนึ่งของโลกที่ยังมีผู้ติดเชื้ออยู่” เดวิด เบคแฮม กล่าว
ขณะที่ ลีลี่ คาปรานี เจ้าหน้าที่องค์กรยูนิเซฟ บอกว่า ทุกประเทศในโลกต่างก็ต้องการฉีดวัคซีนให้ประชากรของตัวเองในเวลาเดียวกัน ซึ่งการบริจาควัคซีนให้ประเทศที่ยากจน ต้องทำแบบเพียงพอและสม่ำเสมอ จนกว่าจะถึงจุดที่สร้างภูมิคุ้มกันหมู่ด้วย
ในจดหมายเปิดผนึก ยังระบุให้ประเทศ จี 7 รวมทั้ง ประเทศอังกฤษ ช่วยกันบริจาควัคซีนอย่างน้อย 20% ที่พวกเขามีอยู่ ภายในเดือนสิงหาคมนี้
“หากเหตุการณ์เลวร้ายขึ้น ใครจะรู้ว่า เราอาจจะต้องฉีดวัคซีนให้เด็กอายุต่ำว่า 18 ปีด้วยก็ได้” ลีลี่ กล่าว “แต่ตอนนี้ยังไงก็ต้องรีบฉีดให้กับคนในกลุ่มเสี่ยง และคนส่วนใหญ่ของแต่ละประเทศให้ได้ก่อน”
ปริยังกา โจปรา โจนาส ซึ่งเป็นทูตยูนิเซฟ ออกมาย้ำว่า ประเทศ จี 7 ควรจะรีบบริจาควัคซีนก่อนที่จะใช้การไม่ได้
“ส่วนใหญ่ระบบประเทศยากจนมักจะไม่ค่อยเข้มแข็ง ต้องผ่านขั้นตอนมากมาย กว่าวัคซีนจะกระจายออกไปสู่บุคลากรทางการแพทย์ เพื่อทำการฉีดให้ประชากรแต่ละแห่ง
“หากประเทศ จี 7 รีรอ ไม่รีบบริจาคเสียที ก็อาจจะเกิดเหตุไม่คาดฝัน แทนทีวัคซีนจะใช้งานได้ กลับหมดอายุไปซะก่อน ซึ่งหากภายในคริสต์มาสที่จะถึงนี้ ประเทศไหนยังไม่สามารถจัดการให้ประชาชนของตัวเอง ฉีดวัคซีนได้ตามเป้าหมายการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ เพราะวัคซีนที่ได้รับไปหมดอายุ ก็น่าเสียดายจริงๆ และเหตุการณ์ก็คงจะยังเลวร้ายต่อไปเรื่อยๆ”
สำหรับองค์การยูนิเซฟเอง ได้ทำการบริจาควัคซีนไปยังประเทศที่ยากจนในโครงการ โคแวกซ์ บ้างแล้ว แต่พบว่า ยังคงขาดแคลนวัคซีนอยู่อีกกว่า 190 ล้านโดส
“หากประเทศ จี 7 อย่างอังกฤษ แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น และสหรัฐ ช่วยกันบริจาครายละ 20% ของวัคซีนที่พวกเขามีอยู่ ก็จะได้มากถึง 150 ล้านโดสทีเดียว” ลีลี่ จากยูนิเซฟว่า
ขณะที่ แอนดี มาร์รีย์ นักเทนนิสชื่อดัง ที่ได้ลงชื่อในจดหมายเปิดผนึกด้วยนั้น ก็ออกมาเชิญชวนให้ชาวสหราชอาณาจักร ช่วยกันบริจาคเข้าโครงการ วัคซีนเอด ของยูนิเซฟด้วยอีกทางหนึ่ง
นักเทนนิสวัย 34 ปี บอกว่า การช่วยกันบริจาคมีความสำคัญมาก “เพราะมันสามารถช่วยชีวิตคนได้ อย่าลืมไปรับวัคซีน และถ้ามีกำลังก็บริจาค ให้ประเทศยากจนได้วัคซีนเหมือนพวกเราด้วย”
