ทำเอาโลกทั้งใบกลายเป็นสีชมพู เมื่อได้ดื่มด่ำกับเรื่องราวความรักแสนหวานของคู่รักคนดัง อย่าง “เคน-ขันธ์เพชร” นักธุรกิจหนุ่มไฟแรง กับ “ขนมจีน-กุลมาศ สารสาส” นักร้องสาวเสียงทรงพลังและนักแสดงมากความสามารถ ซึ่งเมื่อปลายปีที่แล้วทั้งคู่เพิ่งจูงมือกันเข้าประตูวิวาห์หวานหลังคบหาดูใจกันมานานถึง 6 ปี
หลังใช้ชีวิตคู่ด้วยกันจริงๆ แล้วจะเป็นอย่างไร ทั้งคู่พร้อมที่จะเปิดบันทึกหน้าใหม่ของความรักให้ได้ติดตามความหวานไปพร้อมๆ กัน
“หลังแต่งงานเหมือนได้เริ่มอีกบทบาทหนึ่งของชีวิต ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ได้มาใช้ชีวิตด้วยกัน 24 ชั่วโมงจริงๆ แต่จะเรียกแบบนั้นก็ไม่ได้ (หัวเราะ) เพราะหลังจากแต่งงานได้พัก 2 วันขนมจีนก็กลับมาทำงานเหมือนเดิม เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เลยกลายเป็นว่าเราได้เจอกันตอนเช้า แล้วก็กลับมาเจอกันหลังเลิกงาน แต่ก็มีความสุขมากค่ะ ได้เรียนรู้กันมากขึ้น”
ขณะเดียวกัน ฝ่ายชายเองก็ปลื้มกับโมเมนต์ที่เป็นอยู่เช่นกัน “เราแต่งงานกันมาร่วม 2 เดือน มีแต่ความสุขครับ ตั้งแต่เราเป็นแฟนกันมานี่เป็นครั้งแรกที่ได้ใช้ชีวิตร่วมกันจริงๆ เหมือนได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ เจอกันทุกวัน แต่สิ่งที่เหมือนเดิมคือเราต่างทำงานทั้งคู่ จะกลับมาเจอกันตอนเย็น ขนมจีนดูแลผมดีมากๆ ดีกว่าที่คิด (ยิ้ม) เขาเป็นคนเสมอต้นเสมอปลาย ผมเองก็พยายามดูแลเขาให้ดีเหมือนที่เขาดูแลผม”
สำหรับเหตุผลที่ทั้งคู่ยังโฟกัสเรื่องงานเป็นหลัก เนื่องจากวางแผนชีวิตหลังแต่งงานไว้แล้วว่าจะขอใช้ชีวิตคู่กันไปก่อน และตั้งใจจะมีทายาทประมาณปลายปี ดังนั้น นอกจากฝ่ายชายจะลุยธุรกิจของครอบครัว ขนมจีนก็ขอเดินหน้ารับงานเต็มที่ นอกจากผลงานเพลงยังรับละครไว้ 4 เรื่อง ซึ่งคุณสามีก็ไฟเขียวไม่มีปัญหา ไม่ต้องสกรีนงานของภรรยาที่รักเพราะเชื่อใจอีกฝ่าย
“ปกติเขาจะเป็นคนที่สกรีนงานเขาเองอย่างดีที่สุดอยู่แล้ว ถามว่าจะรับงานหวือหวาได้หรือเปล่า ก็ขึ้นอยู่กับเขาครับ แต่ละครั้งเวลารับงานเขาก็จะบอกผมก่อนตลอด ถ้าผมโอเคก็ทำ” ซึ่งขนมจีนเสริมว่า “ปกติจะไม่ค่อยเลือกงานที่ไม่เข้ากับตัวเองอยู่แล้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขนมจีนก็จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดในงานของตัวเองค่ะ"
ย้อนไปถึงเส้นทางความรักของทั้งคู่ 6 ปีที่ผ่านมา ถือเป็นช่วงเวลาพิสูจน์ความรัก โดยเคนถือเป็นแฟนคนแรกของขนมจีนก็ว่าได้
“ตลอด 6 ปีที่ผ่านมาเราก็รักกันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เขาเสมอต้นเสมอปลาย เราได้ทำอะไรพิเศษร่วมกัน ผมเองในฐานะแฟนคนแรกของเขาก็รู้สึกดีใจมากๆ ที่จะได้เป็นแฟนคนสุดท้าย แต่ละอย่างที่ทำร่วมกันผมรู้สึกว่ามันพิเศษทุกอย่าง บางทีเขายังหยอกว่าขนมจีนร้องเพลงนี้ให้พี่เคนที่ไหน ผมก็จำได้หมด เพราะผมรู้สึกว่าทุกอย่างที่เราทำด้วยกันเป็นช่วงเวลาที่พิเศษ เขาเองก็ดีใจกับทุกอย่างที่ทำให้ ซึ่งเขาเองก็ไม่เคยลืมเช่นกัน ขนมจีนเป็นคนความจำดีมาก ซึ่งมันทำให้ผมปลื้มว่าทุกอย่างที่เราทำมีค่ากับเขาจริงๆ”
ขณะที่ขนมจีน ซึ่งถือโอกาสเติมความหวานด้วยว่า “เราเจอกันในช่วงเวลาที่เหมาะสม เพราะถ้าย้อนไปชีวิตวัยเด็กและวัยรุ่นของเรา เราใช้ชีวิตต่างขั้วกันมาก ไม่มีทางมาบรรจบกันได้ แน่นอนว่าถ้าเรายังใช้ชีวิตแบบนั้นอยู่ คือขนมจีนยังติดเรียน บ้างาน ติดบ้าน จะไม่มีทางออกไปเจอเพื่อน ขณะที่ พี่เคน ซึ่งใช้ชีวิตแบบเด็กอินเตอร์ ปาร์ตี้ ใช้ชีวิตมาทุกรูปแบบ ก็คงไม่มาบรรจบกัน แต่พอจังหวะและโอกาสที่เหมาะสม ที่ใช่ ก็ไม่น่าเชื่อว่าเราจะเจอกันได้ ขนมจีนเชื่อว่าถ้าเราเจอคนที่ใช่ก็คือใช่ บอกไม่ถูก เราเหมือนมาช่วยเติมเต็มกัน พี่เคนเป็นคนดีมาก ตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่คิดว่าจะเจอใครที่คิดว่าจะดีกว่านี้แล้ว ดีใจที่มีพี่เคนมาเป็นสามีและพ่อของลูก เชื่อว่าจะเป็นพ่อของลูกที่ดีและสามีที่ดีแน่นอน”
ถามว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้ทั้งคู่ประทับใจกันและกัน และคิดว่าอีกฝ่ายต้องเป็นคู่ชีวิต ขนมจีนตอบก่อนว่า “เขาเป็นคนเสมอต้นเสมอปลายมากๆ ค่ะ ดูแลขนมจีนมาโดยตลอด น่ารักและอบอุ่น รักครอบครัว เขาดูแลเราตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ก็เหมือนเดิม”
ขณะที่ เคนว่า “ขนมจีนก็สอนอะไรผมหลายๆ อย่าง ด้วยความที่เขาทำงานในวงการมาตั้งแต่เด็ก ก็จะมีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่าผม ในช่วงแรกที่คบกัน หลังจากนั้นคบกันมาเรื่อยๆ ก็สอนผมหลายอย่างเหมือนกัน ดูแลผมได้ดีมากและรักผมมากๆ”
โชว์หวานให้ได้ยิ้มกันไปแล้ว ลองให้ทุกคู่เปรียบเทียบกันและกันเป็นอะไรสักอย่างในชีวิต ทั้งคู่จะเลือกเปรียบเทียบเป็นอะไร เริ่มจากขนมจีน เปรียบเทียบคุณสามีเป็นเสียงดนตรี
“พี่เคนเปรียบเสมือนเสียงดนตรีในชีวิตของขนมจีน สำหรับขนมจีน การร้องเพลงอยู่ในชีวิตเป็นสิ่งที่ทำให้เรามีความสุข ทุกครั้งที่ได้ร้องเพลง เหมือนเป็นแพชชัน ฉะนั้น พี่เคนจึงเปรียบเสมือนเสียงดนตรีที่มาเติมเต็มชีวิตเรา พร้อมร่วมสร้างอนาคตไปด้วยกัน”
ด้านคุณสามีเลือกเปรียบเทียบภรรยาคนสวยว่า ไม่ต่างจากดอกไม้ที่ไม่ใช่แค่สีอะไรก็ได้ แต่เป็นดอกไม้สีชมพูที่หอมหวาน ควรค่าแก่การทะนุถนอม
“ผมว่าขนมจีนเหมือนดอกไม้สีชมพู เพราะว่าเวลามองขนมจีน เขาเป็นคนสดใส อารมณ์ดี น่ารัก ฟูลออฟเลิฟตลอด ผมหวังว่าความรักของเราจะเหมือนกับดอกไม้สีชมพูที่จะเบ่งบานไปเรื่อยๆ ไม่มีวันเหี่ยว แต่จะเติบโตไปด้วยกันเรื่อยๆ”
อย่างไรก็ตาม การแต่งงานถือเป็นอีกหนึ่งบทเริ่มต้นของความรักในอีกสถานะหนึ่ง ทั้งคู่ทิ้งท้ายถึงเคล็ดลับการครองคู่ให้ความรักยืนยาว
“คนสองคนจะใช้ชีวิตร่วมกันแล้วยั่งยืน ต้องให้อภัย ต้องคิดบวก เอาแต่สิ่งดีๆ เข้าบ้าน สิ่งไม่ดี เรื่องคนอื่น ที่จะกลายเป็นเหตุให้ต้องทะเลาะกันอย่าเอาเข้ามา เพราะสุดท้ายแล้วไม่เกิดผลดีสักอย่าง มีแต่เรื่องเครียด ที่สำคัญ ถ้ามีอะไรไม่ถูกใจกันเราต้องเคลียร์ให้จบ เพื่อวางเรื่องนั้นไว้ข้างหลัง แล้วเดินไปข้างหน้าด้วยกัน”
ขณะที่ ขนมจีน ซึ่งแม้จะดูเป็นผู้หญิงยุคใหม่ แต่กลับยึดในนิยามการใช้ชีวิตคู่แบบคนรุ่นก่อนที่เธอนำมาปรับใช้ได้อย่างน่าสนใจ
“การให้อภัยซึ่งกันและกัน และมีสติเป็นสิ่งสำคัญ พูดง่ายนะคะแต่ทำยาก ขนมจีนคิดว่าเราพยายามใช้ชีวิตคู่ของเราให้เหมือนคนสมัยก่อน ที่ว่ากันว่าคนสมัยก่อนแต่งงานกันง่าย แต่หย่ากันยาก ผิดกับคนสมัยนี้ แต่งงานยากแต่ถึงเวลาอยากมีเส้นทางของตัวเองง่ายเหลือเกิน เพราะฉะนั้น ขนมจีนจึงพยายามใช้ชีวิตเหมือนรุ่นปู่ย่าตายาย
สำหรับขนมจีน การแต่งงานเหมือนจุดเริ่มต้น นับแต่วันนี้เราต้องสร้างครอบครัวให้แข็งแรง ทำให้ดีที่สุด เดี๋ยวนี้อะไรก็เร็วไปหมด แค่คลิกเดียวของที่อยากได้ก็มาถึงบ้าน ทำให้คนเราไม่รู้จักความอดทน หรือเห็นคุณค่าสิ่งที่มีอยู่ เราเองในฐานะที่เป็นมนุษย์คนหนึ่ง ก็ต้องคอยเตือนตัวเองและเตือนกัน ถ้าเจอปัญหาอะไรก็ต้องช่วยกันแก้ปัญหาไปเรื่อยๆ” ขนมจีนทิ้งท้าย