ไม่มีใครปฏิเสธหรอกว่า มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก คือบุคคลผู้ทรงอิทธิพลที่สุดคนหนึ่งของโลกในยุคนี้ และก็เป็นที่รู้กันดีว่า เขาคือหนึ่งในมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดของโลกคนหนึ่ง แต่ช่วงหลายปีที่ผ่านมา เหมือนมาร์คจะเจอกับช่วงชีวิตที่เรียกว่า “ดวงแตก” เพราะหลังจากเฟซบุ๊กถูกทางรัฐบาลอเมริกาสอบสวน จนต้องรับสารภาพเรื่องการนำข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ ไปเผยแพร่ให้บุคคลที่สามโดยไม่ได้รับอนุญาต ทำให้เฟซบุ๊กต้องมีการปรับปรุงระบบความปลอดภัยทั้งหมด ยังไม่นับถึงเรื่องยอดผู้ใช้งานที่กำลังถดถอย หรือแม้แต่กระแสของผู้ถือหุ้นที่ต้องการจะปลดเขาออกจากตำแหน่งซีอีโอ ล่าสุด ผู้บริหารสองคนที่ถือว่าเป็นวงในระดับเพื่อนซี้ อย่าง คริส ค็อกซ์ หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์ และ คริส แดเนียลส์ หนึ่งในคนที่มาร์คไว้ใจที่สุด จนให้มาเป็นซีอีโอวอทส์แอพ หลังจากเฟซบุ๊กเทคโอเวอร์มา ได้ประกาศลาออก โบกมือลาทิ้งมาร์คไป
นิวยอร์ก ไทม์ รายงานว่า ประเด็นที่ทำให้คนรู้ใจของเจ้าพ่อเฟซบุ๊กลาออกพร้อมๆ กันนั้น ไม่ใช่แค่เรื่องความเห็นธุรกิจที่ไม่ตรงกัน แต่มันเป็นภาวะการที่ ซัคเคอร์เบิร์กเริ่มทำให้ภายในองค์กรตึงเครียด ด้วยการรวบอำนาจมากขึ้นและมากขึ้นเรื่อยๆ จากคนระดับวงในที่ไว้ใจกลายเป็นมีข้อสงสัย และสิทธิ์เสียงต้องลดลง จึงทำให้ต้องแยกทางกันในที่สุด
เท่านั้นยังไม่พอ บิสซิเนสอินไซเดอร์ ยังรายงานอีกว่า ซัคเคอร์เบิร์กยังทำให้บรรยากาศรอบตัวเขามาคุและแย่ไปกว่าเดิม จากสาเหตุที่ระยะหลังมีเหตุด้านลบเกิดขึ้นกับโซเชียลมีเดียดังบ่อยครั้ง และซัคเคอร์เบิร์กก็เป็นเป้าถูกวิจารณ์โจมตีอย่างหนักหน่วง ทำให้ตอนนี้เขาตัดสินใจควักเงินมากกว่า 300 ล้านบาท จ้างทีมบอดีการ์ดนับสิบคน ที่ไม่เพียงมารักษาความปลอดภัยแค่ส่วนตัวและครอบครัวเท่านั้น แต่ ยังเข้ามาดูแลความปลอดภัยทุกย่างก้าวของซัคเคอร์เบิร์ก ไม่ว่าจะไปประชุม ไปห้องนั่งเล่นในออฟฟิศ ทุกๆ ที่ที่เขาไป จะมีการสแกนความปลอดภัยก่อนเสมอ เรียกได้ว่า บรรยากาศในออฟฟิศเฟซบุ๊ก กำลังมาคุสุดๆ อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน