xs
xsm
sm
md
lg

จะเกิดอะไรขึ้น? เมื่อท็อปสเปนเดอร์ไฮโซลักชัวรีแบรนด์ ลุกขึ้นมาขอพื้นที่สื่อ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

แก๊ป- ปณิธิพัธน์ พีรพัฒนกุล และมาร์ค-ธาวิน พี เซียวตง
กลายเป็นประเด็นร้อนในหมู่ลักชัวรีแบรนด์แฟชั่นในบ้านเราขึ้นมาบัดดล เมื่อจู่ๆ ไฮโซพันล้าน “มาร์ค-ธาวิน พี เซียวตง” และเพื่อนเพื่อนซี้เซเลบแห่งภูเก็ต “แก๊ป-ปณิธิพัธน์ พีรพัฒนกุล” ลุกขึ้นมาระบายความอัดอั้นตันใจถึงสื่อมวลชนบางสำนัก รวมทั้งเหล่าดาราแถวหน้าที่ลักชัวรีแบรนด์เชื้อเชิญให้มาเป็นอินฟลูเอนเซอร์ของแบรนด์ แล้วเชิ่ดใส่ลูกค้าระดับท็อปสเปนเซอร์ตัวจริง ที่ใส่รันเวย์พีชไม่พอ ไม่ว่าไปงานไหน ก็จัดเต็มแบบโททัลลุคของแบรนด์ตั้งแต่หัวจดเท้า!

เรื่องราวเบื้องหลังความอึดอัดใจนี้เป็นอย่างไร? อะไรเป็นชนวนที่ทำให้ไฮโซคนดังอดรนทนไม่ไหว “มาร์คและแก๊ป” พร้อมแล้วที่จะเปิดใจเคลียร์ชัดทุกเรื่องแบบเอ็กซ์คลูซีฟ

มาร์ค-ธาวิน พี เซียวตง
“เราชอบพวกสินค้าแบรนด์เนมอยู่แล้ว ซื้อใช้เป็นเรื่องปกติ หลังๆ เราซื้อของในเมืองไทยมากขึ้น เพราะได้ในเรื่องของการบริการ พูดตรงๆ ว่า ราคาของเมืองไทยแพงกว่าประมาณ 30% แต่เราก็เลือกที่จะซื้อในเมืองไทย หลังๆ พวกแบรนด์เนมในไทยเริ่มเข้ามาหาเรามากขึ้น พยายามเชิญชวนให้เรามาชอปในไทย มีการให้ข้อเสนอสิทธิประโยชน์ต่างๆ และมีการเชิญเราไปร่วมงานเวลาเปิดตัวคอลเลกชันใหม่ๆ กับแบรนด์ต่าง” ไฮโซคนดังระดับแฟชั่นนิสต้าตัวแม่เล่าอย่างออกรสก่อนเสริมว่า

“แต่ก่อนสื่อแฟชั่นไม่แตะเราเลย เราเข้าใจ เพราะเราคนละสาย แต่อย่างที่บอกว่า พอแบรนด์ต่างๆ เข้ามาหาเรา ให้เกียรติเรา ให้ priority เราได้ซื้อของก่อนใคร บางคอลเลกชันเห็นในรันเวย์แล้วจองได้เลย มีไซส์พิเศษ บางรุ่นที่ไม่มีขายในบ้านเรา เราก็สั่งได้ ความสัมพันธ์ที่เพิ่มขึ้นก็ทำให้เราออกงานให้กับแบรนด์ต่างๆ บ่อยขึ้น แต่สื่อก็ยังยืนยันจุดยืนเดิมคือ ไม่แตะเราเลย ไม่ถ่ายรูปหรือถ่ายแล้วไม่เอาลง ทำให้เราเริ่มสังเกตว่า ทำไม? เราอยู่คนละวงจรกันเหรอ ทั้งที่เราเป็นวงจรที่ต้องพึ่งพาอาศัยกัน ช่วงแรกอาจจะซื้อน้อย ทำให้เขาไม่สัมผัสเราก็ไม่เป็นไร แต่มาจนถึงทุกวันนี้ ทุกแบรนด์ก็ให้ความสำคัญกับเรา ถึงขนาดให้ผู้ใหญ่ของแบรนด์มาดูแล เชิญเราไปดูโชว์ไปออกงานด้วยซ้ำ“

แก๊ป- ปณิธิพัธน์ พีรพัฒนกุล
คำถามที่คาใจ เพราะหาคำตอบไม่ได้นี้เอง ค่อยๆ สั่งสมมาเรื่อยๆ จนนำมาสู่การเก็บข้อมูลเพื่อคลายความสงสัย “เวลาออกงาน เราสังเกตว่า สื่อบางสำนักยังโฟกัสว่ามาร่วมงานของแบรนด์ เพื่อมาตามถ่ายดารา ไลฟ์ดารา เน้นคอนเทนต์แค่ตรงนั้น ซึ่งเราไม่เข้าใจว่า การที่สื่อมาของแบรนด์ก็เพื่อหาข่าวสารแต่ละแบรนด์ไปทำคอนเทนต์ไม่ใช่หรือ ถ้าอย่างนั้นในฐานะผู้ใช้แบรนด์ตัวจริง ใส่แบบโททัลลุค เรียกว่าเป็นหนึ่งในลูกค้าที่เป็นเสาหลักของแต่ละแบรนด์ เป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมแฟชั่น ไม่อย่างนั้น ผู้ใหญ่ของทุกแบรนด์ไม่พยายามเอาใจเรา แต่สื่อกลับไม่ให้ความสำคัญกับเรา บางสื่อยังทำตัวเหมือนตีห่าง จนเรารู้สึกลึกๆ ว่า ณ วันนี้ เรายืนอยู่ตรงนี้แล้ว เขาจะทำเหมือนมองไม่เห็นเรา มันไม่ถูก

เมื่อเราหันกลับมาซื้อสินค้าแบรนด์เนมในบ้านเรา กลับมาหนุนแบรนด์ในบ้านเรา แบรนด์เองก็ให้ความสำคัญกับเราแล้ว สื่อมาทำข่าวให้กับแบรนด์หรืออะไรก็แล้วแต่ ก็ต้องพึ่งในเรื่องโฆษณาหรือเปล่า เพราะฉะนั้น ก็ควรให้ความสำคัญกับเรา ในฐานะอินฟลูเอนเซอร์ของแบรนด์ด้วย เราไม่อยากให้สื่อรู้สึกว่าเราเป็นคนอื่น” มาร์คระบายความอัดอั้นในใจ ก่อนจะหาทางออกของปัญหาที่ทำให้สบายใจทุกฝ่าย

“สุดท้ายเราตัดสินใจบอกแบรนด์ไปตามตรงว่า เราไม่แฮปปี้กับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการที่บางสื่อมองเราเป็นแค่ตัวประกอบของงาน หรือบางครั้งเราไปอยู่ในงาน เหมือนไปถ่ายรูปกับดารา แล้วทำให้เขาทำงานยากหรืออย่างไรไม่ทราบ เขากลับมาบอกให้เราพอได้แล้ว เราก็คิดว่านอกจากจะมาบอกให้เราไม่ยุ่งกับงานเขา เขายังต้องมาสนใจเราด้วยหรือเปล่า เพราะในการจัดงานแต่ละครั้ง ต้องเข้าใจว่า ถ้าไม่ใช่ลูกค้าระดับวีวีไอพีไม่มีสิทธิ์มาร่วมงานอยู่แล้ว เราเองเวลาไปงานก็ไม่ได้ไปวุ่นวายกับดาราจนน่าเกลียด บางครั้งถ้าไปก่อนงานเริ่ม เจอดาราเราก็ชวนถ่ายรูปเท่านั้น แต่บางสื่อกลับมองว่า ไปรบกวนการทำงานของเขา คือเราเข้าใจนะว่าคอนเทนต์ของสื่อต้องเอาดาราไปขาย แต่บางครั้งในเนื้องานของเขาก็ต้องมีพวกเซเลบริตี

ที่ผ่านมาเราสังเกตว่า เซเลบริตีที่เขาเลือกก็เป็นพวกเพื่อนๆ ของเขาที่มาแทน ทั้งที่จริงๆ แล้ว สัดส่วนคนที่ใช้ของแบรนด์เนมบ้านเรา มีไม่ถึงหลักร้อย เราเป็นหนึ่งในกลุ่มที่ใช้กระหน่ำตลอด เพราะฉะนั้น เขาจะไม่รู้จักเราไม่ได้ หรืออาจรู้จักแต่เราไม่ใช่พวกเขาไม่ได้ เลยมาถึงจุดที่เราตัดสินใจบอกแบรนด์ เพื่อให้แต่ละแบรนด์ไปให้ข้อมูลกับสื่อ หลังจากนั้น ประมาณเดือนกว่าๆ ก็เห็นการปฏิบัติกับเราดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งตอนนี้ถือว่าเคลียร์กันแล้ว”
แก๊ป- ปณิธิพัธน์ พีรพัฒนกุล และมาร์ค-ธาวิน พี เซียวตง
นอกจากความอัดอั้นที่มีกับสื่อบางสำนักแล้ว “แก๊ป” เซเลบเพื่อนสนิทของ มาร์ค-ธาวิน ยังถือโอกาสเสริมเพื่อนรุ่นพี่ ถึงความไม่น่ารักของนักแสดงบางคน ที่ได้รับเลือกเป็นเฟรนด์ (Friend) เชิญมาร่วมงานของแบรนด์ต่างๆ

“ปกติเวลาไปงานกับพี่มาร์ค นอกจากจะเจอการปฏิบัติของสื่อที่ไม่น่ารักบางสำนัก ก็เคยเจอรุ่นน้องดารา ซึ่งเป็นนางเอกวัยทีน ค่อนข้างดัง ในฐานะเฟรนด์ออฟแบรนด์ของแบรนด์แฟชั่นของฝรั่งเศสแบรนด์หนึ่ง น้องคนนี้ปกติภายนอกลุคเขาดูน่ารัก ไนซ์ ถ่อมตัว แต่หลังจากเจอครั้งแรกเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว เราก็ไปถ่ายรูปกับเขา เขาก็ยืนตรงกลาง พอถ่ายเสร็จเขาก็ทำหน้าเหยียดๆ ว่า ถ่ายเสร็จแล้วทำไมไม่ไป ประมาณว่าเธอเป็นใคร เจอแบบนี้เราก็สะอึกนะ ยังมานั่งพูดกันเลยทำไมเขาเป็นแบบนี้ เพื่อนแก็ปคนหนึ่งในกลุ่มเลยพูดขึ้นมาว่า เขาอาจจะไนซ์ก็ได้นะ (มองโลกในแง่ดีไปอีก)”

แก๊ปยังเล่าต่ออย่างออกรสอีกว่า “หลังจากนั้นพอเจอกันครั้งที่สองเป็นงานในห้าง เรานั่งอยู่กับผู้ใหญ่หลายท่าน ปรากฏว่าน้องดาราคนเดิมเดินไหว้ทักทายผู้ใหญ่ แต่พอมาถึงกลุ่มเรา เอามือลง แล้วก็เดินผ่านไป ตอนนั้นเราก็งงนะ เรามาในฐานะลูกค้าห้าง พี่มาร์คเองก็เป็นผู้ใหญ่ แต่เขาเลือกไหว้แบบฟันหลอ คือไหว้มาตลอด พอมาถึงกลุ่มเราก็เว้นช่วง พอเลยไปค่อยไหว้ต่อ ขณะที่น้องดาราอีกคนที่เดินตามมา เขาไหว้ทักทาย สวัสดีทุกคน เราก็งงว่าทำไม หลังจากนั้นได้มีโอกาสเจอกันอีกหลายงาน น้องดาราคนนี้ก็ยังเชิดเก้าเชิดสิบ พอไปคุยกับหลายคนถึงได้รู้กิตติศัพท์ว่าน้องคนนี้ไม่ไนซ์แล้ว”

เมื่อเจอกับการปฏิบัติที่ไม่น่ารักของดารา ที่ไม่เอ่ยชื่อว่าใคร มาร์คเสริมว่า “เพื่อความสบายใจของเรา ในเมื่อน้องเขาเป็นเฟรนด์ออฟแบรนด์นี้ เราเลยเลือกหนีจากแบรนด์นี้ ไม่ซื้อแบรนด์นี้เลย จนผู้ใหญ่แบรนด์นี้สงสัยว่า ทำไมเราไม่ซื้อของของแบรนด์เขาอีก เพราะเรายังคงซื้อแบรนด์อื่นๆ เป็นปกติ เราเว้นแบรนด์เขาไปเลย ซึ่งเราคิดว่าถ้าซื้อก็ต้องไปทำกิจกรรมกับแบรนด์ อาจต้องเจอกับน้องดาราคนนั้น ซึ่งเขาอาจจะน่ารักกับสื่อ แต่ไม่น่ารักกับลูกค้า ซึ่งก็ไม่ควร ช่วงแรกๆ ก็ยังไม่ได้บอกแบรนด์ตรงๆ แต่แบรนด์ก็พยายามติดต่อและนำเสนอสิทธิพิเศษให้ เราก็เกรงใจ เพราะเราไม่ได้ซื้อของเขา จนตอนหลังจึงเลือกที่จะบอกความรู้สึกของเรากับแบรนด์ไป”

มาถึงวันนี้ ทั้งมาร์คและแก๊ปยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า ทุกวันนี้สบายใจมากขึ้น หลายๆ อย่างที่เคยอัดอั้นได้รับการแก้ไข “ความรู้สึกต่างๆ ที่เราเจอ ถ้าพูดตามหลักศาสนา ทุกคนมีอัตตา มีตัวตน สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในชีวิตคนคือ หลงกับตัวตนที่มีขึ้นมา มันคือสิ่งสมมติทั้งนั้น แก๊ปเชื่อว่าค่าของคนไม่ได้วัดที่ชื่อสียงหรือฐานะ ตั้งแต่เด็กครอบครัวแก๊ปสอนเสมอว่า เด็กที่เรียนเก่งไม่จำเป็นต้องคบกับเพื่อนที่เรียนเก่งเหมือนกันเท่านั้น แต่ต้องคบกับเพื่อนที่เป็นคนดี มีน้ำใจ ตั้งแต่เด็กไม่เคยเลือกคบคน คือในความคิดแก๊ป ทุกคนมีค่า คนที่ให้ค่ากับคนที่จะมีประโยชน์กับตัวเองมากกว่า อย่างนี้ไม่จีรัง ชื่อเสียงมาเงินทองมาก็หมดไป ไม่มีอะไรที่จีรังยั่งยืน” แก๊ปทิ้งท้าย
มาร์ค-ธาวิน พี เซียวตง และแก๊ป- ปณิธิพัธน์ พีรพัฒนกุล


กำลังโหลดความคิดเห็น