หากเอ่ยถึงแบรนด์กระเป๋าหนังจระเข้แบรนด์ไทย ภาพแรกที่ผุดขึ้นมาในสมองของเหล่าแฟชั่นนิสต้าเมืองไทย ร้อยทั้งร้อยต้องตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า “S’uvimol (สุวิมล)” และภาพต่อมาก็คือ ภาพของเจ้าของแบรนด์ที่มีคาแรกเตอร์อันเป็นเอกลักษณ์ กับทรงผมบ็อบสั้น หน้าม้า และแต่งตัวจัดเต็มทุกครั้งที่พบเจอ! “แพร-พัชรพิมล ยังประภากร” ทายาทของผู้บุกเบิกฟาร์มจระเข้สมุทรปราการ ฟาร์มจระเข้แห่งแรกในไทยที่มีประวัติยาวนานกว่า 70 ปี และกว่า 10 ปี ที่โลดแล่นในตลาดแฟชั่นระดับโลก จนกระเป๋าหนังเอ็กโซติก อย่าง S’uvimol เป็นที่รู้จักทั้งในวงการแฟชั่นเมืองไทยและต่างประเทศ และกลายเป็นฮอตไอเท็มที่เหล่าเซเลบริตีต้องมีไว้ในครอบครอง และวันนี้เราได้เจาะลึกสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ของ “เจ้าแม่กระเป๋าหนังเอ็กโซติก” คนนี้!
แบรนด์ S’uvimol เกิดจากความชอบและความต้องการที่จะมีกระเป๋าหนังจระเข้สวยๆ ไว้ถือใช้งานตามสไตล์ของแพร ประกอบกับการที่มีฟาร์มจระเข้เป็นของตัวเอง และส่วนหนึ่งก็ยังส่งออกหนังจระเข้ให้แก่แบรนด์ดังระดับโลกหลายๆ แบรนด์ฉะนั้น เพื่อเป็นการต่อยอดธุรกิจของครอบครัว และทำในสิ่งที่ชอบ จึงกลายเป็นแบรนด์ S’uvimol มาจนถึงทุกวันนี้
S’uvimol ได้ชื่อว่าเป็น “Queen of Exotic” ราชินีแห่งหนังเอ็กโซติก ผลิตแต่กระเป๋าหนังเอ็กโซติกซึ่งเป็นหนังหายากเท่านั้น โดยหนังที่แพรบอกกับเราว่าถูกนำมาผลิตกระเป๋านั้นมาจากแหล่งสุดยอดทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นหนังจระเข้จากสุดยอดฟาร์มในประเทศไทยคุณภาพดังระดับโลก, หนังนกกระจอกเทศจากฟาร์ม Klein Karoo อันดับ 1 จากแอฟริกาใต้ ซึ่งจัดเป็นประเทศที่ผลิตหนังนกกระจอกเทศที่ดีที่สุดในโลก นอกจากนี้ยังมี หนังงูหลาม หรืองูเหลือม (PYTHON) หนังลิซาร์ด หนังปลากระเบน ซึ่งหลังจากได้สุดยอดหนังมาแล้วก็จะส่งไปฟอกสีอย่างสวยงามที่ประเทศญี่ปุ่น ก่อนถูกส่งกลับมาตัดเย็บอย่างประณีตที่เมืองไทย
“เรารู้สึกว่าแบรนด์ S’uvimol เป็นแบรนด์ที่มีน้อยมากในโลก เพราะเราเชี่ยวชาญในการดีไซน์และคัดสรรหนังเอ็กโซติก เพราะหนังพวกนี้ทำยากกว่าปกติ ฉะนั้น จากประสบการณ์ทำให้เรามั่นใจว่าเราเป็นแบรนด์ที่มีความเอ็กซ์คลูซีฟ แต่ผู้หญิงทุกคนสามารถจับต้องได้ สำหรับผู้หญิงแล้วการที่พวกเธอจะถือกระเป๋าก็ต้องมีความภูมิใจกับกระเป๋าว่ากระเป๋านั้นสวยสมกับที่จะถือในชีวิตประจำวัน”
นอกจากกระเป๋าจะเป็นที่รู้จักและคุ้นชินแล้ว สิ่งที่ชินตาก็คือ คาแรกเตอร์ของเจ้าของแบรนด์ที่หลายคนยังตะลึงกับความจัดเต็มทุกครั้ง และผมหน้าม้าอันเป็นซิกเนเจอร์ของเธอ โดยนิยามสไตล์การแต่งตัวของแพรนั้นเธอบอกว่า “โก้ หรูหรา ไม่เรียบ แต่จัดเต็มทุกลุค!”
“เราเป็นคนสนุกกับการแต่งตัวตั้งแต่สมัยสาวๆ เราทำหน้าที่หลายบทบาททั้งงานธุรกิจ ทั้งงานสมาคม จึงต้องแต่งตัวให้เหมาะกับกาลเทศะ เป็นคนชอบแมตช์เสื้อผ้าที่มีกับเครื่องประดับ ทั้งรองเท้า กระเป๋า ถุงน่องลวดลายสีสันจัดๆ หรือหมวกดีไซน์แปลกๆ ซึ่งทำให้คาแรกเตอร์เราเด่นชัดมากขึ้น
แต่ถ้าเป็นวันปกติสบายๆ ก็จะใส่ชุดที่ง่ายๆ อย่าง เดรสของ Issey Miyake (อิซเซ่ มิยาเกะ) เป็นคนที่ชอบใส่กระโปรงมากกว่ากางเกง เพราะรู้สึกสบายตัว แต่ด้วยนิสัยชอบชอปปิ้งถ้าเจอกางเกงที่ถูกใจก็ซื้อบ้าง แต่สุดท้ายก็ไม่ค่อยได้ใส่ (หัวเราะ)”
จัดเต็มทุกลุคมาเป็นระยะเวลานาน แต่พักนี้เธอกลับแอบกระซิบกับเราว่า กำลังอินกับชุดไทยมาก เพราะตั้งแต่ต้องทำหน้าที่เป็นกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐโกตดิวัวร์ประจำประเทศไทย ก็เลยอยากจะนำเสนอความเป็นไทยที่งดงาม ให้ติดตรึงใจชาวโลก
“ระยะหลังๆ เริ่มอินกับชุดไทย จากที่เมื่อก่อนมีความคิดว่าชุดไทยหากนำมาใส่ในชีวิตประจำวัน คงจะใส่ไม่ค่อยสบาย แต่พอหลังๆ ที่เป็นกงสุลกิตติมศักดิ์โกตดิวัวร์ ทำให้เราหันมาใส่ชุดไทยมากขึ้น บางวันใส่ทั้งวันก็ลืมไปเลยว่าใส่ชุดไทย ไม่ได้รู้สึกว่าอึดอัด ตอนหลังชอบใส่ชุดไทยมาก เป็นผ้าชาวเขาบ้าง เป็นไหมทอบ้าง แล้วก็เลยตัดกระเป๋าให้เข้ากับชุดหรือผ้าซิ่นด้วยเลย
แต่ก็ยังไม่ทิ้งนิสัยชอบชอปปิ้งนะคะ ปกติแล้วชอบซื้อเสื้อผ้ากับรองเท้า ไม่ได้มีแบรนด์ประจำแล้วแต่คอลเลกชัน อยู่ที่ว่าถูกใจเราหรือเปล่า แต่ถ้าเป็นพวกเฟอร์ ผ้าพันคอ ชอบของ Fendi (เฟนดิ) ส่วนกระเป๋าแน่นอนว่า กระเป๋าก็ต้อง S’uvimol อยู่แล้ว เพราะคนคิดว่า S’uvimol คือเรา เราคือ S’uvimol ฉะนั้น ต้องเป๊ะทุกมุม ถ้าเขาเห็นเราเป็นเพอร์เฟกชันนิสต์ กระเป๋าเราก็เหมือนตัวเรา เราใช้วัตถุดิบเกรดเอจริงๆ การตัดเย็บต้องเนี้ยบ และมีรูปแบบที่เป็นแฟชั่น เพราะเราเป็นแฟชั่นนิสต้า (หัวเราะ)”
มาถึงจุดนี้ สิ่งถ้าเราไม่ถามเรื่องทรงผมอันเป็นเอกลักษณ์ของเธอ ก็คงจะทำให้การเจาะเรื่องสไตล์การแต่งตัวไม่สมบูรณ์ เธอเล่าถึงที่มาของผมทรงบ็อบและหน้าม้านี้ว่า
“ผมทรงนี้เรียกว่าเป็นเอกลักษณ์ของเราเลย เมื่อก่อนเป็นคนเปลี่ยนทรงผมบ่อยมากเพราะเป็นคนขี้เบื่อ ทั้งยาว ทั้งดัด ทั้งตีโป่ง ไดร์ฟาร่า แต่ทรงเหล่านั้นต้องเข้าร้านเสริมสวยตลอด บางทีก็เหนื่อยเหมือนกัน จนมาลงตัวที่ทรงนี้ ทรงนี้ได้มาจากการไปฮ่องกง โดยมีพี่ที่รู้จักกันเขาแนะนำช่างผมให้ เราก็เลยให้ช่างผมช่วยดีไซน์ให้ เขาก็ตัดทรงนี้ให้ ตอนนั้นก็ชอบนะ ก็เลยตัดมาเรื่อยๆ จนค้นพบข้อดีว่าผมทรงนี้ดูแลง่าย สามารถทำได้เอง สะดวก เวลาเดินทางไปต่างประเทศก็ดูแลง่าย ก็เลยตัดทรงนี้มาตลอด มีบางคนคิดว่าเราใส่วิก (หัวเราะ) ผมแพรจริงๆ ค่ะ แต่อาจต้องหมั่นตัดบ่อยหน่อย และดูแลทำสีบ้างตามวัย ส่วนเรื่องการดูแลผิวพรรณสิ่งสำคัญคือ ต้องล้างหน้าให้สะอาด นอกจากนั้นก็มีทำทรีตเมนต์บ้าง เติมสเต็มเซลล์บ้าง เพราะเราอายุขนาดนี้แล้ว ต้องดูแลค่ะ ถ้ายังอยากสวยอยู่ (ยิ้ม)” เจ้าแม่กระเป๋าหนังเอ็กโซติกกล่าวทิ้งท้าย
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สถานที่ :: S’uvimol Flagship Store ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเอ็มบาสซี