Celeb Online ขอพาไปกระทบไหล่สาวไซส์มินิวัย 20 ปลายๆ “แน๊ตตี้-นาตาชา จุลานนท์” ที่เห็นนามสกุลก็อดสงสัยไม่ได้ว่า เธอเป็นอะไรกับ “พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์” องคมนตรี นายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 24 โดยเธอนับได้ว่าเป็นหลาน ท่านมีศักดิ์เป็นคุณตาน้อย (น้องชายของคุณตา) ของเธอเอง ซึ่งจากที่ผ่านมาเราได้เห็นหน้าค่าตาของเธอมาบ้าง ในฐานะอดีตพิธีกรวัยใสจากรายการสตรอเบอรี่ชีสเค้ก และเป็นหวานใจของเซเลบหนุ่ม “อินทร์-กษิดิศ ดุลยจินดา” แต่วันนี้มาทำความรู้จักเธอให้มากยิ่งขึ้น ทั้งบทบาทการเป็นนักแสดง สังกัดช่อง 3 และเจ้าของแบรนด์ “Natasha shoes Thailand”
เข้าวงการบันเทิง เพราะเพื่อนแกล้ง
“แน๊ตตี้-นาตาชา จุลานนท์” เป็นพี่คนโตในจำนวนพี่น้องสองคน เป็นลูกสาวสุดหวงของคุณพ่อทวีรัตน์ ด่านอุดมกิจ (เสียชีวิตแล้ว) และคุณแม่ธัญรัตน์ จุลานนท์ เพราะสนใจด้านภาษาตั้งแต่เด็ก จึงเลือกเรียนในสิ่งที่รักจนสำเร็จปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย สาขาวิชาภาษาอังกฤษ ความเป็นสาวตัวเล็กน่ารัก จึงได้รับการทาบทามให้ถ่ายแบบตั้งแต่อายุยังไม่ 15
“ถ่ายแบบนิตยสารครั้งแรกได้เงิน 3,500 บาท ตอนนั้นยังเด็ก เราก็ไม่ได้สนใจเรื่องเงินหรือคิดเข้าวงการ จนเพื่อนแอบส่งประวัติไปแคสเป็นพิธีกรรายการสตรอเบอรี่ชีสเค้ก เราก็ลองดู ตอนนั้นคนประกวดเยอะมาก ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะได้ ปรากฏว่าเราเข้ารอบ ถึงตอนนั้นไม่อยากทำแล้ว เพราะรู้สึกว่าตัวเองยังเด็กแค่ 15 เอง รู้สึกว่าคงไม่ไหว เพราะมันต้องตื่นตี 5 ไปถ่ายรายการทุกอาทิตย์ แต่หารู้ไม่ว่าสิ่งที่เราตัดสินใจทำรายการนั้นต่อ ทำให้เราอยู่มาได้ถึงวันนี้”
ถึงตอนนั้นใจจะบอกว่า ‘ไม่’ แต่ด้วยความรับผิดชอบว่า ทางรายการเลือกเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของทีมกับสัญญาการทำงานถึง 2 ปี ทำให้แน๊ตตี้ตัดสินใจเข้ามาเป็นพิธีกรสตรอเบอรี่ชีสเค้ก โดยถึงขั้นย้ายโรงเรียน เพราะโรงเรียนเดิมไม่ได้สนับสนุนให้นักเรียนเป็นนักแสดง ประกอบกับเป็นช่วงขึ้นมัธยมปีที่ 4 พอดี แต่จากจุดนั้นถือเป็นก้าวกระโดดให้สาวแน๊ตตี้เดินเข้ามาสู่วงการบันเทิงเต็มตัว ได้รู้จักกับนักปั้นมือทอง อย่าง “โกโก้-นิรุณ ลิ้มสมวงศ์” ที่ป้อนงานให้มากมาย พาเข้ามาทดสอบเป็นนักแสดงสังกัดยักษ์ใหญ่ เรียนการแสดงกับ “ครูเงาะ-รสสุคนธ์ กองเกตุ” จนกลายเป็นนักแสดงเต็มตัว
สาวแก่นเซี้ยวที่คุณพ่อหวงสุด
นอกจากต้องรับมือกับชีวิตที่เปลี่ยนไปแบบต้องเป็นผู้ใหญ่ปุ๊บปั๊บ สิ่งที่คาดไม่ถึงอีกอย่างก็คือ การเปิดไฟเขียวของคุณพ่อในการเข้าสู่วงการบันเทิงของสาวแน๊ตตี้ ทั้งที่ในเวลานั้นคุณพ่อของเธอได้ชื่อว่าหวงและเข้มงวดกับลูกสาวมาก และดูเหมือนว่าลูกสาวคนนี้แอบแก่นไม่ใช่เล่นเหมือนกัน เธอสารภาพเองว่าแต่ไหนแต่ไรเป็นคนไม่เรียบร้อย พูดไม่รู้เรื่อง สมาธิสั้น ชอบแกล้งคนอื่น แต่ชีวิตการทำงานตั้งแต่เด็กทำให้รู้จักวางตัวมากขึ้น เรียนรู้ว่าการอยู่ในวงการต้องรู้จักอ่อนน้อม ถ่อมตน
“ต้องบอกก่อนว่าเราเป็นคนซน ขนาดเล่นไพ่ในห้องน้ำโดนครูจับได้ เข้าห้องครูปกครองประจำ แล้วไม่ได้เป็นเด็กเรียน เพิ่งมาเรียนดีตอนมัธยมปลายและมหาวิทยาลัย จากเด็กไม่ตั้งใจเรียนกลายเป็นว่า เราเรียนไปทำงานไปด้วย ก็งงตัวเองเหมือนกัน ขนาดสอบขอทุนของมหาวิทยาลัยได้ และแต่แรกเราก็ไม่เคยคิดเป็นนักแสดง จริงๆ อยากเป็นนักร้องมากกว่า ขนาดไปเรียนร้องเพลงจริงจังจนการเรียนตก พ่อเลยไม่ให้ไปเรียนร้องเพลง”
“แต่แปลกมากพอได้งานสตรอเบอรี่ชีสเค้ก กลายเป็นว่าพ่อเห่อมาก ไปรับไปส่งเราตลอด ทั้งที่พ่อเป็นคนดุ เข้มงวดมาก อาจเพราะการเป็นพิธีกรรายการเป็นงานเป็นชิ้นเป็นอัน คุณพ่อก็เลยให้เราได้ทำตรงนี้ อายุแค่ 17 เรามีเก็บเงินซื้อรถได้คันหนึ่งแล้ว เราก็รู้สึกว่าทำไมเงินดีขนาดนี้ นั่นเพราะคุณพ่อเป็นคนเก็บเงินให้เราตลอด แล้วตอนนั้นเรายังเด็ก ไม่รู้จะใช้อะไร แถมไม่ค่อยมีเวลาเที่ยวไหนด้วย ใช้เงินแค่เดือนละ 3,000 บาทเท่านั้นเอง”
ชิมลางปั้นแบรนด์รองเท้า
มาถึงบรรทัดนี้ หลายคนคงสงสัยแล้วว่าชีวิตสาวเล็กพริกขี้หนูมาเกี่ยวอะไรกับรองเท้า ต้องย้อนไปก่อนว่าคุณพ่อสายเข้มของนักแสดงสาว เป็นนักธุรกิจเจ้าของโรงงานผลิตรองเท้าส่งออกไปต่างประเทศ อย่าง อังกฤษ เยอรมนี และแถบยุโรป โดยคุณพ่อเคยให้ลูกสาวคนนี้คิดชื่อแบรนด์รองเท้า เพราะมีแผนทำแบรนด์เพื่อมาบุกตลาดในประเทศ จึงเป็นที่มาของชื่อแบรนด์ว่า “Natasha shoes” จนเมื่อคุณพ่อของเธอจากไปอย่างกะทันหัน ทำให้สาวแน๊ตตี้ซึ่งคลุกคลีกับธุรกิจรองเท้าของครอบครัวมาตั้งแต่เด็กๆ ตัดสินใจนำโปรเจกต์นี้มาปัดฝุ่นใหม่ ปรับดีไซน์และคาแรกเตอร์ จนมาเป็นแนวรองเท้าแฟชั่นส้นสูงจำหน่ายทางออนไลน์เท่านั้น (Facebook และ IG)
“ก่อนมาทำแบรนด์นาตาชา เราคลุกคลีกับกองรองเท้ามาตลอด ไปไหนก็ชอบดู ชอบลองรองเท้า อดไม่ได้ต้องซื้อ พอมาดูแบรนด์รองเท้าของเราเอง เราก็เรียนรู้แบบและสไตล์ของต่างประเทศ ในส่วนของงานส่งออกก็ยังอยู่แต่คุณป้าเป็นคนดูแล จะคนละไลน์กับนาตาชา โดยสไตล์ของนาตาชาจะเน้นเปรี้ยว ชิค ส่วนใหญ่เป็นส้นสูง 4 นิ้ว มีกลิตเตอร์ เป็นแนวปาร์ตี้ เรียกว่าเป็นแบบที่เราชอบดีกว่า”
ทุกขั้นตอนของแบรนด์นาตาชา กล้าบอกได้ว่าสาวแน๊ตตี้ทำเองทุกอย่าง ตั้งแต่ออกแบบ แพ็กของ เช็คสต๊อก ติดต่อลูกค้า บางทีปรับแบบกันเป็นเดือน จนมีท้อกันไป แต่ก็ไม่ได้ทำให้กำลังใจของสาวร่างเล็กหยุดอยู่แค่นี้ โดยเธอมีความหวังอยู่เล็กๆ ที่จะทำให้แบรนด์ของเธอเติบโตมากกว่าที่เป็น เพียงแต่รอโอกาสและจังหวะที่ใช่เท่านั้น
“4 ปีที่ผ่านมา แบรนด์นาตาชามีทั้งขึ้นและลง เราก็พัฒนาแบบไปเรื่อยๆ ยังมีลองผิดลองถูกเหมือนกัน เคยมีคนแซวทำไมไม่จ้างคนช่วย แต่เรามองว่าอะไรที่ไม่เหลือบ่ากว่าแรง เราก็ทำเอง เรายังชอบทำงานอยู่ นับถือผู้หญิงทำงาน เราก็เรียนรู้ที่จะทำงานให้เป็น ให้เก่ง ต้องบอกว่าเราโชคดีมีแบคกราวน์ดีจากโรงงานของคุณพ่อ ได้ทีมดีในการทำรองเท้า เพราะรองเท้าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน อย่าง บางสต๊อกลูกค้ามาบอกว่าสายรัดรองเท้าขาดไป 3 คู่ แค่นี้เราก็รู้สึกแย่แล้ว ทำให้เราเรียนรู้ว่าต่อไปต้องระวังอะไรบ้าง” นาตาชาเล่าถึงโปรเจกต์รองเท้าที่ทำควบคู่ไปกับงานแสดง
แต่ขณะที่ กำลังตั้งใจกับงานที่รัก บางครั้งคุณแม่ของเธอกลับเคยเปรยให้แน๊ตตี้หันไปทำงานประจำ ถึงขนาดเคยชวนให้ไปทำงานราชการ สอบเป็นทหารสัญญาบัตรก็มี เพราะอยากให้ลูกสาวทำงานที่มั่นคง “คุณแม่ไม่ถึงขั้นบังคับว่าต้องไปนะ แค่อยากให้ลูกสาวทำงานมั่นคง เพราะเป็นห่วงเรา แต่ใจจริงๆ เราชอบงานอิสระ ไม่ชอบอยู่ในกรอบคือ ชอบทำงานนะ แต่ไม่ชอบทำอะไรร่วมกับใคร ขนาดแบรนด์รองเท้าเคยมีคนมาขอหุ้นด้วย เรายังปฏิเสธเลย เพราะรู้สึกว่าเป็นแบรนด์ที่เราสร้างมา ยังเคยแอบคิดอยู่เลยว่าถ้าคุณพ่อยังอยู่ แบรนด์รองเท้าอาจไปเร็วกว่านี้ เพราะพ่อเป็นคนเก็บเงินเก่ง วางแผนให้ทุกอย่าง”
งานทาสแมวต้องมา งานเรียนต้องมี
พักเรื่องงาน มาสัมผัสวันว่างของสาวเปรี้ยวคนนี้กันบ้าง ที่มีอีกมุมคือ การเป็นทาสแมวอย่างแท้จริง โดยแน๊ตตี้เป็นสาวรักสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นน้องหมาหรือน้องแมว แต่เพราะเคยเลี้ยงสุนัขและตายจากกันไปหลายตัว ทำให้ระยะหลังหันมาโอ๋น้องแมวแทน ด้วยเหตุผลพิสดารว่า น้องหมาจะผูกพันกับคนเลี้ยงมากไป เวลาเห็นมันจากไปจะเสียใจมาก ผิดกับแมวที่เป็นสัตว์เอาแต่ใจและดูแลตัวเองได้ เลยมโนเองว่าน่าจะติดเจ้าของน้อยกว่า จะได้ไม่เสียใจมากถ้าเกิดอะรขึ้นกับมัน พอเอาเข้าจริง แน๊ตตี้กลับติดกับดักตัวเอง สมัครเป็นทาสแมวไปโดยปริยาย
“ก่อนหน้านั้นเราเลี้ยงน้องหมาหลายตัวมาก แต่ตอนนี้เหลืออยู่ 5 ตัวคือ น้องหมา 3 ตัว เป็นของแม่และน้องชาย ของเรามีแมว 2 ตัว คือแมวไทยที่เคยรับมาเลี้ยง กับแมวพันธุ์เอ็กโซติก ช็อตแฮร์ ซึ่งแมวจะแอบหยิ่งไม่ค่อยสนใจเราเท่าไหร่ แต่เราก็รักมัน กอดมัน เล่นกับมันอยู่ตลอด ถ้าเจอแมวที่ไหนก็ขอให้ได้ลูบ รูปในโทรศัพท์ก็มีแต่รูปแมว” สาวเปรี้ยวคนเดิมเพ้ออาการทาสแมวที่คุมไม่ค่อยอยู่
นอกจากมุมน่ารักๆ ที่ไม่ค่อยเผยให้ใครเห็นแล้ว แน๊ตตี้ยังมีไลฟ์สไตล์คาดไม่ถึงอีกอย่างคือ การลงเรียนคอร์สฝึกภาษา จุดนี้ต้องยกเครดิตให้กับคุณพ่อ ที่ปลูกฝังให้เธอเห็นประโยชน์ของการเรียนภาษาจะเป็นประตูไปสู่โอกาสในชีวิตต่างๆ และสนับสนุนให้แน๊ตตี้เรียนภาษาที่สามมาตั้งแต่เด็ก โดยเฉพาะ ภาษาจีน ซึ่งเธอเองก็มีใจรักในการเรียนภาษาอยู่แล้ว อย่างล่าสุด ก็ลงเรียนภาษาสเปน เพราะคุณตาแนะนำว่าเป็นภาษาที่น่าสนใจ และเป็นภาษาที่สองในกลุ่มประเทศยุโรป
“หลังเรียนภาษาสเปน ทำให้เราดูหนังสเปนไปเลย แต่ภาษาจีนก็มีกลับไปทบทวนบ้างนะ เพราะกลัวลืม ตั้งใจจะเรียนภาษาจีนให้คล่องเลย เรามองว่าจะเป็นการเปิดโอกาสในชีวิตของเราอีกหลายๆ ด้านด้วย วันไหนถ้าว่างๆ ดู Netflix จดคำจากละคร คือเราจะมีสมุดอยู่ 2 เล่ม เล่มหนึ่งจดคำจีน อีกเล่มจดคำสเปน ไวยากรณ์อาจไม่ได้เป๊ะ แต่ฝึกการฟังไป วันไหนอารมณ์ดี ต้องอารมณ์ดีๆ เลยนะ (หัวเราะ) ก็เอามาเปิดดู บางทีพี่อินทร์ ก็รำคาญเราตรงนี้เหมือนกัน”