xs
xsm
sm
md
lg

ราชนิกูลคนดังทุกมหาสาขา ร้อยเรียงดวงใจถวายความภักดีองค์ราชัน

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

คุณชายเหมาและสมาชิกราชสกุลยุคล
ภาพพระราชพิธีบรมราชาภิเษกที่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ ทรงเป็นพระมหากษัตริย์โดยสมบูรณ์ เมื่อวันที่ 4-6 พ.ค.ที่ผ่านมา ยังคงจารึกและซาบซึ้งอยู่ในห้วงดวงใจของปวงพสกนิกร อย่างไม่มีวันเสื่อมคลาย โดยเฉพาะ สมาชิกราชสกุลทุกมหาสาขาแห่งราชจักรีวงศ์ ที่ได้รับพระราชทานพระราชานุญาต ให้เฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จออกสีหบัญชร ที่พระที่นั่งสุทไธสวรรย์ปราสาท เมื่อวันที่ 6 พ.ค. 62ยังความซาบซึ้งใจและความปลาบปลื้มใจอย่างหาที่สุดมิได้จนถึงทุกวันนี้

ม.ร.ว. รังษิพันธ์ ยุคล
เริ่มที่ “คุณชายเหมา-ม.ร.ว.รังษิพันธ์ ยุคล” โอรสใน ม.จ. จุลเจิม ยุคล ซึ่งได้รับคัดเลือกให้เป็น1ใน6 ของราชสกุลยุคล ที่เป็นตัวแทนเฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ณ พระที่นั่งสุทไธสวรรย์ปราสาท ร่วมกับสมาชิกราชสกุลทุกมหาสาขาของบรมจักรีวงศ์ และพสกนิกรชาวไทยทั่วประเทศ

ถึงแม้จะออกตัวว่าเป็นคนพูดไม่ค่อยเก่ง แต่เมื่อถามถึงความรู้สึกในวันที่ตัวเองได้เป็นส่วนหนึ่งในวินาทีประวัติศาสตร์ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จออกสีหบัญชร เพื่อให้ประชาชนเฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล คุณชายเหมาตอบด้วยน้ำเสียงแห่งความปลื้มปีติว่า รู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นตัวแทนของราชสกุลยุคล และทันทีที่ได้ชื่นชมพระบารมีของล้นเกล้าฯ ทั้ง2 พระองค์แล้ว เหมือนน้ำทิพย์ที่มาประโลมใจให้คลายความเหนื่อยล้าอ่อนแรงของร่างกายให้หายจนหมดสิ้น

“วันนั้นอากาศร้อนมากตั้งแต่เช้าจนก่อนถึงเวลาเสด็จ แต่พอเราได้ชื่นชมพระบารมีของทั้ง2 พระองค์เท่านั้น ความร้อนในกายจากสภาพอากาศก็หายไปหมดสิ้น และรู้สึกว่าเราโชคดีมากที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย และได้อยู่ภายใต้พระบรมโพธิสมภารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” คุณชายเหมาเผยความในใจ
ม.ล. พลอยนภัส (ดิศกุล) ลีนุตพงษ์
“ขวัญ-ม.ล.พลอยนภัส (ดิศกุล) ลีนุตพงษ์” เป็นหนึ่งในตัวแทนของราชสกุลดิศกุล ที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการบันทึกหน้าประวัติศาสตร์ชาติไทย ด้วยการเข้าเฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ณ พระที่นั่งสุทไธสวรรย์ปราสาท ร่วมกับสมาชิกราชสกุลกว่า 600 ชีวิต จาก130 ราชสกุล และพสกนิกรชาวไทยทั่วทั้งประเทศอีกนับแสนคน ขวัญเล่าถึงวินาทีแห่งประวัติศาสตร์ที่ยังคงจารึกไว้ในห้วงความทรงจำอย่างไม่รู้คลายว่า นับเป็นความภาคภูมิใจสูงสุดในชีวิต ที่ได้เป็นตัวแทนราชสกุลดิศกุล ได้เข้าเฝ้าฯถวายพระพรชัยมงคล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เพราะโดยปกติที่ผ่านมา ตนและสมาชิกราชสกุลทุกคน ส่วนใหญ่จะได้เฝ้าฯ ถวายพระพร อีกพระที่นั่งหนึ่งในพระบรมมหาราชวัง แต่ครั้งนี้ด้วยความที่มีสมาชิกราชสกุลเป็นจำนวนมาก ดังนั้นสมาชิกราชสกุลทุกคน จึงได้มาเฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล พร้อมกันกับประชาชนจากทั่วทั้งประเทศ ที่เดินทางมาเฝ้าฯ ถวายพระพร ด้วยหัวใจที่เปี่ยมไปด้วยความจงรักภักดี ณ พระที่นั่งสุทไธสวรรย์ปราสาท

“รู้สึกภาคภูมิใจและดีใจมาก ที่เราได้เป็นส่วนหนึ่งแห่งวันประวัติศาสตร์ เราได้รู้ได้เห็นด้วยตาและสัมผัสได้ด้วยหัวใจแห่งความจงรักและภักดี ที่ปวงพสกนิกรชาวไทยมีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะที่ผ่านมา เราเคยเห็นภาพที่ประชาชนชาวไทย พร้อมใจกันมาเฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เมื่อครั้งที่เสด็จออกสีหบัญชร พระที่นั่งสุทไธสวรรย์ปราสาท เมื่อ70 กว่าปีมาแล้วผ่านทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย แต่วันนี้เรามีโอกาสได้อยู่ในวันแห่งประวัติศาสตร์ด้วยตัวเป็นๆ ของเรา รู้สึกตื้นตันใจอย่างหาที่สุดมิได้ และครั้งนี้ก็ถือเป็นครั้งแรกด้วย ที่บรรดาสมาชิกราชสกุลทุกมหาสาขา ได้เฝ้าฯ ถวายพระพรที่ด้านหน้าพระที่นั่งสุทไธสวรรย์ปราสาทพร้อมกับประชาชน นับเป็นความสุขใจและภูมิใจที่ได้เห็นถึงการแสดงออกซึ่งความจงรักภักดี ของปวงพสกนิกรชาวไทยอย่างพร้อมเพรียงกัน วันนั้นเป็นวันที่ขวัญและคนไทยทุกคน ร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีดังกึกก้องอย่างสุดหัวใจ”

วินาทีที่ได้ชื่นชมพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ที่ประทับยืนอยู่เบื้องหน้า ณ พระที่นั่งสุทไธสวรรย์ปราสาท ความร้อนความเหนื่อยล้าทั้งหมดที่มีต่างมลายหายไปอย่างหมดสิ้น
ม.ล.พลอยนภัสและสมาชิกราชสกุลดิศกุล
“พวกเราราชสกุลทุกคนนัดรวมพลกันที่หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน ตั้งแต่ช่วงเช้า และพากันเดินเท้ามาที่หน้าพระที่นั่งสุทไธสวรรย์ปราสาท ตอนบ่ายโมง ซึ่งขณะนั้นสภาพอากาศร้อนมาก แสงแดดเปล่งประกายแข่งกับพระอาทิตย์ ไม่มีแม้แต่ที่ยืนบังแดด บวกกับชุดผ้าไหมที่หนาและร้อน มีเพียงยาดมอันเดียวที่ถืออยู่ในมือ แต่พวกเราก็พร้อมสู้และเฝ้ารอวินาทีแห่งประวัติศาสตร์อย่างใจจดใจจ่อ และเมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี เสด็จออกสีหบัญชร เพื่อให้ทุกคนเฝ้าฯ ถวายพระพร และชื่นชมพระบารมีอย่างใกล้ชิด ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าทั้งหมดก็พลันหายไป กลับกลายเป็นความสุขอิ่มเอมในหัวใจ ที่ยังคงเปี่ยมสุขมาถึงทุกวันนี้ นับเป็นความโชคดีของเหล่าปวงพสกนิกรชาวไทยอย่างแท้จริง ที่ได้เกิดมาอาศัยอยู่ภายใต้พระบรมโพธิสมภาร” ขวัญเล่าด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ

ถึงแม้จะเตรียมตัวมาเป็นอย่างดีก่อนถึงวันงานแล้วก็ตาม แต่ด้วยสภาพอากาศอันแสนร้อนของช่วงบ่ายวันที่ 6 พ.ค.ที่ผ่านมา ก็ทำให้หญิงแกร่งอย่าง ขวัญ มีเซกันบ้าง แต่ในช่วงวิกฤติของชีวิตเธอที่กำลังเผชิญอยู่ในขณะนั้น ทำให้เธอได้ซึมซับสัจธรรมบางอย่างในชีวิตว่า “เมื่อเรามีเรายิ่งต้องให้ผู้ที่ด้อยโอกาสกว่า”

“ในวันนั้นสิ่งแรกที่ขวัญเห็นคือ ความรักความสามัคคีของคนไทยทุกคนที่มีให้แก่กัน โดยเฉพาะ ความมีน้ำใจโอบอ้อมอารี หลายคนไม่เคยรู้จักกันด้วยซ้ำ ต่างคนต่างมา แต่เราจะเห็นภาพที่เขาหยิบยื่นน้ำดื่มหรือยาดม ร่ม มาแบ่งปันกัน อย่างขวัญเองก็เป็นหนึ่งคนที่ได้รับการหยิบยื่นน้ำใจนั้น เพราะช่วงระหว่างที่รอเฝ้าฯ ถวายพระพร อากาศมันร้อนมาก รู้สึกเหมือนจะเป็นลมและร่างกายต้องการน้ำมาก ในช่วงวินาทีนั้นก็มีคุณยายแต่งกายด้วยชุดชาวเขา เอาพัดมาวีให้เรา แถมยังแบ่งน้ำในขวดเล็กๆ ให้ดื่ม ซึ่งปกติขวัญจะไม่ดื่มน้ำจากคนแปลกหน้าอยู่แล้ว แต่วันนั้นรู้สึกว่าร่างกายเราขาดน้ำมาก จึงรับน้ำจากคุณยายมาดื่ม และก็ทำให้ร่างกายเราดีขึ้น และวินาทีนั้นเองมันทำให้เรารู้สึกว่า เราได้รับความช่วยเหลือจากใครสักคนในสิ่งที่เราขาด ทั้งๆ ที่เราไม่ได้ร้องขอ มันเป็นความสุขใจอย่างบอกไม่ถูก ดังนั้น ขวัญจึงตั้งปณิธานกับตัวเองไว้เสมอว่า เมื่อเรามีเยอะเรายิ่งต้องแบ่งปัน ให้กับคนที่เขาไม่มี” ม.ล.พลอยนภัส เล่าด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น
ม.ล. อุบลวดี ชยางกูร
ขณะที่ “คุณหญิง-ม.ล.อุบลวดี ชยางกูร” ตัวแทนราชสกุลชยางกูร ได้มีโอกาสเฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคลในวันนั้น เล่าให้ฟังถึงวินาทีประวัติศาสตร์ด้วยน้ำเสียงแห่งความปลื้มปีติว่า มีความภาคภูมิใจและปลื้มปีติอย่างหาที่สุดมิได้ ในฐานะที่เป็นราษฎรคนหนึ่งที่มีโอกาสได้เฝ้าฯถวายพระพรชัยมงคล ทั้ง2 พระองค์อย่างใกล้ชิด และวินาทีที่ได้ชื่นชมพระบารมีความเหนื่อยจากสภาพอากาศอันร้อนฉ่า ก็หายเป็นปลิดทิ้ง มีแต่น้ำตาที่คลอเบ้าไหลออกมาด้วยความปลาบปลื้มใจ เพราะทั้งหัวใจล้วนเต็มไปด้วยความรักและความจงรักภักดีต่อราชวงศ์อย่างหาที่สุดมิได้

“น้ำตาของพี่เริ่มไหลตั้งแต่วันที่ 5 พ.ค. ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเครื่องบรมขัตติยราชภูษิตาภรณ์ ฉลองพระองค์ครุย สายสะพายมหาจักรี สายสร้อยจุลจอมเกล้า เสด็จเลียบพระนครมายังวัดบวรนิเวศฯ แล้ว เพราะวันนั้นเราเฝ้าฯ รับเสด็จอยู่ที่วัดอย่างใจจดใจจ่อ และเมื่อริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศใกล้เข้ามา เสียงทรงพระเจริญดังกึกก้องมากขึ้นเรื่อยๆ และวินาทีที่พระองค์เสด็จเข้ามาในวัด น้ำตาก็ไหลออกมาแบบไม่ทันรู้ตัว เพราะเรารักพระองค์มาก และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้เหนือสิ่งอื่นใด และยิ่งวันที่ 6 พ.ค.ที่ทั้งสองพระองค์เสด็จออกสีหบัญชร ทันทีที่ได้เห็นพระพักตร์ของทั้งสองพระองค์ น้ำตาเราก็ไหลออกมาด้วยความจงรักภักดีอย่างสุดหัวใจ ความเหนื่อยความร้อนทั้งหมดก็หายไปทันที มีแต่ความปลื้มปีติดีใจที่เรามีในหลวง และสมเด็จพระบรมราชินี โดยเฉพาะ ตอนที่ในหลวงทรงโบกพระหัตถ์และมีพระราชดำรัสขอบใจพสกนิกรชาวไทยทุกคน ไม่รู้ว่าน้ำตามาจากไหนไหลพร่างพรูเป็นสายเลย” คุณหญิงเล่าด้วยน้ำเสียงที่ยังคงสั่นเครืออยู่จนถึงทุกวันนี้

คุณหญิงยังบอกด้วยน้ำเสียงแห่งความมุ่งมั่นด้วยว่า ทั้งชีวิตนี้จะจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และพระราชวงศ์จักรีจนกว่าชีวิตจะหาไม่
พล.ท.ม.ล. กุลชาติ ดิศกุล (ที่ 5 จากซ้าย) กับสมาชิกราชสกุลทุกมหาสาขา
ด้าน พล.ท.ม.ล. กุลชาติ ดิศกุล ในฐานะผู้ประสานงานราชสกุลทุกมหาสาขา ที่ได้มารวมตัวกันเพื่อเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของวันประวัติศาสตร์ เล่าให้ฟังว่า ทุกวันนี้มีบรรดาสมาชิกในราชสกุลและราชนิกุลทั้งหมด ตั้งแต่รัชกาลที่ 1 จนถึงรัชกาลที่ 7 ซึ่งรวมได้ทั้งหมด131 ราชสกุล และในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพุทธศักราช 2562 ในครั้งนี้ สามารถรวมราชสกุลทุกมหาสาขามาจนครบทุกราชสกุล จำนวนกว่า 600 คน เพื่อมาเฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกสีหบัญชร

ส่วนการคัดเลือกสมาชิกราชสกุลในครั้งนี้ ก็ไม่ต่างจากงานพระราชพิธีสำคัญครั้งที่ผ่านมา โดยเจ้าตัวได้ประสานงานผ่านตัวแทนของราชสกุลทั้งหมด อันเป็นรายชื่อที่เจ้าตัวเก็บไว้อย่างเป็นระบบระเบียบ เพื่อให้ส่งตัวแทนสมาชิกราชสกุลมาร่วมในพระราชพิธีครั้งนี้ ราชสกุลละ6 คน ที่จะได้มาร่วมในพระราชพิธีครั้งสำคัญแห่งประวัติศาสตร์ชาติไทย

นับเป็นความโชคดีของปวงพสกนิกรชาวไทยอย่างแท้จริง ที่ได้อาศัยอยู่ใต้พระบรมโพธิสมภาร ของพระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรีทุกพระองค์


กำลังโหลดความคิดเห็น