เทรนด์รักสุขภาพ ยังคงมาแรงทุกปี โดยเฉพาะ การดูแลรูปร่าง ที่หลายคนหันมาสนใจตัวเอง ล่าสุด คงได้ยลโฉมหุ่นใหม่ที่ไฉไลกว่าเดิมของ ตั๊ก-บงกช คงมาลัย ที่หันมาฟิตหุ่นจริงจัง จนน้ำหนักที่เคยพุ่งสูงถึง 88 กก. เหลือเพียง 50 กก. และกลายมาเป็นแรงบันดาลใจให้กับสาวเจ้าเนื้ออีกหลายคน
ใช่ว่าจะมีแค่ตั๊กที่ลุกขึ้นมาลดน้ำหนักได้มากกว่า 20 กก. ยังมีเซเลบสาวอีกหลายคน ที่ในอดีตเคยตุ้ยนุ้ย แต่ลุกขึ้นมาปฏิวัติตัวเองและลดน้ำหนักอย่างจริงจัง จนทุกวันนี้ หุ่นลีนสวยเพรียวเป๊ะปังกันทุกคน
จากสาวอวบถึงขั้นอ้วนจนเพื่อนๆ ให้ฉายาว่า “เสาหิน” แต่มาวันนี้ “งามแข อมาตยกุล” สาวสังคมสุดเปรี้ยวกลับมีรูปร่างผอมเพรียว แถมยังได้รับโอกาสให้ไปถ่ายแบบ ถ่ายโฆษณา (งานอดิเรกสมัยเรียนก่อนผันมาทำ Markering highend & luxury) อะไรที่ทำให้เธอปฏิวัติตัวเองจนเปลี่ยนเป็นคนละคน
แขเล่าด้วยน้ำเสียงสดใสว่า เคยหนักสุดถึง 75 กก. แต่เคยมากกว่านี้หรือเปล่าไม่แน่ใจ เพราะกล้าชั่งเพียงเท่านี้ “ชุดนิสิตแน่นมากจนเพื่อนแซวว่า ระวังกระดุมกระเด็น เวลานั่งกินข้าวกันเพื่อนชอบมาแย่งขนมเรา โดยให้เหตุผลว่ากลัวจะอ้วนไปกว่านี้”
เหตุผลที่ลุกขึ้นมาลดความอ้วนนั้น แขบอกว่าน้ำหนักทุก 5 กิโลที่ขึ้นมา เท่ากับ 1 โรคประจำตัวที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน “สมัยก่อนตอนอยู่นิเทศฯ จุฬาฯ ปี1 ของอร่อยเต็มสามย่านสะพานเหลือง กินจนน้ำหนักขึ้นมา 10 โลใน 1 ปี ตอนนั้นทุกครั้งที่มีประจำเดือนจะปวดหลัง ปวดท้อง และปวดไมเกรนมาก วันแรกของประจำเดือนต้องลาหยุดบ่อยมากเกือบทุกเดือน ที่แย่ที่สุดคือปวดหลังล่าง นั่นทำให้รู้สึกว่าทำไมร่างกายเราพังได้ขนาดนี้ ทั้งๆ ที่เพิ่งอายุ 20 ต้นๆ เอง”
เมื่อปัญหาสุขภาพรุมเร้าตั้งแต่วัยสาว เธอจึงลุกขึ้นมาลดน้ำหนักอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งอดอาหาร หรือใช้ยาลดน้ำหนักเข้ามาช่วย แต่ก็ไม่ได้ผล สุดท้ายมาลงเอยด้วยวิธีการควบคุมอาหารและออกกำลังกายร่วม จนทุกวันนี้น้ำหนักลงมาคงอยู่ที่ 55 กก.
“ตอนนั้นเรียกได้ว่าเปลี่ยนชีวิตเลยค่ะ เริ่มจากคนที่สั่งข้าวหมูทอดทุกครั้งที่เข้าร้านอาหารญี่ปุ่น ก็เปลี่ยนมาสั่งปลาย่างแทน ช่วงเดือนแรกเข้มงวดมากค่ะ เพราะ No Carb, No Fries, No dessert ขนมนมเนยอะไรที่ทำไห้อ้วนเลิกหมด เน้นกินผัก กินปลา กินอกไก่ จนเบื่อ แต่ก็พยายามกินซ้ำๆ เพราะนึกอะไรไม่ออก จริงๆ มัน extreme มากค่ะ วิธีนี้ลงเร็วแต่ไม่ค่อยยั่งยืนเหมือนระบบเผาผลาญเราเริ่มแย่
ช่วงที่น้ำหนัก 60 (ลดมาแล้ว 15 โล) เหมือนเป็นช่วงตัน น้ำหนักไม่ลดเลย พยายามเท่าไหร่ก็ไม่ลด คือรู้สึกแข็งแรงขึ้นแต่ไม่ได้ผอมลง เลยต้องพึ่งยาลดความอ้วน ซึ่งก็ได้ผลช่วงสั้นๆ เพราะลงมา3 กิโล แต่พอเลิกกินกลับโยโย่ขึ้นมาอีก5 โล แถมไม่ได้รู้สึกเฮลท์ตีขึ้น ไม่ค่อยหิวและรู้สึกไม่มีแรง เป็นจุดที่ร่างกายสับสนกับกลไกการเด้งไปเด้งมาของน้ำหนัก ซึ่งพอโย่โย่ขึ้นมาเนี่ยลดยากกว่าเดิมอีกเท่าตัวเลยค่ะ ที่เคยคิดว่าตันคิดว่ายากแล้ว แต่การลดเจ้าตัวโยโย่เนี่ยยากกว่ามาก แทบจะหมดกำลังใจ แต่ก็ฮึดใหม่ได้ เพราะอุตส่าห์มาตั้งไกล 15 โลแล้ว จะยอมแพ้ได้อย่างไร” หญิงสาวเผยความมุ่งมั่น
หลังลองผิดลองถูกมาหลายวิธี สุดท้ายก็มาลงเอยที่การควบคุมอาหารและมีวินัยในการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
“แขว่าทุกคนรู้ว่าเราควรควบคุมอาหารและออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนัก ซึ่งแต่ละคนมีวิธีที่ได้ผลช้าเร็วแตกต่างกัน อย่าง แขจะเน้นเรื่องกิน 80% คือเลือกกิน กินอย่างมีสติ เน้นผักเน้นเนื้อ พยายามลดแป้ง และเปลี่ยนแป้งขัดขาวมาเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ซึ่งจะช่วยให้เราอิ่มนานและสารอาหารครบกว่า หลายคนหิวบ่อยแต่รู้ไหมคะว่า จริงๆ ที่หิวไม่ใช่เพราะได้รับปริมาณอาหารที่ไม่เพียงพอ แต่เพราะเราได้รับสารอาหาร วิตามิน แร่ธาตุ ไม่เพียงพอต่างหาก ดังนั้น หากเราเลือกกินให้มีคุณภาพ ครบถ้วนตามปริมาณของอาหารแต่ละหมู่ (เช่น โปรตีน 1 ฝ่ามือ คาร์โบไฮเดรต 1 อุ้งมือเล็ก และไขมันเท่าหัวแม่โป้ง เป็นต้น) ก็จะลดน้ำหนักและสร้างวินัยที่ดีในการกินให้ตัวเองได้ ส่วนการออกกำลังอีก 20% เน้นเล่นกีฬา ที่ชอบ เป็นคาร์ดิโอผสมเวทเทรนนิงเข้าไป”
แขบอกอีกว่าวินัยก็สำคัญมาก การรักษาความสม่ำเสมอของการกินและการออกกำลังกาย คือกุญแจแห่งความสำเร็จที่ต้องใช้ความพยายาม เพราะกรุงโรมไม่ได้สร้างได้ใน 1 วันเช่นใด หุ่นสวยก็ปั้นไม่ได้ภายใน 1 วัน เช่นกัน
“คิดเล่นๆ ว่า เราสะสมไขมันเหล่านี้มากี่ปีแล้ว (ในกรณีของแขคือ 21-22 ปี) ดังนั้น ต้องอดทนและรอผลลัพธ์ที่จะได้อย่างใจเย็น ไม่หักโหม คือหนทางแห่งการมีสุขภาพดีที่ยั่งยืน”
แขบอกว่าหลังจากลดน้ำหนักไปได้ระยะหนึ่ง สุขภาพก็ดีขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับรูปร่างและความมั่นใจที่ผลิบานอย่างช้าๆ แต่ได้ผลอย่างยั่งยืน
“รู้สึกเลยค่ะว่าความเจ็บปวดทางกายภาพ ปวดหัวบ่อย ปวดหลัง ปวดท้อง คือหายเลยค่ะ เดี๋ยวนี้ต่อให้ประจำเดือนมาก็ไม่ค่อยปวดแล้ว กลายเป็นว่าคนอื่นๆ ก็ปฏิบัติกับเราเปลี่ยนไป เคยมีเพื่อนคนหนึ่งที่เราแอบชอบเขามาตั้งแต่ปี 1 และสารภาพรักกับเขามาทุกปี จนมาปี 4 ตอนที่เราผอมลงแล้วเพื่อนคนนั้นถึงอยากลองคบลองคุยกับเรา ทั้งๆ ที่ 3 ปีที่ผ่านมาเขาบอกว่าเราเป็นเพื่อนกันมาตลอด ตอนนั้นรู้เลยว่า บุคลิกภาพมีผลจริงๆ เหมือนกับดอกไม้ที่มีหลากหลายสีสันและรูปทรง เราเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนสวยในแบบของตัวเอง แต่เราก็สนับสนุนให้ทุกคนได้ผลิบานใน The best version of yourself จุดมุ่งหมายของการออกกำลังกายหรือเลือกกินอาหารดีๆ จึงไม่ใช่แค่การได้ลดน้ำหนักตามเป้า แต่ปลายทางคือสุขภาพที่ดี เพื่อให้มั่นใจว่าเราจะใช้ชีวิตในทุกๆ วันอย่างมีความสุข เพื่อให้เราได้ทำในสิ่งที่อยากทำอย่างเต็มที่เท่านั้นเอง”
ขณะที่ เซเลบสาวไซส์มินิ “จุ๋ย-จรสพรรณ สวัสดิวัตน์ ณ อยุธยา” เล่าให้ฟังว่า ด้วยความที่เธอชอบสรรหารับประทานของอร่อยเป็นประจำ ทำให้น้ำหนักตัวเคยพุ่งสูงถึง 46 กก. สำหรับคนส่วนสูงเพียง150 เซนติเมตรต้นๆ อย่างเธอ ถือว่าเข้าขั้นอวบ เธอจึงหาสารพัดวิธีลดน้ำหนัก
“ช่วงหนึ่งจุ๋ยจะดูบวมๆ มาก แต่ช่วงนั้นก็คิดว่าเรากินยาช่วยบล็อกไขมัน บล็อกแป้ง ตามที่มีการโฆษณาก็น่าจะช่วยไม่ให้น้ำหนักขึ้นได้ แต่สุดท้ายวิธีนี้กลับไม่ได้ผล มิหนำซ้ำน้ำหนักยังเพิ่มขึ้นอีก”
จุ๋ยเล่าว่าช่วงนั้นเครียดมาก เพราะชุดเดิมที่เคยใส่กลับใส่ไม่ได้ เธอจึงปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ลดน้ำหนักอย่างเร่งด่วน “ตอนนั้นจุ๋ยควบคุมอาหารค่อนข้างลำบาก เพราะชอบทาน ดังนั้น วิธีลดความอ้วนที่ดีที่สุดคือ เข้าฟิตเนสอย่างจริงจัง อาศัยเทรนเนอร์ช่วย ซึ่งจุ๋ยจะไปออกกำลังกายเกือบทุกวัน ช่วงแรกจะคาร์ดิโอวันละ 45 นาที ตามด้วยเล่นบอดี้เวทอีกวันละ 1 ชั่วโมง”
จุ๋ยยอมรับว่าช่วงแรกค่อนข้างเหนื่อย สำหรับคนที่ไม่เคยออกกำลังกายอย่างเธอ แต่พอเห็นผลลัพธ์ที่ทำให้เธอมีรูปร่างดีขึ้นเรื่อยๆ ก็ทำให้ฮึดสู้
“ตอนนี้น้ำหนักจุ๋ยอยู่ที่ 41 กก. ซึ่งไม่ได้ลดมากจากเดิม แต่ที่เห็นชัดคือสมส่วนขึ้น มีเอว มีสะโพก เพื่อนๆ ทักว่าช่วงนี้ดูเซ็กซี่มากกว่าเก่า เพราะมีทรวดทรงองค์เอว ตอนนี้จุ๋ยพอใจในหุ่นของตัวเองมากค่ะ”
เป็นอีกหนึ่งสาวสังคมรุ่นใหญ่ ที่สร้างแรงบันดาลใจในการลดน้ำหนักให้กับคนรุ่นใหม่ได้ไม่น้อย สำหรับ “เมก้า ศรีอรทัยกุล” ภรรยาคนสวยของเดอะหนึ่ง สุริยน ที่ตั้งใจและทุ่มเทในการลดน้ำหนักมานานถึง 2 ปี จนทำให้ทุกวันนี้น้ำหนักเธอลดลงมาถึง 10 กก. แถมยังมีใบหน้าที่ดูอ่อนกว่าวัยเป็นของแถม
เมก้าเล่าว่า สมัยก่อนเธอหนักถึง 70 กก. ทำให้มีปัญหาสุขภาพ อย่าง โรคไทรอยด์ แถมมีใบสั่งจากหมอว่า ถ้ายังไม่ลดน้ำหนักอาการไทรอยด์จะกำเริบหนักขึ้นทุกวัน ดังนั้น จึงต้องรีบลดน้ำหนักเป็นการด่วน
“เมก้าไปหาคุณหมอเพื่อตรวจสุขภาพประจำปีที่อินโดนีเซีย คุณหมอบอกว่าร่างกายของเมก้ามีระบบเผาผลาญที่ดี ถ้าลดความอ้วน น้ำหนักจะลงเร็วกว่าคนอื่น ดังนั้น เมก้าจึงอยากลองพิสูจน์”
เมก้าเล่าว่าเธอใช้เวลาถึง 2 ปีในการลดน้ำหนัก โดยเริ่มจากการลดอาหารประเภทแป้ง เลือกรับประทานแต่อาหารคลีนเท่านั้น และออกกำลังกายอาทิตย์ละ 5 วัน ทำให้น้ำหนักลดเหลือเพียงแค่ 59 กก.เท่าน้ัน
“ช่วง3 เดือนแรกของการออกกำลังกาย เหนื่อยและทรมานมาก จากเป็นคนทานเก่งและไม่เคยออกกำลังกายเลย แต่พอต้องลดอาหารแถมออกกำลังกายอีก เหนื่อยหนักเอาการ เราต้องรับประทานอาหารให้น้อยลง คุมแป้ง เข้าฟิตเนส เรียนเต้นซุมบ้า และเล่นโยคะ ผสมกับการคาร์ดิโอเป็นประจำวันละ45 นาทีเป็นอย่างต่ำ ก็ช่วยได้เยอะมาก พอผ่านช่วง3 เดือนแรกไปแล้ว ทุกอย่างก็เริ่มเข้าที่ กลายเป็นคนชอบออกกำลังกายไปโดยปริยาย”
เมก้าเล่าต่อว่า หลังจากที่น้ำหนักลดลงมา ทำให้เธอมีสุขภาพดีขึ้น อาการไทรอยด์ที่เคยมาก่อกวนจิตใจก็แทบหายไปเลย ที่สำคัญ ไปไหนมาไหนก็มีคนทักตลอดว่า ดูหน้าเด็กขึ้น ซึ่งทุกอย่างล้วนเกิดจากความตั้งใจและความมุ่งที่อยากจะมีสุขภาพดี เพื่อที่จะได้มีชีวิตยืนยาวอยู่กับลูกๆ ไปตลอด
ปิดท้ายที่บอสหญิงเก่งคุณแม่ลูก 3 แห่งไฮโซปาร์ตี้ “หญิง-ปรียามล ธนวิสุทธิ์” ที่ยอมรับว่าตอนคลอดลูกคนที่ 3 ได้เพียง 3 เดือน น้ำหนักพุ่งสูงถึง 75 กก. เธอจึงลองผิดลองถูกในการลดน้ำหนักมาหลายวิธี สุดท้ายก็มาตกผลึกที่การควบคุมอาหารที่ได้ผลชะงัก จนทุกวันนี้กลายเป็นคุณแม่ลูก 3 ที่หุ่นเป๊ะมากคนหนึ่ง
“เป็นคนไม่ค่อยชอบออกกำลังกายเลย ดังนั้น การลดน้ำหนักที่ได้ผลที่สุดสำหรับเราคือ การควบคุมอาหาร ซึ่งช่วงแรกเราใช้วิธีกินแต่โปรตีน เนื้อสัตว์ ปลา หมู ไก่ ไม่กินแป้งเลย ปรากฏว่าเราผอมเร็วก็จริง แต่ร่างกายเรามีโยโย่ มันไม่ได้ผล ระบบเผาผลาญพังมากเนื้อก็เหลว ดังนั้น จึงเปลี่ยนมาใช้วิธีไม่กินแป้งเหมือนเดิม แต่เปลี่ยนมากินเกาเหลา กินผัก ในทุกมื้ออาหาร และระหว่างวันก็จะทานผลไม้เพียงแค่แอปเปิ้ล กับฝรั่งเท่าน้ัน และก็ดื่มน้ำเปล่าวันละ1.5 ลิตร ทุกวัน ปรากฏว่าน้ำหนักลดลงมาจาก 75 กก. เหลือเพียง 57 กก. ซึ่งเป็นการลดความอ้วนที่ได้ผลดีมาก” คุณแม่ลูกสามแนะเทคนิคการควบคุมอาหารแบบได้ผลยั่งยืน