สาวน้อยขายาว ผิวแทน ใบหน้าเก๋ ที่วัยรุ่นยุค 90 อาจจะคุ้นหน้ากับเธอ เพราะหลายๆ ครั้งเรามักจะเห็นเธอติดตาม คุณแม่ตุ๊กตา-จิตรลดา ดิษยนันท์ บอสใหญ่แห่งค่ายกันตนา ไปทำงานอยู่บ่อยๆ สาวน้อยที่เราพูดถึงอยู่นั้น วันนี้เธอเป็นแอคทีฟ เกิร์ล คลื่นลูกใหม่แห่งกันตนา “สตางค์-ดิษย์ลดา ดิษยนันท์” จากนางแบบสู่การเป็นผู้จัดละคร และบทบาทใหม่กับการเป็นนักธุรกิจผู้ไม่หยุดคิดโปรเจกต์ใหม่ๆ ให้ตัวเองเสมอ
สำหรับคอละคร รู้มั้ยว่าละครดังหลายเรื่องที่เราดูอยู่นั้น เป็นผลงานการจัดของผู้จัดหน้าใหม่ แต่แบล็คกราวน์แน่นปึ้ก อย่าง น้องสตางค์ ลูกสาวแม่ตุ๊กตา หลังจากที่เรียนจบด้านวิทยุและโทรทัศน์ จาก มหาวิทยาลัย Syracuse University ประเทศสหรัฐอเมริกา และไม่รีรอที่จะต่อปริญญาโทด้านการตลาดที่ University of Westminster ลอนดอน ประเทศอังกฤษ จนคว้าเกียรตินิยมอันดับ 2 มาให้คุณพ่อคุณแม่ได้ภูมิใจ ก็ได้เวลาที่เธอจะกลับมาโลดแล่นสร้างผลงานบนจอแก้ว ตามความถนัดเดิมของครอบครัวเธอแล้ว
“หลักๆ ตอนนี้เป็นผู้จัดละครของค่ายกันตนาเอฟโวลูชัน ทำมาได้ 3-4 ปีแล้ว เน้นผลิตละครให้ช่อง 3 ผลงานที่ออกมาก็อย่างเช่น ห้องหุ่น ดาวหลงฟ้าภูผาสีเงิน เงินปากผี รักร้าย และมีที่กำลังจะฉายและเตรียมเปิดกล้องอีกหลายเรื่อง ด้วยความที่เราโตมาในกองถ่ายได้เห็นทุกอย่าง แต่พอมาทำงานเองจริงๆ เจอโปรเจกต์ที่ยากขึ้นเรื่อยๆ ก็ถือว่าเป็นการฝึกตัวเอง ทำให้ได้เรียนรู้ ผิดพลาดอะไรก็เป็นบทเรียนให้ตัวเอง แก้ปัญหาเฉพาะหน้าเอง เป็นวิธีที่ทำให้เรียนรู้เร็วที่สุด”
ครั้งหนึ่งก่อนที่จะกลับมาสานต่อธุรกิจครอบครัว เธอเคยเป็นนางแบบคนไทยที่มีชื่อเสียงโด่งดังอยู่บนแคตวอล์กนิวยอร์ก แต่อยู่ๆ เธอกลับแขวนรองเท้าส้นสูง แล้วเดินลงจากแคตวอล์ก ทั้งที่เป็นช่วงที่อาชีพนางแบบกำลังรุ่งสุดๆ สำหรับเธอ!
“กับงานด้านนางแบบเป็นช่วงหนึ่งของชีวิตที่แฮปปี้ แต่มองว่าเป็นอาชีพที่เราไม่สามารถทำได้ตลอดไป นางแบบใหม่ๆ เกิดขึ้นทุกวัน ก็เลยตัดสินใจออกจากวงการ ทั้งที่ช่วงนั้นถือว่าเป็นช่วงที่อาชีพนางแบบกำลังพีคสำหรับเรา ส่วนหนึ่งเพราะตอนนั้นโฟกัสของเราไปที่อื่นแล้ว อยากจะสร้างอย่างอื่นให้ตัวเอง อย่างธุรกิจที่อยากจะทำ แล้วก็ถึงเวลาที่ต้องช่วยธุรกิจครอบครัวด้านละครด้วย”
ตอนนี้เธอมาโฟกัสอยู่ที่งานละครเป็นส่วนใหญ่ ควบคู่ไปกับการทำธุรกิจภายใต้ชื่อ บริษัท Tone House ซึ่งมีหลายอย่างที่เธอสนใจเกี่ยวกับเรื่องของสุขภาพและความงาม ไม่ว่าจะเป็น Tone Box ยิมออกกำลังกายแบบส่วนตัว, Tone Glam ร้านทำผม และ Tone Squat เสื้อผ้าออกกำลังกาย และยังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะยังมีอีกหลายแพลนอยู่ในหัวของเธอ
“อีกอย่างที่ทำอยู่ก็คือ ไพรเวท เทรนนิงยิม สำหรับลูกค้าที่ไม่ชอบออกกำลังกายกับคนเยอะๆ และอยากมีเทรนเนอร์ส่วนตัว เพราะตัวเองเป็นคนชอบออกกำลังกาย มองว่าการลงทุนที่ดีที่สุดคือ ร่างกายและสุขภาพของเรา นอกจากนี้ ก็ยังมีอีกหลายธุรกิจภายใต้บริษัทชื่อ Tone House ที่ตั้งใจโฟกัสธุรกิจที่เรากำลังพยายามสร้างอยู่”
ด้วยความที่ชอบออกกำลังกาย สไตล์ของสาวหน้าคมอาจแตกต่างกับสาวๆ แฟชั่นนิสต้าคนอื่นๆ เพราะหลายครั้งเราจะเจอเธอในลุคของสปอร์ตแวร์ ที่ให้อารมณ์สาวแอคทีฟแบบเต็มๆ
“สไตล์ของสตางค์เป็นคนเรียบง่ายมาก คุณแม่จะแซ่บกว่า (หัวเราะ) แต่ด้วยความที่เราชอบออกกำลังกาย ก็จะใส่ชุดออกกำลังกายทุกวัน ชอบบูทีคแบรนด์ของชุดออกกำลังกาย ที่เข้ายิมเสร็จแล้วสามารถออกไปห้างได้ ไปไหนก็ได้ในชุดเดียว แบรนด์ที่ชอบก็อย่าง p.e nation ของออสเตรเลีย
ถ้าวันอื่นๆ ก็จะสบายๆ ไม่ค่อยมีสีสัน ใส่อยู่ไม่กี่สี เช่น น้ำเงิน ดำ ขาว เบจ เป็นคนไม่ใช่สายหวาน นอกจากจะออกงาน (หัวเราะ) แม้จะเห็นเราในชุดออกกำลังกาย แต่เวลาไปงานก็เต็มนะ ชอบใส่เสื้อผ้าของไทยดีไซเนอร์ เพราะดีไซน์ค่อนข้างยูนีค ไม่เหมือนคนอื่น แต่ถ้าจะซื้อแบรนด์เนมต้องมั่นใจว่า สิ่งพวกนี้สามารถใส่ได้ตลอดไป ซื้อไอเทมคลาสสิกที่ใส่ได้ทุกโอกาส จะไม่ชอบอะไรที่แฟชั่นมาก แต่ถ้าเจอที่ชอบจริงๆ ก็ซื้อ อย่างเช่นตัวเองเป็นคนชอบใช้กระเป๋าสะพายใบเล็กๆ เน้นความคล่องตัว พกเฉพาะของที่จำเป็น เงิน บัตร โทรศัพท์มือถือ แค่นั้นพอ”
ส่วนในเรื่องของการดูแลตัวเองนั้น เธอบอกว่าทุกอย่างเริ่มมาจากการออกกำลังกาย ให้ร่างกายดูแลตัวเองจากการออกกำลังกาย
“ทุกอย่างเริ่มจากการออกกำลังกาย ถ้าออกกำลังกายเท่ากับเหงื่อออกเยอะ เราก็ได้ในเรื่องของผิวพรรณ ระบบเผาผลาญ ระบบต่างๆ ของร่างกายก็ทำงานดี เรื่องอาหารการกินไม่ซีเรียสเลย กินทุกอย่าง แต่ด้วยความที่เราออกกำลังกายก็เลยไม่ค่อยมีปัญหา สมัยเป็นนางแบบต้องระวังเรื่องการกินมาก แล้วตอนนั้นลดด้วยวิธีผิดๆ อย่าง การอดอาหาร แล้วก็รู้สึกไม่โอเค ตั้งคำถามกับตัวเองว่า ทำไมเราต้องมาทรมานตัวเอง? แต่ตอนนี้ออกกำลังกาย รู้สึกดีกว่าที่เคยเป็น”
นี่แหละสไตล์สาวสตางค์ที่มีความยูนีคในแบบที่เป็นเธอ จะแฟชั่นอย่างไรก็แล้วแต่ ที่สำคัญต้องพร้อมลุยกับทุกงานในแบบฉบับของสาวแอคทีฟ