xs
xsm
sm
md
lg

“พิมพ์รุจา ศานต์ตระกูล” จับเฟอร์นิเจอร์มิกซ์เข้ากับแฟชั่น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


หลายคนคงคุ้นชินกับแบรนด์ Decor Mart ที่เป็นผู้นำธุรกิจดีไซน์และสินค้าไลฟ์สไตล์ ที่รวบรวมเฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้านสารพัดชนิด ให้บริการคนรักคนชอบแต่งบ้านกันมาเป็นระยะเวลานานกว่า 30 ปี ซึ่งเป็นเวลาที่ยาวนานพอๆ กันกับอายุของ “โอห์มมี่-พิมพ์รุจา ศานต์ตระกูล” ทายาทรุ่นที่ 2 ของ Decor Mart ที่ตอนนี้ก้าวขึ้นมานำทัพ DMHOME ปรับโฉมใหม่ของธุรกิจครอบครัว ที่มุ่งสร้างสรรค์สู่โลกแห่งดีไซน์มากยิ่งขึ้น พร้อมกับเปิดทางเลือกใหม่ๆ ด้วยการนำเข้าเฟอร์นิเจอร์จากการออกแบบของเหล่าแบรนด์แฟชั่นชั้นนำของโลก

ก่อนหน้าที่เธอจะก้าวมากุมบังเหียนในตำแหน่งรองประธานบริษัท DMHOME นั้น พิมพ์รุจาถือได้ว่าเป็นนักออกแบบระดับมือรางวัล โดยเธอจบการศึกษาในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาจากประเทศสกอตแลนด์ และปริญญาด้านสถาปัตยกรรมจาก University of Dundee และทำงานกับบริษัทออกแบบชั้นนำระดับโลกอยู่หลายปี ทั้งที่สกอตแลนด์ อังกฤษ และในเมืองไทย

“โอห์มเพิ่งจะกลับมาเมืองไทยเมื่อราว 6 ปีที่แล้วเอง ที่จริงโอห์มคิดว่าจะอยู่เมืองนอก ไม่ได้คิดว่าจะกลับเมืองไทยเลย เพราะหลังจากเรียนจบ ก็ทำงานอยู่ที่นั่น แล้วก็สนุกกับงานมาก แต่กลับมาเมืองไทยนี่เพราะว่ามีช่วงหนึ่งคุณแม่บินไปเยี่ยม แล้วเขาเห็นไลฟ์สไตล์เราทำงานหนักมาก คือกลับบ้านตีสี่ พอแปดโมงเช้าก็ออกไปทำงานอีกแล้ว เขาก็เห็นว่าชีวิตเราจะเป็นแบบนี้หรือ ทำงานแบบไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน กลัวสุขภาพไม่ดี ไม่อยากให้เรามีไลฟ์สไตล์แบบนั้น ก็เริ่มคุยว่าอยากให้กลับมาเมืองไทย เราก็เลยลองส่งใบสมัครมาบริษัทเมืองไทยดู แล้วเขารับพอดี คือที่ DWP (Design Worldwide Partnership) บริษัทที่ถือได้ว่าชั้นนำระดับนานาชาติ ก็เลยบินกลับมาอยู่เมืองไทย” พิมพ์รุจาเล่าถึงประวัติให้ฟัง


ในสมัยอยู่ต่างประเทศนั้น เธอได้ศึกษาด้าน Phenomenology เป็นหลัก นั่นคือการสร้างสรรค์ทางเดินของประสาทสัมผัสทั้ง 5 ของมนุษย์ โดยโอห์มอธิบายเพิ่มเติมว่า “คนเรามี 5 สัมผัส การจะสร้างตึกสักแห่ง มันไม่ใช่แค่ตึก แต่เพื่อให้เติมเต็มประสบการณ์ เราต้องคิดถึงองค์ประกอบอื่นด้วย ทั้ง แสง สี เสียง ไม่ว่าจะเป็นรูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัส มันคือการดีไซน์ว่าอยากให้คนเขามาแล้วได้รับประสบการณ์อย่างไรในทุกๆ องค์ประกอบ เหมือนอย่างการวางเส้นทางในการเดินในแต่ละตึก ไปแล้วเจออะไร ลำดับก่อนหลัง เพื่อให้ทุกคนได้รับประสบการณ์ที่สมบูรณ์ที่สุด

ซึ่งโอห์มจะถนัดในการสร้างพวกโรงละคร ก็ได้มีส่วนร่วมกับการสร้างโรงละครและโรงออดิทอเรียมใหม่ๆ ของสถาบันการศึกษาต่างๆ รวมไปถึงได้รีโนเวทโรงละครดังๆ ทั้งหลายในลอนดอนด้วย”

เมื่อกลับมาเมืองไทย เธอรับบทในฐานะลูกจ้างอยู่อีกราว 2 ปีที่ DWP ซึ่งเธอได้มีส่วนรวมในผลงานการออกแบบตึก 98 Wireless โปรเจกต์ระดับซูเปอร์ลักชัวรี ก่อนที่จะก้าวเข้ามารับตำแหน่งในธุรกิจของครอบครัว

“ตอนนี้โอห์มในฐานะรุ่นที่ 2 ได้ดูแล DMHOME ในตำแหน่ง Vice President ซึ่งโอห์มต้องใช้เวลา 3–4 ปี ในการเรียนรู้งานกว่าจะได้ก้าวขึ้นมาตรงนี้ เพราะแม้ว่าเราจะเกิดมาในครอบครัวนี้ ที่ทำธุรกิจในนาม Decor Mart นานกว่า 30 ปี แต่สำหรับโอห์มเองต้องถือได้ว่ามาเริ่มนับหนึ่งใหม่เลยค่ะ เพราะตั้งแต่เด็กโอห์มไม่เคยได้มีส่วนร่วมในธุรกิจเลย ที่บ้านเขาให้อิสระมาก ให้เราได้เลือกเส้นทางเดินชีวิตเอง เรียนสิ่งที่อยากเรียน ทำสิ่งที่อยากทำ ไม่เคยบังคับหรือบอกให้เราต้องกลับมาช่วยงานธุรกิจของที่บ้านเลย...

ที่โอห์มตัดสินใจเข้ามาตรงนี้ เพราะรู้สึกเต็มอิ่มกับการเป็นลูกจ้างแล้ว และจังหวะพอดีกับที่ช่วงนั้นธุรกิจที่บ้านกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนแปลงพอดี เราก็เลยตัดสินใจออกจากงานมาช่วยทำตรงนี้ดีกว่า ที่เราสามารถเลือกทำสิ่งที่เราสบายใจ ไม่ต้องไปทำตามคำสั่งใคร มาเป็นหัวหน้าตัวเองละ”

แต่เธอก็ได้เรียนรู้ว่าการเป็นหัวหน้าหรือเจ้าของธุรกิจไม่ใช่เรื่องง่าย “สิ่งที่ยากที่สุดคือการปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมองค์กร เพราะที่ผ่านมาเราทำงานกับฝรั่ง ทำงานกับต่างชาติมาเกือบตลอด เพื่อต้องมาอยู่ในระบบแบบไทยๆ ก็เลยต้องปรับเยอะ อีกอย่างคือทัศนคติในการทำงาน

เพราะตอนเราเป็นพนักงาน เราทำงานเต็มที่นะ ทำเหมือนบริษัทนั้นเป็นของเรา แต่พอเรามาเป็นเจ้านาย เราถึงได้รู้ว่าไม่ใช่ทุกคนที่คิดแบบเรา เราคาดหวังจะให้มันเป็นแบบที่เราเคยคิด แต่ว่าบางคนเป็นพนักงานเขาก็คิดแค่ว่าเขาเป็นแค่ลูกจ้าง ไม่ใช่ของเขา ไม่ใช่ธุรกิจเขา ก็ไม่ต้องทุ่มขนาดนั้น ซึ่งโอห์มไม่เคยคิดแบบนั้นเลย โอห์ม ทำงานด้วย Passion อยากให้งานมันออกมาดี ทำให้เต็มที่ที่สุด อยากภูมิใจในสิ่งที่เราทำ”

เธอเล่าให้เราฟังถึงการปรับโฉมจาก Decor Mart มาเป็น DMHOME อย่างทุกวันนี้ว่า “จากที่แต่ก่อนเราขายเฟอร์นิเจอร์และสินค้าไลฟ์สไตล์เป็นหลัก แต่ตอนนี้เรามีปรับภาพลักษณ์และขยายการบริการอย่างครบวงจร DMHOME เป็นผู้นำเทรนด์ด้านการแต่งบ้าน ที่คัดสรรเฟอร์นิเจอร์และสินค้าแต่งบ้านจากฝีมือการออกแบบของดีไซเนอร์ระดับโลก แบรนด์แฟชั่นดังๆ ต่างๆ อย่าง Bottega Veneta, Fendi Casa, Kartell, Missoni Home. Ralph Lauren Home, Trussardi Casa, Roberto Cavalli Home และแบรนด์ระดับลักชัวรีอีกมากมาย โดยมีเป้าหมายเพื่อตอบโจทย์รสนิยมและการใช้งานของผู้อยู่อาศัย อีกทั้งเติมเต็มช่องว่างระหว่างบ้านในฝันกับฟังก์ชั่นและดีไซน์ในชีวิตจริง พร้อทั้งนำเสนอไอเดียที่ว่าการแต่งบ้านก็เหมือนกับการเลือกเสื้อผ้า มีเทรนด์ มีอะไรใหม่ๆ มาให้เลือกตลอดเวลา และยังสามารถสนุกกับการมิกซ์แอนด์แมตช์ได้อย่างมีสีสัน

จุดยืนของเราคือวิธีการนำเสนอ เราพยายามแสดงให้เห็นว่างานดีไซน์คือรายละเอียดหนึ่งของชีวิตประจำวันที่สามารถอยู่ได้ทุกที่ เหมือนเทรนด์แฟชั่นที่มีฟังก์ชั่นในการใช้งานและความสวย อีกทั้งยังนำเสนอบริการครบวงจรในการแต่งบ้านให้กับลูกค้า ใส่ใจในทุกรายละเอียด ให้ทุกองศาของการใช้ชีวิตในบ้านเต็มไปด้วยความสุข”

พร้อมกันนี้ สาวโอห์มยังบอกว่าได้นำประสบการณ์ในการทำงานมาใช้ได้แบบเต็มที่ “ไม่ว่าจะเป็นการคัดเลือกแบรนด์เข้ามา เราเลือกแต่ละแบรนด์ตรงความยูนีคของเขา แต่ละแบรนด์มีรายละเอียดของตัวเองที่โดดเด่นแตกต่างกันไป อย่าง Bottega เขาเก๋เรื่องการสาน การเย็บ งานหัตถกรรม หรืออย่างRoberto Cavalli ก็จะสนุกกับการหาโลโก้ที่เขาจะมีประทับอยู่ในของทุกชิ้นของเขา ที่ไม่ซ้ำแบบกัน ก็ดูเท่ไปอีกแบบ แต่ละแบรนด์จะไม่ทับไลน์กันเลย อีกอย่างคือเราได้นำความรู้ด้าน Phenomenologyมาใช้ด้วย อย่างในเรื่องประสาทสัมผัสทั้งห้า ก็เอามาช่วยตรงนี้ได้ มันทำให้เรามองเห็นภาพเลยว่า เฟอร์นิเจอร์เราจะเข้าไปเสริมให้ภาพรวมมันสมบูรณ์ได้อย่างไรบ้าง”

ถือได้ว่าเธอเดินมาถูกทาง และการศึกษาพร้อมทั้งประสบการณ์ทำงานที่ผ่านมา แม้ว่าเธอจะเลือกเพราะความชอบและไม่ใช่การวางแผนการเรียน เพื่อที่จะนำมาใช้กับธุรกิจครอบครัวนี้ แต่ก็กลับสามารถนำมาต่อยอดได้อย่างตอบโจทย์ที่สุด เพราะทั้งงานสถาปนิกและในหน้าที่ความรับผิดชอบล่าสุดนี้ เธอเลือกทำโดยคำนึงถึงผู้อยู่อาศัยและผู้ใช้งานเป็นหลัก

“เวลาเราออกแบบบ้านให้ลูกค้าเราต้องเอาใจเขามาใส่ใจเรา โดยนึกว่าทำอย่างไรจึงจะให้เขาอยู่ได้อย่างสบาย มีครบทั้งฟังก์ชั่น และความสวยงาม พร้อมทั้งต้องโดดเด่นขับเอกลักษณ์ของเจ้าของบ้านออกมาให้ได้มากที่สุดค่ะ”



กำลังโหลดความคิดเห็น