ในชีวิตคนเราจะมีสักกี่ครั้งที่จะได้ใช้ชีวิตแบบสนุกสุดเหวี่ยง ออกเดินทางแบบผจญภัยได้ใกล้ชิดธรรมชาติ เติมเต็มประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับตัวเอง ได้ทำอะไรแปลกใหม่ ตื่นเต้น ท้าทาย ที่ในชีวิตยังไม่เคยได้ลองทำมาก่อน และนี่เองจึงเป็นเหตุผลให้ “กุ๊กกุ๊ก-รัสวดี ควรทรงธรรม” ทายาทเซนต์จอห์น เจนเนอเรชันที่ 3 ขณะนี้กำลังศึกษาปริญญาเอกด้านบริหารการศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ออกเดินทางไปยังแคว้นแคชเมียร์ ดินแดนที่เต็มไปด้วยความงดงามของธรรมชาติครบวงจร แถมตลอดระยะเวลา 10 วันเต็มที่อยู่ดินแดนแห่งนั้น เธอได้ประสบเรื่องราวมากมายอันน่าจดจำ ทั้งต้องนอนกลางดินกินกลางทราย ย้ายที่นอนไปเรื่อย แถมยังต้องเดินย่ำไปบนภูเขาสูงชันเสี่ยงอันตรายมากมาย แต่ทุกอย่างเธอถือเป็นประสบการณ์อันน่าจดจำ และพร้อมถ่ายทอดด้วยความประทับใจ
ชอบเที่ยวสไตล์ไหน : ที่ผ่านมากุ๊กไปเที่ยวกับครอบครัวกับคุณพ่อคุณแม่ ท่านก็จะพาเราไปเที่ยวที่สะดวกสบาย แต่เมื่อล่าสุดทริปที่กุ๊กได้ตามพี่ๆ ในกลุ่มไปเที่ยวที่ทะเลสาบดาล อันเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในแคชเมียร์ อยู่ที่รัฐจามู-แคชเมียร์ ประเทศอินเดีย ตลอด10 วันเต็ม ทำให้เรารู้แล้วว่ากุ๊กชื่นชอบและตกหลุมรักการท่องเที่ยวแบบผจญภัยมากที่สุด
เหตุผลที่เลือกไปแคชเมียร์ : พอดีว่าเมื่อช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมา มีรุ่นพี่ที่สนิทกันเขาได้จองทริปไปแคชเมียร์ และกุ๊กคิดว่าเราก็เป็นคนชอบเที่ยวสไตล์พี่เขาอยู่แล้ว จึงตัดสินใจตามเขาไป และพอไปถึงที่นั่นเราก็ถึงกับตะลึงในความงดงามของธรรมชาติ ที่มีความสวยงามให้เห็นจริงๆ มีทั้งภูเขา หิมะ ทะเลสาบ ทุ่งหญ้าสีน้ำตาล แถมยังมีเกาะกลางทะเลสาบเป็นหย่อมๆ ที่ชาวบ้านใช้ปลูกพืชผัก ผลไม้ได้อีก เรียกว่าเป็นธรรมชาติที่มีครบสูตรสวยจัดเต็ม
12 วันในแคชเมียร์กับชีวิตนอนกลางดินกินกลางทราย : วันแรกของการไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น เราต้องปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์นิดหน่อย เพราะว่าต้องกางเต็นท์นอนกลางดินกลางทราย และต้องเปลี่ยนที่นอนทุกคืน ที่สำคัญเวลาจะถ่ายหนักถ่ายเบา ไกด์เขาจะกางเต็นท์ไว้อีกหลังหนึ่งแล้วขุดหลุมไว้ให้ เมื่อเราเสร็จธุระแล้วก็ต้องขุดดินข้างๆ มากลบ ซึ่งเราต้องใช้ชีวิตแบบนี้ทุกวัน วันแรกก็ปรับตัวนิดหน่อย และพอมาวันหลังก็เริ่มชิน และทุกวันพวกเราทุกคนต้องตื่นกันแต่เช้า เพื่อให้เจ้าหน้าที่พับเต็นท์นอน และเตรียมตัวออกเดินทางเพื่อย้ายไปนอนที่ใหม่ ระหว่างทางที่เดินเราก็จะได้พบกับธรรมชาติสวยงามมากมาย เดินๆ ไปได้พักหนึ่งก็จะเจอทะเลสาบเหมือนอยู่ในอิตาลี เดินไปอีกสักพักก็จะเจอภูเขาเหมือนอยู่ในสวิตเซอร์แลนด์ เดินไปอีกหน่อยก็จะเจอหิมะ อากาศหนาวเย็นมาก เรียกว่ามีธรรมชาติสวยงามครบ ซึ่งตลอดระยะเวลา7 วันของการใช้ชีวิตอยู่บนภูเขา และอีก5 วันกับการเดินชมธรรมชาติ กุ๊กเดินเป็นระยะทางประมาณ 150 กิโลเมตรเลยค่ะ
ประสบการณ์อันแสนทรหดให้อะไรกับชีวิต : กว่าที่เราจะได้ชื่นชมความงดงามของธรรมชาติที่รออยู่เบื้องหน้า กุ๊กก็ผ่านทางเดินอันแสนทรหดไม่น้อย เราต้องเดินผ่านโขดหินอันสูงชัน หรือในบางครั้งเราเดินไปถึงจุดที่สูงมากๆ เราก็จะประสบปัญหาเรื่องการหายใจ เราจะหายใจไม่ค่อยออก ซึ่งเราต้องระวังตัวทุกฝีเก้าในการก้าวเดิน เพราะถ้าสติหลุดไปเมื่อไหร่เราอาจพลัดตกได้ในทันที ซึ่งการเดินทางครั้งนี้สอนให้กุ๊กรู้ว่า ตนต้องเป็นที่พึ่งแห่งตน ไม่มีใครช่วยเราได้ดีที่สุด นอกจากตัวเรา ที่สำคัญ ต้องใช้ชีวิตอย่างมีสติตลอดเวลา เพราะถ้าขาดสติอาจทำให้เราไม่สามารถกลับมาแก้ไขอะไรใหม่ได้ในชีวิต
วางแผนทริปต่อไป : จะไปดูเสือดาวหิมะ ที่อาศัยอยู่ในเทือกเขาหิมาลัย ประเทศอินเดีย ซึ่งเสือดาวหิมะเป็นสัตว์ที่มีนิสัยขี้อายจ ะไม่ค่อยออกมาปรากฏโฉมง่ายๆ และเป็นสัตว์ป่าที่หายากใกล้สูญพันธุ์ ซึ่งถ้าพวกเราทุกคนโชคดีก็อาจจะมีโอกาสได้เจอตัวเป็นๆ ของเสือดาวหิมะสักครั้งหนึ่งในชีวิต