นาทีนี้ความเป็นความตายของ COVID-19 แทบไม่มีความหมาย ไม่ “Matter” แล้ว หลังเกิดเหตุการณ์ตำรวจผิวขาวสังหารประชาชนผิวดำ ลุกลามกลายเป็นการประท้วงใหญ่โตรุนแรงจากมินนีอาโปลิสไปสู่ที่อื่นๆ ในสหรัฐ และแคมเปญ #BlackLivesMatter ตอนนี้กระจายไปยังหลายประเทศในยุโรป เพื่อทวงความยุติธรรมให้ “จอร์จ ฟลอยด์” ชายผิวสีที่ถูกตำรวจผิวขาวสังหาร
คนดังๆ ในแวดวงกีฬาหลายคนออกมาแสดงความคิดเห็นสนับสนุนแคมเปญ #BlackLivesMatter ทั้งในและนอกสนามแข่ง
นักเตะผิวสีของทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และทีมชาติอังกฤษ อย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด เป็นนักกีฬารายล่าสุดที่ออกมาโพสต์ข้อความสนับสนุนแคมเปญ #BlackLivesMatter โดยโพสต์ลงในอินสตาแกรม ตั้งคำถามว่าเกิดอะไรขึ้นบนโลกใบนี้?
ศูนย์หน้าทีมชาติอังกฤษบรรยายภาพขาวดำของเขาว่า “ผู้คนกำลังเจ็บปวดและต้องการคำตอบ ผมก็เป็นคนหนึ่งที่พยายามตั้งคำถามและหาคำตอบว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่บนโลกใบนี้?
ที่พวกคุณไม่ได้ยินข่าวคราวจากผมไปหลายวันก็เพราะผมกำลังนั่งคิดหาคำตอบพวกนี้อยู่ และผมก็ได้แต่ตั้งคำถามว่าทำไมเราถึงอยู่ร่วมกันไม่ได้ คำว่ารวมกันเราอยู่ มันไม่เป็นจริงหรือ? ทำไมจึงกลายเป็นว่ายังไงเราก็ต้องแตกแยกกัน
ชีวิตคนผิวสีมีค่า วัฒนธรรมของคนผิวสีก็มีค่า สังคมคนผิวสีมีค่า พวกเรามีค่า” มาร์คัสทิ้งท้ายด้วยแฮชแท็ก #justiceforgeorgefloyd #justiceforahmaudarbery และ #justiceforbreonnataylor
ด้าน จาดอน ซานโช นักฟุตบอลทีมชาติอังกฤษ ที่เล่นให้ทีมโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในเยอรมนี ขอแสดงออกผ่านสนามแข่งฟุตบอลบุนเดสลีกา โดยเขายอมถูกให้ใบเหลืองด้วยการถอดเสื้อฉลองหลังจากยิงประตูได้ เพื่อจะให้เห็นข้อความ Justice for George Floyd บนเสื้อตัวใน
ปีกทีมชาติอังกฤษที่ทำแฮตทริกได้ในเกมระหว่างโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ กับพาเดอร์บอร์น ถอดเสื้อรับใบเหลืองจากดาเนียล ซีเบิร์ต ผู้ตัดสินในสนาม หลังจากยิงประตูแรกได้ เพื่อสนับสนุนแคมเปญ #BlackLivesMatter แต่ไม่เผลอที่จะถอดอีกเป็นครั้งที่ 2 ไม่งั้นคงโดนใบแดงถูกไล่ออกไปก่อนจะได้ทำลูกแฮตทริก
ขณะที่เพื่อนร่วมทีมดอร์ทมุนด์ของเขา อาชราฟ ฮาคีมิ ก็ยิงได้ในชัยชนะเหนือพาเดอร์บอร์นถึง 6-1 ก็ได้ถอดเสื้อที่มีข้อความเดียวกันนี้ (และรับใบเหลือง) ด้วย
หลังจบเกม จาดอนโพสต์ภาพสวมเสื้อที่มีข้อความ Justice for George Floyd ลงบนอินสตาแกรมของเขา และบรรยายว่า “วันนี้ทีมเราเล่นกันได้ดีมาก และผมก็ปลื้มใจสุดๆ ที่สามารถทำแฮตทริกแรกของชีวิตการค้าแข้งได้ แต่นาทีนี้เป็นช่วงเวลาที่จิตใจหดหู่มากจากสิ่งที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ ซึ่งเราควรที่จะแสดงออกเพื่อที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง”
ก่อนหน้า จาดอน ซานโช 1 ชั่วโมง มาร์คุส ตูราม จากทีมโบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค ก็แสดงออกเพื่อสนับสนุนแคมเปญ #BlackLivesMatter ด้วยการคุกเข่าหนึ่งข้างพร้อมโค้งคำนับ เป็นท่าฉลองลูกยิงของเขาต่อทีมยูเนียนเบอร์ลิน
ศูนย์หน้าชาวฝรั่งเศสวัย 22 เป็นลูกชายแบ็กขวาแชมป์โลกปี 1998 ชาวฝรั่งเศส ลิลิยอง ตูราม ซึ่งเป็นนักเคลื่อนไหวต่อต้านการเหยียดผิวตั้งแต่สมัยที่ยังค้าแข้งอยู่กับโมนาโก ปาร์มา ยูเวนตุส และบาร์เซโลนา จึงไม่แปลกที่ลูกชายจะดำเนินรอยตามบิดาไปอีกเรื่อง
คืนนั้น มาร์คุสยิงให้กลัดบัคได้ถึง 2 ประตู กับชัยชนะ 4-1 โดยภาพคุกเข่าหนึ่งข้างเพื่อแสดงสัญลักษณ์ต่อต้านการเหยียดผิวนั้น อินสตาแกรมทางการของทีมโบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค ได้นำไปโพสต์และบรรยายภาพเป็นภาษาเยอรมันว่า “ภาพนี้ไม่ต้องมีคำบรรยาย”
มาร์โค โรส ผู้จัดการทีมกลัดบัคบอกว่า “มาร์คุส แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขาต่อต้านการเหยียดสีผิว ซึ่งพวกเราทั้งทีมก็สนับสนุนเขาหมดใจเช่นกัน”
ท่าคุกเข่าฉลองประตูของ มาร์คุส ตูราม เลียนแบบมาจากท่าเดียวกันของโคลิน แคเพอร์นิค นักอเมริกันฟุตบอล ที่แสดงออกต้านการเหยียดสีผิวระหว่างการบรรเลงเพลงชาติสหรัฐฯ ก่อนเกมการแข่งขัน ในปี 2016
นอกจาก จาดอน อาชราฟ และมาร์คุสแล้ว นักฟุตบอลในบุนเดสลีกาที่แสดงออกสนับสนุนแคมเปญ #BlackLivesMatter ยังมีเวสตัน แมคเคนซี กองกลางจากทีมชาลเก้ 04 ที่สวมปลอกแขนที่มีข้อความ Justice for George ในเกมที่แข่งขันกับแวร์เดอร์ เบรเมนอีกด้วย
หลังเกม เวสเตอร์ แมคเคนซี อธิบายการแสดงออกด้วยการสวมปลอกแขนของเขาผ่านทางอินสตาแกรม และทวิตเตอร์
“ผมภูมิใจที่ได้มีช่องทางในการเรียกร้องให้ผู้คนมองเห็นปัญหาที่มีมานานแล้วและก็ยังไม่หายไปจากโลก
เราทุกคนต้องลุกขึ้นมาแสดงออกว่า เราไม่ได้นิ่งนอนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น และเราเชื่อว่า คงถึงเวลาเสียทีที่เสียงของพวกเราจะดังพอ” และเวสเตอร์ทิ้งท้ายด้วยแฮชแท็ก #justiceforgeorgefloyd #saynotoracism
จริงๆ แล้ว กฎของฟีฟ่า (สมาพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ) มีอยู่ว่า นักฟุตบอลจะต้องไม่แสดงออกเรื่องการเมือง เชื้อชาติ โฆษณาสินค้าส่วนตัว ในสนามแข่งขัน การแสดงออกของนักฟุตบอลในบุนเดสลีก้าอาจจะถูกฟีฟ่าเพ่งเล็งเอาผิดได้ แต่นาทีนี้มันต้องอาศัยทุกเวทีในการส่งเสียงให้ดัง
เราต้องไม่กลัวที่จะพูดในสิ่งที่ถูกต้อง พวกเราต้องรวมกันเป็นหนึ่งเดียว และต่อสู้เพื่อความยุติธรรม เราจะแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเราร่วมแรงร่วมใจ” จาดอน ซานโช กล่าว
นอกจากนักฟุตบอลชื่อดังแล้ว ยังมีนักแข่งรถฟอร์มูลา-วัน อย่าง ลิวอิส แฮมิลตัน ดาเนียล ริคคาร์โด และชาร์ลส์ เลอเคลิร์ก ที่ต่างออกมาโพสต์สนับสนุนแคมเปญ #BlackLivesMatter
เริ่มที่ ลิวอิส แฮมิลตัน ที่ออกมาแสดงออกสนับสนุนแคมเปญต้านการเหยียดสีผิว “ผมไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรง การปล้น การเผาไม่ใช่การแก้ปัญหา ผมสนับสนุนให้มีการแสดงออกอย่างสันติดีกว่าครับ
สันติระหว่างสีผิวจะเกิดขึ้นได้ต้องมาจากรัฐบาลของแต่ละประเทศ ผมไม่ได้พูดถึงแค่อเมริกา ที่อื่นๆ ก็ยังมีเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นในสังคม ทั้งอังกฤษ สเปน อิตาลี และที่อื่นๆ
แต่ละประเทศต้องให้การศึกษาประชาชนของตัวเองว่า การปฏิบัติแบบสองมาตรฐานนั้นไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง ทุกๆ คนเกิดมามีความเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียมกัน”
ลิวอิส แฮมิลตัน ยังได้ออกมาวิจารณ์นักแข่งเอฟวันคนอื่นๆ ว่า ทำไมจึงมีท่าทีเฉยเมยกับประเด็นการเหยียดผิว
แชมป์เอฟวัน 6 สมัย โพสต์ในอินสตาแกรมของเขาว่า “ผมสังเกตเห็นว่าพวกคุณเก็บตัวเงียบเชียบกันหมด พวกดาราดังๆ อย่างพวกคุณมีชีวิตอยู่ได้ยังไงท่ามกลางความอยุติธรรมแบบนี้
“ผมไม่เห็นสัญญาณใดๆ จากเพื่อนร่วมอาชีพของผมเลย หรือว่ากีฬาชนิดนี้เป็นของหมู่มวลคนผิวขาวเท่านั้น ผมคงเป็นนักกีฬาเอฟวันผิวสีเพียงคนเดียวละมั้ง เอาหละ ถึงแม้จะมีผมเพียงคนเดียว ผมก็จะต้องพูดเรื่องที่ไม่ยุติธรรมนี้ ถ้าพวกคุณไม่อยากสนับสนุนพวกเราก็ไม่เป็นไร ให้มันรู้กันไปสิ”
หลังจากโพสต์ของลิวอิส เพื่อนร่วมอาชีพนักแข่งรถสูตรหนึ่งก็ทยอยกันออกมาแสดงตัว ทั้ง ดาเนียล ริคคาร์โด ชาร์ลส์ เลอเคลิร์ก และแลนโด นอร์ริส
ดาเนียล ริคคาร์โด โพสต์ในอินสตาแกรมของเขาว่า “ได้เห็นข่าวเมื่อสองสามวันก่อนทำให้รู้สึกเศร้าใจ เรื่องที่เกิดขึ้นกับจอร์จ ฟลอยด์ สะท้อนสิ่งที่ยังคงเกิดขึ้นในสังคมทุกวันนี้ ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าทุกคนจะต้องแสดงออกมาว่าเราไม่ยอมรับแนวคิดที่ไร้เกียรติอย่างนี้
“การเหยียดผิวเป็นพิษร้ายที่ต้องขจัดทิ้งไป เราต้องไม่เพิกเฉยหรือแสดงออกด้วยความรุนแรง แต่ต้องแสดงออกว่า เราไม่เห็นด้วย นี่มันปี 2020 แล้ว พวกเราเป็นมนุษย์ที่ดีกว่าเก่า ชีวิตของคนดำมีค่า”
ขณะที่นักแข่งทีมเฟอร์รารี่ ชาร์ลส์ เลอเคลิร์ก โพสต์ว่า “พูดจริงๆ นะ ตอนแรกผมรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องของผมที่จะโพสต์แสดงความคิดเห็นส่วนตัวเกี่ยวกับเรื่องนี้ออกสู่ช่องทางโซเชียลมีเดียส่วนตัว แต่ขอโทษเถอะครับที่ผมคิดผิดไป และเพิ่งจะมาโพสต์เอาตอนนี้
“หลังจากเห็นภาพความโหดร้ายที่เกิดขึ้นในวิดีโอ ผมยังคงพยายามสรรหาคำพูดที่สามารถจะบรรยายความรู้สึกของตัวเองออกไปได้อย่างยากลำบาก แน่นอนครับ เราไม่ควรนิ่งเฉย ควรมีการแสดงออกเพื่อต่อต้านการเหยียดผิว ผมเป็นคนหนึ่งที่ขอเป็นกระบอกเสียงเพื่อต้านความไม่เท่าเทียมนี้ #BlackLivesMatters”