xs
xsm
sm
md
lg

ยิ่งรู้จักยิ่งหลงรัก “ไท้-วสุวัส คูหาเปรมกิจ” หนุ่มหล่อโปรไฟล์เริ่ด

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ด้วยลุคหนุ่มตี๋มีสไตล์ แถมช่างแต่งตัว ทำให้ “ไท้-วสุวัส คูหาเปรมกิจ” ขึ้นแท่นเป็นโอปป้าที่สาวน้อยสาวใหญ่แอบกรี๊ด และอยากทำความรู้จักเซเลบหนุ่มทายาทโกลเบล็ก ผู้ค้าทองคำ กันเป็นแถว เพราะนอกจากจะเป็นน้องชายคนเล็กของ ฮิม-อิสริยะ และ เซนต์-ธราภุช สองเซเลบหนุ่มนักธุรกิจที่คุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี เพราะมีสาวข้างกายเป็นคนดังในวงการบันเทิง ถ้าลองสำรวจโปรไฟล์การศึกษาและการทำงานของน้องชายคนเล็ก ก็มาเต็มไม่แพ้พี่ชายไท้จบการศึกษาด้านการตลาดจาก Imperial College London และปริญญาโทสาขาเดียวกันจากมหาวิทยาลัย Suffolk เมืองบอสตัน สหรัฐอเมริกา โดยคว้าเกียรตินิยมอันดับสองมาครองทั้งระดับปริญญาตรี และปริญญาโท“ถามว่าเป็นเด็กเรียนเก่งมั้ย ก็คงไม่ถึงขนาดนั้น แต่ผมตั้งใจมากกว่า อย่างถ้าเป็นช่วงใกล้สอบ ผมจะให้เวลากับการเตรียมตัวค่อนข้างมาก บางครั้งไม่ได้นอนเลยก็มี” ไท้ตอบอย่างถ่อมตัว ก่อนเผยถึงเหตุผลที่ทำให้เขามุ่งมั่นที่จะศึกษาด้านการตลาดอย่างถึงแก่น “ถ้ามองในสายของธุรกิจ ซึ่งตอนแรกผมก็อยากเรียนนะ แต่มองว่ามาร์เกตติ้งเป็นศาสตร์ที่ใกล้ตัวกับผู้บริโภคมากที่สุด ผมสนใจว่าของหนึ่งอย่างวางขายเหมือนกัน แต่ทำไมการมีแบรนด์และไม่มีแบรนด์ถึงให้ผลลัพธ์ไม่เหมือนกัน การเรียนตรงนี้ช่วยตอบโจทย์ ทำให้เข้าใจพฤติกรรมของผู้บริโภคมากขึ้น เห็นภาพที่ค่อนข้างชัดเจน”



ปัจจุบันไท้ทำหน้าที่เป็น Business Development Manager อยู่ที่ช่องทรูฟอร์ยู ซึ่งไท้สารภาพว่า เพิ่งเริ่มงานนี้ได้เพียง 2 เดือน หลังเก็บเกี่ยวประสบการณ์ทำงานภายใต้หลังคากลุ่มซีพีมาได้ร่วม 2 ปีแล้ว “หลังจากเรียนจบปริญญาโท ผมกลับมาเริ่มงานแรกที่ ยูนิลีเวอร์ เป็นแบรนด์เมเนเจอร์ของโดฟและวาสลีนที่เป็นสบู่ สำหรับผมถือว่าค่อนข้างใกล้ตัว เพราะเป็นสินค้าอุปโภคที่อยู่คู่ทุกครัวเรือนของคนไทย การทำงานที่นี่ทำให้ได้เห็นเซกเมนต์ของตลาด ผ่านพอร์ตโฟลิโอที่มีหลากหลายของแบรนด์ ภายใต้ความเป็นยูนิลีเวอร์ หลังจากทำงานที่นี่อยู่เกือบปี ผมตัดสินใจลาออกเพื่อสานต่อธุรกิจครอบครัว ตั้งใจนำความรู้เรื่องการตลาดมาพัฒนาต่อยอดธุรกิจเดิมที่อยู่มานาน ระหว่างนั้นก็เริ่มต้นธุรกิจสกินแคร์กับเพื่อนที่เป็นแพทย์ผิวหนังไปด้วยชื่อว่า แบรนด์” Moulin” ซึ่งตอนนี้ก็ยังทำอยู่” ไท้เล่าอย่างออกรสก่อนจะหักมุมเล็กๆ ว่า “แต่หลังจากทำงานที่บ้านได้ปีกว่า ผมก็มีโอกาสมาสัมภาษณ์งานกับทางซีพี และตัดสินใจออกจากธุรกิจครอบครัว มาท้าทายตัวเอง เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์การทำงานอีกครั้ง”

การตัดสินใจครั้งสำคัญอีกครั้งของชีวิตสำหรับไท้ เขามองว่ามาถูกทาง เพราะมาถึงวันนี้ไท้สารภาพว่า จากที่เคยผ่านงานองค์กรใหญ่มาเพียงแห่งเดียว อาจทำให้เขายังไม่เห็นโลกกว้างมากพอ แต่พอได้มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของซีพี ซึ่งประกอบด้วยหลากหลายธุรกิจ จึงเหมือนเป็นโรงเรียนชั้นดี ที่ทำให้เรียนรู้ในหลากหลายมิติ“ผมได้เรียนรู้หลายอย่างจากการทำงานที่นี่ ที่สำคัญเป็นการเรียนรู้แบบกว้างขวางไปในหลายธุรกิจ ทั้งอสังหาริมทรัพย์ อาหาร โครงการยักษ์ใหญ่ อย่าง ไอคอนสยาม รวมถึงอุตสาหกรรมบันเทิง ได้ร่วมงานกับคนเก่งๆ มากมาย ได้มีโอกาสเดินทางไปศึกษาดูงานต่างประเทศ ร่วมงานกับสถาปนิกระดับโลก ช่องหูหนานทีวีของจีน และทีมงานของ Cirque du Soleil ซึ่งแม้จะเป็นคนละแนวกับที่ผมเคยเรียนรู้มา แต่สุดท้ายแล้วหัวใจสำคัญ ก็กลับมาอยู่ที่หลักการตลาด จะทำอย่างไรเพื่อให้สินค้าหรือบริการเข้าไปอยู่ในใจผู้บริโภคได้”



ไท้อธิบายต่อเพื่อให้เห็นภาพว่า “หลังจากที่ทางช่องทรูฟอร์ยูมีการปรับผังรายการใหม่ เลยเหมือนเป็นโอกาสดีที่จะได้เข้ามาช่วยมองหาโอกาสธุรกิจใหม่ๆ เพื่อต่อยอดคอนเทนต์คุณภาพที่ทางช่องเลือกมา ในมุมมองนักการตลาดหนุ่มเขาเชื่อว่า แม้ธุรกิจสื่อจะเผชิญหน้ากับการดิสรัปชัน มีผู้ผลิตในตลาดเยอะขึ้น ประกอบกับ ทรูฟอร์ยู อาจไม่ใช่ช่องหลัก ทำให้ท้าทายอย่างมาก ผมยังเชื่อว่าการปรับผัง และการผนึกกำลังกับพันธมิตร น่าจะทำให้ทรูฟอร์ยูเป็นช่องที่ตอบโจทย์ผู้ชม และสามารถขยายไปยังกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ได้”สะท้อนวิสัยทัศน์ตามสไตล์คนหนุ่มไฟแรงไปแล้ว กลับมาที่เป้าหมายการใช้ชีวิต “ผมตั้งใจว่าวันหนึ่งต้องกลับมาทำธุรกิจครอบครัวแน่นอน แต่ก็ไม่ได้จำกัดกรอบตัวเองว่า ต้องอายุเท่าไหร่ถึงกลับมา ตอนนี้ผมสนุกกับการเรียนรู้หาประสบการณ์ไปเรื่อย ซึ่งครอบครัวก็สนับสนุน เมื่อไหร่ที่ผมรู้สึกว่า หมดความท้าทายกับสิ่งที่ทำ หรือรู้สึกว่าไม่ได้พัฒนาในสิ่งที่ทำ ผมก็อาจจะกลับมาพิจารณาดูอีกที ผมเชื่อว่าการทำงานทุกอย่างคือ การเรียนรู้ อยู่ที่ว่าจะนำไปปรับใช้อย่างไร เพราะฉะนั้น สิ่งสำคัญที่ผมให้ความสำคัญมากที่สุดคือ เวลา เพราะเป็นสิ่งที่เสียไปแล้วไม่มีวันได้กลับมา ตราบใดที่ผมรู้สึกว่าสิ่งที่ทำอยู่ ยังได้ต่อยอด พัฒนาตัวเองเพื่อให้ประสบความสำเร็จเร็วขึ้นผมโอเค”มีอุดมการณ์ ใช้ชีวิตแบบมีเป้าหมายไว้ให้พุ่งชนแบบนี้ ถามว่าคิดอยากจะริเริ่มธุรกิจของตัวเองหรือไม่ คำถามนี้พาให้หนุ่มหล่ออมยิ้มก่อนตอบสั้นๆ แต่หนักแน่นว่า “ครับ ผมอยากทำธุรกิจของตัวเอง อยากพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เล็กๆ เพราะว่าผมชอบงานด้านสถาปัตยกรรม ดีไซน์เป็นทุนเดิม เลยคิดว่าน่าจะนำมาต่อยอดกับความรู้ด้านการตลาดที่เรียนมาได้ หรือไม่ผมก็จะมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ จากธุรกิจที่บ้านเพื่อต่อยอด”


สำหรับไลฟ์สไตล์วันว่าง ไท้โปรยยิ้มก่อนเฉลยว่า ถึงจะดูเป็นหนุ่มเนิร์ดเล็กๆ แต่ความจริงมีวันว่างสุดชิค ถ้าไม่ไปหาคาเฟ่ ร้านอาหารอร่อยนั่งชิล เพื่อตามหาแรงบันดาลใจ แต่ถ้ามีวันว่างหลายวันขอเลือกเก็บกระเป๋าออกเดินทาง “เวลาไปนั่งคาเฟ่ หรือร้านอาหารเปิดใหม่ นอกจากความสุขที่ได้เปลี่ยนบรรยากาศ ผมชอบศึกษาไลฟ์สไตล์ของคนในสังคม ซึ่งพวกเขาล้วนแต่เป็นผู้บริโภค นอกจากจะได้เห็นเทรนด์ใหม่ๆ ว่ามีสินค้าหรือบริการอะไรน่าสนใจ สุดท้ายก็วนกลับมาเรื่องของการตลาด การศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภคว่า เปลี่ยนไปจากคนสมัยก่อนที่อาจจะมองหาเรื่องความมั่นคงของชีวิต ไม่เน้นโชว์ออฟ แต่พอโซเชียลมีเดียเข้ามา เราเริ่มเห็นว่า คนสมัยนี้หันมาให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิต ใช้เงินเพื่อซื้อความสุขและเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับชีวิตมากขึ้น ผมเองทุกวันนี้ถ้ามีเวลาก็ชอบเดินทาง ต่อให้หยุดไม่กี่วันก็เดินทาง ผมเที่ยวได้หลายแนว จะไปแบบหรู แอดเวนเจอร์ได้หมด ผมเดินทางเยอะมาก อย่างปีที่แล้วเป็น 10 ทริป มีทั้งไปทำงานและไปเที่ยวเอง”ส่วนจุดหมายปลายทางที่นักเดินทางรูปหล่ออยากไปสัมผัส แต่ยังไม่มีโอกาส เขายกให้แอฟริกาใต้ ไอซ์แลนด์ และฟินแลนด์ นอกจากจะเป็นสายเที่ยวต่างประเทศแล้ว เมืองไทยเองก็เป็นอีกหนึ่งจุดหมายที่ไท้ยกนิ้วให้ในความสวยงามและน่าสนใจ จะติดเรื่องเดียวก็คือสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจ เลยพาลให้หมดสนุก


“เทคนิคของผมคือ ค่อยๆ แก้ไปทีละขั้น ถึงเจออุปสรรคที่ใหญ่ คอขาดบาดตายพังแน่ๆ สุดท้ายก็มีทางแก้ไปเรื่อยๆ ค่อยๆ แก้ เรียนรู้จากสิ่งที่ผิด ถ้าเคยทำผิดแบบนี้ แล้วทำไปเหมือนเดิม ผลลัพธ์ก็ไม่มีวันเปลี่ยน เหมือนกับสุภาษิตฝรั่งที่ว่า Garbage In, Garbage Out คือ หมายถึงใส่ขยะเข้าไป สุดท้ายก็ได้ขยะออกมา เพราะฉะนั้น ทางที่ดีกว่าคือ เรียนรู้กับความล้มเหลวและผิดพลาด แล้วอย่าทำซ้ำ” ไท้ทิ้งท้ายSpecial Thanks : ร้าน Momentous ชั้น 3 สยามพารากอน เอื้อเฟื้อสถานที่ถ่ายภาพ


กำลังโหลดความคิดเห็น